- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 July 2017 16:48
- Hits: 3204
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? แต่คาดยังอยู่ในกรอบแคบ ภายใต้ประเด็นเดิมจากต่างประเทศ (+) ความคาดหวังในเชิงบวกในการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ เริ่มจากกฎหมายประกันสุขภาพ ซึ่งเลื่อนมาจากปลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการปฏิรูปภาษี และนโยบายต่างๆ ตามที่เคยหาเสียงไว้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ (-) ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ โดยเฉพาะความกังวลต่อการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งปธน. สหรัฐฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างรอ (1) ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส 12 – 13/7/60 โดยเฉพาะนโยบายการเงินรอบครึ่งปี ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม (13 – 14/6/60) ซึ่งส่งสัญญาณการปรับลดงบดุลจากปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลา และในทางกลับกันคาดเฟดมีมุมมองที่ดีต่อและมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และ (2) การประชุมของ รมต.กระทรวงน้ำมัน ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกโอเปก ในวันที่ 24/7/60 ซึ่งคาดมีการหารือการปรับลดการผลิตของลิเบียและไนจีเรีย ที่ก่อนหน้าได้รับการยกเว้น คาดเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในระยะสั้น อย่างไรก็ตามระดับราคาน้ำมันล่าสุด ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้ง WTI, Brent และ Dubai เฉลี่ย 45 – 48USD คาดยังกดดันราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ คาด Sentiment ยังเป็นบวก แม้ Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน โดยค่าเงินสหรัฐฯ ล่าสุด USD index อยู่ที่ 95.65 ใกล้กับระดับ 95.5 จุดในช่วงสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 9 เดือน
แต่คาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้น ขณะที่ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามความหมายของตลาด แต่มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย หลังปรับเป้าหมาย GDP และการส่งออก เพิ่มขึ้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,569.24 -0.20 991.95 -0.93 2,232.75 -0.97
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +0.55, NASDAQ +16.91, S&P -1.90, FTSE -40.27, CAC -25.04 และ DAX -8.90
ภายใต้ความคาดหวังว่า คณะทำงานของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ให้เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งรวมถึงร่างกฎหมายประกันสุขภาพ หลังมีรายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ ตัดสินใจเลื่อนช่วงเวลาการหยุดพักผ่อนของวุฒิสมาชิกเดือนส.ค. ออกไป ทำให้คาดวุฒิสภามีเวลามากขึ้นในการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ
และยังได้รับปัจจัยหนุนจากสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐฯ – พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับแต่ธ.ค.’59
อย่างไรก็ตามได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์การเมืองของสหรัฐฯหลังบุตรชาย ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่อีเมล ที่ชี้ให้เห็นว่า ได้รับข้อเสนอเป็นข้อมูลที่อ่อนไหวของนางฮิลลารี คลินตัน จากรัสเซียเมื่อมิ.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อกล่าวหาว่า รัสเซียได้เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมาหรือไม่?
โดยที่อยู่ระหว่างรอ (1) ประธานเฟด กำหนดแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธ และแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ และ (2) บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงธนาคารรายใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน และซิตี้กรุ๊ป เป็นต้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$0.64 อยู่ที่US$45.04 ต่อบาร์เรล หลัง EIA ปรับลดคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ปี’61 คาดอยู่ที่ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากก่อนหน้าที่คาดอยู่ที่ 10.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน และความคาดหวังว่า ลิเบียและไนจีเรีย จะให้ความร่วมมือกับกลุ่มโอเปก ในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันจากชาติสมาชิกโอเปก และประเทศนอกโอเปก จะจัดประชุมที่ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 24/7/60
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.24 1.89 3.1
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,625.18
สถาบัน -717.3
บัญชีหลักทรัพย์ -166.15
ต่างประเทศ 72.92
ในประเทศ 810.53
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน
ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น MONO, WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.36%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.22 อยู่ที่ 10.89
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788