- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 11 July 2017 16:40
- Hits: 2796
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> IRPC, JMT, SAT
Stock S R Comment
IRPC 5.30 5.10 กลับมาเดินเครื่องเต็มไตรมาส
JMT 27.00 28.50 คาดกำไร 2Q60 เด่น หลังรับรู้รายได้จากหนี้ที่ซื้อเข้ามาปีก่อน
SAT 16.50 16.10 ค่ายรถลุ้น ลงทุนรัฐ ดันปิกอัพครึ่งหลังพุ่ง
NFP Surprised
NFP เมื่อคืนวันศุกร์ (7 ก.ค.) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯประจำเดือนมิถุนายนออกมาที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 178,000 ตำแหน่ง ในขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.4% จาก 4.3%
แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ซึ่งบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น แต่เรามองว่าไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ (Fed เริ่มให้น้ำหนักความสำคัญกับเสถียรภาพในตลาดการเงินมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค)
อย่างไรก็ดี ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าการขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวจะไม่ใช่ปัจจัยกดดันตลาดหุ้นเกิดใหม่แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นสิ่งที่นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์อยู่แล้ว ในทางกลับกัน ประเมินปัจจัย Fed มีโอกาสสร้าง Positive surprise ให้กับตลาดเกิดใหม่ได้ หากการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) ถูกเลื่อนออกไปจากไตรมาส 4 ซึ่งเป็นกรณีฐานของเรา
Oil Mixed : ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในกรอบ 45-55 เหรียญฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาดการณ์โดยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรลเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีความกังวลอุปทานของน้ำมันส่วนเกินที่ยังคงเป็นแรงกดดัน และความร่วมมือในกลุ่มประเทศ OPEC ที่จะลดกำลังการผลิตอาจจะไม่มีประสิทธิผลเพียงพอ เนื่องจากลีเบียและไนจีเรียซึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศที่ มีมติให้ลดกำลังการผลิตในการประชุม OPEC เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 46 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากที่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 49.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว และถือหุ้นกลุ่มแนะนำต่อไป ได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เลือก PTT, PTTEP สำหรับกลุ่ม Upstream และ BCP, SPRC, TOP สำหรับกลุ่มโรงกลั่น มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว
แนวรับ 1,563 แนวต้าน 1,574
บทวิเคราะห์วันนี้
IRPC (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.65 บาท) แนวโน้มไตรมาส 2 กลับมาเดินเครื่องเต็มไตรมาส คาดกำไร 1,926 ล้านบาท
TU (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 24 บาท) คาดกำไร 2Q60 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังไม่ดีเต็มที่
Today's Event
FPI ลูกหุ้นเข้า 22,683,425 หุ้น
PL ลูกหุ้นเข้า 121 หุ้น
PPS ลูกหุ้นเข้า 130,343,296 หุ้น
RICHY-W1 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (157.0mn sh 1:1 @ Bt. 1.80)
RICHY-W2 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (157.0mn sh 1:1 @ Bt. 2.75)
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]