WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

กลัวความเสี่ยง
     คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเซียที่เปิดอ่อนส่วนใหญ่ จากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของนักลงทุน หลังคาดการณ์กันมากขึ้นว่าบรรดาธนาคารกลางขนาดใหญ่จะเริ่มถอนการผ่อนคลายทางการเงิน รายงานการประชุมล่าสุดของ ECB เปิดทางลดขนาด QE จุดสนใจวันนี้ไปอยู่ที่ตัวเลขว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ และการประชุม G20 ที่ผู้นำมหาอำนาจของโลกไปรวมตัวกัน ปัจจัยภายในประเทศมีทั้งบวกและลบกระทรวงการคลังคาด GDP โตได้ถึง 4% ปีนี้ หากการเบิกจ่ายงบประมาณดีกว่าเป้า และโครงการโครงสร้างพื้นฐานใน EEC ได้รับอนุมัติทั้งหมด แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย. ลดลงอีก

 

หุ้นเด่นวันนี้ : CHG (ราคาปิด 2.44 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 3.40 บาท)
บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์หุ้นกลุ่ม Defensive และพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท เราคาดผลการดำเนินงานของ CHG จะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นและการปรับขึ้นของค่าเหมาจ่ายโดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) การเปลี่ยนแปลงงบประมาณที่จ่ายให้กับสถานพยาบาลที่อยู่ในโครงการมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 60 ที่ผ่านมา โดย CHG น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์หลักเนื่องจากบริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนมากถึง 401,609 ราย ณ ไตรมาส 1/60

 

         นอกจากนี้ ในอนาคต เรามองว่าบริษัทอาจได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากเครือข่ายโรงพยาบาลและคลินิกของ CHG ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเป็นหลัก เราคาดการขยายตัวของธุรกิจและนิคมอุตสาหกรรมจะช่วยหนุนจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นแล้ว เรามองว่าการที่ไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกในระยะยาวเช่นกัน เราคาดการณ์กำไรจะเติบโต 19.5% ในปี 60 และ 18.9% ในปี 61 เร่งตัวจากที่เติบโตเพียง 4.8% ในปี 59 Price Pattern ของ CHG มีความแข็งแกร่งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal แต่แนวโน้มหลักยังอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ CHG มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 2.60 บาท ทั้งนี้ CHG มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.32 บาท (Resistance: 2.46, 2.48, 2.52; Support: 2.42, 2.38, 2.36)

 

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นการเติบโตของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (FPO) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะโตขึ้น 4% ในปีนี้หากการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นเกินคาด FPO จะพิจารณาทบทวนการคาดการณ์ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในปลายเดือนนี้ สำนักงานคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตประมาณ 3.6% ในปี 2560 โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 50-60 ของงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมอีก 160 พันล้านบาท (The Nation)
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายนร่วงลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันเป็นเดือนที่ 74.9 จากระดับ 76.0 ในเดือนพฤษภาคมและ 77.0 ในเดือนเมษายน ซึ่งลดลงตามราคาสินค้าเกษตรที่ลดลงซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อลดลงและความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าที่คาดไว้ ว่าด้วยการใช้กฎหมายใหม่ในการปราบปรามแรงงานต่างด้าว ตามผลการสำรวจโดยหอการค้ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) อย่างไรก็ตามดัชนีแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีเนื่องจากการส่งออกที่ดีขึ้นและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งและโครงการ EEC (Bangkok Post)


ทิศทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของ EEC มีมูลค่ารวม 230.3 พันล้านบาท เมื่อวานนี้ได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบาย EEC ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี รวมถึง ท่าเรือน้ำลึกบางแห่ง เครือข่ายรถไฟรางคู่ที่เชื่อมโยงพอร์ตสำคัญสามแห่งของประเทศ และคณะกรรมการนโยบาย EEC ได้อนุมัติแผนขยายกิจการเมืองการบิน (Aerotropolis) เมื่อต้น ส.ค. รวม 310.4 พันล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างเมืองดอนเมือง-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานอู่ตะเภา 215 พันล้านบาท (Bangkok Post)


ต่างประเทศ :

การประชุมสุดยอดผู้นำ G20 เป็นที่คาดว่าจะมีผู้นำของประเทศมหาอำนาจเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค. ที่เมืองฮัมบูร์ก เยอรมนี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินและประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิงจะพบปะกันในวันศุกร์และเสาร์นี้เกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะรวมถึงการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรียและยูเครน และการปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ (AWS)
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ให้คำมั่นเมื่อวันพฤหัสว่าจะเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ "อย่างเข้มแข็งมาก" หลังจากการทดลองปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและจะกระตุ้นชาติต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เกาหลีเหนือเห็นว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร (Reuters)


ประเด็นจับตามองวันนี้คือข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. อัตราการว่างงานคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อวันพฤหัส โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ จากแนวโน้มที่ธนาคารทั่วโลกจะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้น 5 bps จากเมื่อวันพุธสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 2.923% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี.ใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ที่ 2.391% ก่อนจะปิดที่ระดับ 2.373% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อวันพฤหัส หลังรายงานการจ้างงานสหรัฐออกมาอ่อนแอกว่าที่คาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.5% ที่ระดับ 95.828 ดอลลาร์สหรัฐปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.25 เยน หลังปรับตัวขึ้นกว่า 1% ในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เงินยูโรแข็งค่า 0.6% สู่ระดับ 1.1418 เยน (Reuters)


สหรัฐ :

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงเมื่อวันพฤหัส หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานออกมาน่าผิดหวังที่ออกมาปะทะกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดมากขึ้น ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่สูงขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีเป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาด (Reuters)
การจ้างงานภาคเอกชนลดลง รายงานการจ้างงานแห่งชาติของ ADP ระบุว่าภาคเอกชนสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 158,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 185,000 ตำแหน่ง (Reuters)


ผู้ขอรับสิทธิว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4,000 รายสู่ระดับ 248,000 ราย ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค. เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เป็นสัปดาห์ที่ 122 แล้วที่จำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงานอยู่ต่ำกว่าที่ระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นระดับชี้วัดว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง ซึ่งยาวนานที่สุดนับแต่ปี 1970 (Reuters)
ภาคบริการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (lSM) เผยว่าดัชนีภาคบริการของ lSM มีการขยายตัว 0.5 จุด สู่ระดับ 57.4 ในเดือนมิ.ย. เทียบกับประมาณการก่อนหน้าที่ 56.5 ดัชนีเหนือระดับ 50 แสดงถึงมีการขยายตัวในภาคบริการ (lSM)


ยุโรป :

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัส สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์หลังรายงานการประชุมฉบับล่าสุดของ ECB แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางยุโรปได้เปิดช่องให้มีการปรับลดการเข้าซื้อพันธบัตร หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด (Reuters)
ผู้กำหนดนโยบายของ ECB กำลังเปิดโอกาสให้มีการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลง แต่น่าจะเคลื่อนออกได้อย่างช้า ๆ ท่ามกลางความหวาดกลัวต่อความวุ่นวาย (Reuters)


เอเชีย :

เงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่นในเดือน พ. ค. พุ่งขึ้น 0.9% YoY ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 17 ปี และการเติบโตของค่าจ้างที่แท้จริงเป็นไปในเชิงบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกกำลังเริ่มขยายตัว (Reuters)
ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปตกลงที่จะตกลงการค้าเสรีในวันพฤหัสบดี เพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เปิดกว้างและต่อต้านสัญญาณกับสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นปฏิรูปการป้องกันของโดนัลด์ทรัมพ์ประธานาธิบดี

 

สหรัฐฯ(Reuters)
ข้อมูลจากจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก แต่มาตรการของรัฐบาลในการควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยและความเสี่ยงจากหนี้มีแนวโน้มที่จะหดตัวลงในช่วง 2-3 ไตรมาสถัดไป(Reuters)

 

สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัส หลังจากปรับตัวขึ้นสูงสุดในระหว่างวัน หลังจากได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าที่คาดในสัปดาห์ก่อน สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (ElA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.3 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้อยู่ที่ระดับ 502.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนม.ค. สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐปรับตัวขึ้น 39 เซนต์สู่ระดับ 45.52 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเบรนท์ปรับตัวขึ้น 32 เซนต์สู่ระดับ 48.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)


ทองอ่อนตัวลงวันพฤหัสแต่ยังอยู่เหนือจุดต่ำสุดสองเดือนเมื่อสองวันก่อนเพราะตัวเลขการจ้างงานเอกชนอ่อนแอกว่าที่คาดทำให้มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้ ทองคำตลาดจรลบ 0.2% ปิด 1,224.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำสหรัฐล่วงหน้าบวก 0.1% ปิดที่ 1,223.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!