- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 12 July 2017 16:35
- Hits: 702
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย พบแรงขายทำกำไร ใน CPALL, CPF และ SCC อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อใน ADVANC, BBL ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,569 (-0.2 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.9 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อหุ้นไทยเล็กน้อยที่ 72 ล้านบาท และ short สุทธิ SET50 Index Future ต่อเนื่องที่ 6,520 สัญญา
สามารถเก็งกำไรบางตัว แต่ไม่เพิ่มพอร์ตการลงทุน : เราคงมุมมองว่า ปัจจุบัน SET ขาดปัจจัยสนับสนุนทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ โดยการปรับขึ้นของ Bond yield ทั้งในสหรัฐและไทย ล่าสุดปรับขึ้น 24bps , 14bps มาอยู่ที่ 2.387 และ 2.59% ตามลำดับ สะท้อนมุมมองการทยอยยกเลิกมาตราการผ่อนคลายทางการเงินของโลก โดยเฉพาะสหรัฐ, ยุโรป ซึ่งถือเป็นปัจจัยทางอ้อมกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น และหาก FED พิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลังที่ 1.25-1.50% อาจส่งผลให้ Bond yield ของสหรัฐมีโอกาสปรับไปในทิศทางเดียวกัน กดดันให้ธปท.อาจกลับมาพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ปัจจุบันที่ 1.50%) เพื่อป้องกันเงินไหลออกจากประเทศ และหากเป็นเช่นนั้นจริง เราคาดว่ากลุ่มธนาคารอาจจะกลับมาได้ประโยชน์ (อย่างไรก็ตาม Theme นี้เป็นเพียงการเก็งกำไรบนนโยบายของธปท.) Investment theme: เรายังไม่แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มพอร์ตการลงทุน ณ เวลาปัจจุบัน เพียงแต่ switching จากหุ้นที่มีกำไร มายังหุ้นที่ยังมี Upside และมี Sentiment เชิงบวก โดยนักลงทุนควรมีจุด take profit และ Cut loss ที่ชัดเจนมากขึ้น
ฐานต้องไม่หลุด กราฟรายชั่วโมงพยายามสร้างฐานที่ 1564-1570 เราจึงยังมองว่า หากไม่หลุด Low ที่ 1564 จะยังคงมีโอกาส Rebound และหากผ่านแนวต้านของกรอบ Downtrend ที่ 1573-1575 ได้ แนวโน้มจะกลับมาดูดี อย่างไรก็ตาม หากดัชนีหลุด Low ที่ 1564 จะกลับมามีมุมมองเชิงลบมากขึ้น โดยแนวรับถัดไปคือ 1555 กลยุทธ์การลงทุน (1) Trading ในกรอบ 1564-1575 (2) หากหลุด 1564 ลดพอร์ตการลงทุนระยะสั้น และพิจารณาแนวรับ 1555
แนวรับ : 1564, 1555 แนวต้าน : 1575-1580
ปัจจัยต่างประเทศ : ติดตามการแถลงของ Yellen ในวันที่ 13 ก.ค. และตัวเลข CPI ในคืนวันศุกร์ / ติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีน ในวันพฤหัส
ปัจจัยในประเทศ : จับตา BEC อาจเปลี่ยนสัญญานักแสดงในการออกงาน และ เล่นละคร / ธปท.เตรียมพิจารณาแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน (บัตรเครดิต) ในเดือนนี้ /
IRPC : ซื้อสะสม @ THB 6.00
• เราให้ IRPC เป็น Toppick ของกลุ่มพลังงาน โดยมองว่าผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือ PP และ สไตรีนิค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 70 % ของกำลังการผลิตรวม มีโอกาสเด่นกว่ากลุ่ม (PE) อีกทั้งใน 3Q60 จะเปิดดำเนินงาน โครงการ PP ส่วนขยาย (คิดเป็น 20%) ส่งผลให้กำไรจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
• เราคาดกำไรจากการดำเนินงาน 2Q60 ที่ 2,006 ล้านบาท (+113% QoQ) เป็นผลมาจากการกลับมาเดินเครื่องหลังจากที่ซ่อมบำรุง โดยปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่นเพิ่ม 66.8% เป็น 194kbd
GPSC แย้มดีล SPP ขนาด100 MW ลุยเพิ่มกำลังผลิต เป้าสัดส่วนพลังงานทดแทน 10% (ข่าวหุ้น)
GPSC แย้มดีลลงทุนโครงการ SPP ขนาดกว่า 100 MW หวังเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนเป็น 10% เล็งติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป บนหลังคาปั้มน้ำมัน-โรงงานที่จ.ระยอง คาดได้ข้อสรุปในปีนี้
ความเห็น : เรายังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อเข้าซื้อโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 100 MW ตามข่าว แต่การศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์บริษัทที่เคยนำเสนอมาก่อนหน้า ที่อยู่ระหว่างหาการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศล่าสุดมีการพูดถึงการศึกษาการลงทุนในโครงการโซล่าร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นในเฟสที่ 2 ทั้ง 2 โครงการคาดมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นภายในปลายปีนี้ ซึ่งเรายังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ เราชอบ GPSC จากการเป็นหุ้น Defensive และ dividend ที่มีการเติบโต แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 39.00 บาท
แห่ขาย'กลุ่มซีพี'หวั่นเพิ่มทุนยากราคาหุ้น 'ซีพีเอฟ - ซีพีออลล์' กอดคอร่วง (กรุงเทพธุรกิจ)
โบรกจ่อลดเป้าหมายกำไรไตรมาส 2 ปีนี้ ราคาหุ้นซีพีเอฟ-ซีพีออลล์ กอดคอกันร่วง นักลงทุนกังวลกรณีซีพีเอฟเพิ่มทุน 1.54 พันล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิมอาจมี ผู้ใช้สิทธิไม่มาก เพราะราคาสูงกว่าในกระดาน ขณะที่โบรกจ่อลดประมาณการกำไรไตรมาส 2 ปีนี้ จากธุรกิจในต่างประเทศกดดัน
ความเห็น : เราเห็นว่ามีความเป็นไปได้ในปรับลดประมาณการและราคาเป้าหมาย CPF เพื่อสะท้อนถึงกำไรที่ถูกกระทบจากธุรกิจหมูในเวียดนาม อีกทั้งผลกระทบจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายเดือนนี้ว่าจะส่งผลให้มี Dilution และเม็ดเงินที่ได้รับการจากเพิ่มทุนมากน้อยเพียงใด แนะนำชะลอการลงทุนไปก่อน ส่วน CPALL คาดกำไรชะลอตามการอุปโภคบริโภคในประเทศ แต่ยังเติบโต YoY แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท
AP ผุดคอนโดใหม่ 1.54 หมื่นล. คอนเฟิร์มยอดขายพุ่งเข้าเป้า (ทันหุ้น)
AP เดินหน้าผุดคอนโดใหม่ มูลค่าราว 1.54 หมื่นล้านบาท ปั๊ม Backlog เพิ่มจากเดิม 3.02 หมื่นล้านบาท กินยาวปี 2564 พร้อมการันตียอดขายคอนโดปีนี้ตามฝัน 1.24 หมื่นล้านบาท รับดีมานด์ทะลักอื้อซ่า แถมอัดฉีด 3 พันล้านบาท ช็อปที่ดินแปลงสวย ปูทางพัฒนาโครงการระยะยาว
ความเห็น : เราคงคำแนะนำ Trading Buy AP โดยให้เป้า 12 เดือนเท่ากับ 8.90 บาท/หุ้น โดย AP มี Catalyst ระยะสั้นที่ยอด Presales ที่ได้แรงหนุนจากกลุ่มคอนโดมิเนียมทั้งใน 2Q และต่อเนื่องไป 3Q ขณะที่ทิศทางของผลประกอบการจะดีที่สุดใน 4Q60 คาดว่าผลประกอบการปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาด้วยแรงหนุนของส่วนแบ่งกำไรจาก JV (รายละเอียดในบทวิเคราะห์วันนี้)
TPCH อวด COD โรงไฟฟ้า 9.20 MW วางเป้าปี 63 กำลังการผลิตแตะ 200 เมกะวัตต์ (ข่าวหุ้น)
TPCH โชว์ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล "พัทลุง กรีน เพาเวอร์" กำลังผลิต 9.20 MW พร้อมบุ๊ครายได้ทันที ส่งซิกจ่อ COD เพิ่มอีก 1 แห่งในไตรมาส 3/60 มั่นใจดันกำลังการผลิตขึ้นแตะ 200 MW ในปี 63
ความเห็น : รายการนี้เป็นไปตามแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าเดิมของบริษัทอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นประเด็นใหม่นัก โดย TPCH อยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าอีก 5 โรง รวม 89MW เพื่อวิ่งไปหากำลังการผลิตรวม 133MW ภายในปี 2562 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” 21.50 บาท/ หุ้น เรามองว่า TPCH เป็นภาพของการลงทุนระยะยาว การ COD ตามแผนนี้ ไม่น่าจะกระตุ้นการเทรดได้มากนัก เนื่องจากโรงไฟฟ้าตัวนี้มีกำลังการผลิตเล็ก
บีทีเอส กรุ๊ป ลงทุน MACO (ดอกเบี้ยธุรกิจ)
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท มาสเตอร์ แอด หรือ MACO อีก 1.32% รวมเป็นถือหุ้นทั้งหมด 40.68% จากเดิมที่บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย หรือ VGI ได้เข้าลงทุนถือหุ้นสามัญในบริษัท มาสเตอร์ แอด รวมทั้งสิ้น 1,125,967,400 ล้านหุ้น คิดเป็น 37.42% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ MACO
ความเห็น : เรามองว่ารายการดังกล่าว น่าจะเป็นเสมือนการฝาก MACO ไว้บางส่วนก่อนที่เชื่อว่าในอนาคตจะคืนย้อนกลับไปใต้ VGI ซึ่งดูแลธุรกิจสื่ออยู่ ซึ่งเราพบว่าปัจจุบัน VGI มีภาระหนี้สินในระดับตึงตัว ทำให้การเพิ่มสัดส่วนที่ MACO จะกลายเป็นภาระในระยะสั้นของ VGI ดังนั้น ประเด็นนี้มองว่าไม่ได้มีนัยสำคัญต่อ BTS นัก คงน้ำหนัก “ซื้อ” 10.51 บาท /หุ้น อย่างไรก็ดีในระยะสั้นหุ้นยังขาด catalyst ที่จะผลักให้หุ้นเคลื่อนไหว
กระแสเงินทุนต่างชาติ – กระแสเงินไหลทุนเริ่มหยุดไหลออกที่เอเชีย โดยเริ่มกลับเข้าเอเชียเหนือผ่านไทเปก่อน 379 ล้านเหรียญ โดยในฝั่งไทย นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 73 ล้านบาท แต่ยัง short SET50 Index future สุทธิต่ออีก 6,520 สัญญา ติดต่อกันในรอบ 5 วันทำการ ส่วนตลาดตราสารหนี้ ขายต่อเนื่องอีก 1,735 ล้านบาท
ธุรกรรม Short Selling – ปริมารณ short sell เพิ่มขึ้น 18% เป็น 1,074 ล้านบาท โดยหุ้น PTT ยังคงถูก short ต่อเนื่องอีก 123 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 372.53 บาท/ หุ้น รองลงมาได้แก่ ADVANC ที่ 119 ล้านบาท ที่เฉลี่ย 181.35 ล้าน/ หุ้น ส่วน KBANK ก็ยังคงถูก short ต่อเนื่อง 116 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 198.81 บาท/ หุ้น
การซื้อขาย NVDR – ปริมาณการซื้อขายทรงตัว โดย CPALL มียอดซื้อสุทธิสูงสุด 285 ล้านบาท และกลุ่มธนาคารล้วนเป็นยอดซื้อสุทธิอันดับต้นๆทั้งสิ้น ได้แก่ SCB KBANK BBL KTB MTB TISCO ทว่า ในด้านฝั่งขาย CPF มีแรงขายสูงสุด 547 ล้านบาท จากแนวโน้มผลการดำเนินงานชะลอตัวในไตรมาส 2 ขณะที่หุ้นที่พลิกมาขายครั้งแรกคือ PTTGC สูงถึง 359 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่ซื้อครั้งแรกวันก่อนอย่าง TCAP ก็กลับมาพลิกขายอีกครั้งทันที 46 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์