- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 July 2017 18:13
- Hits: 3331
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'ซื้อใหม่เน้นค่าบวก...ค่าลบ Wait & See'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : CPF (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดปิดทรงตัวที่ 1575.02 แบงค์เล็ก ไฟแนนซ์ ร่วงลง แบงค์ใหญ่ขยับขึ้นต่อ ท่องเที่ยวไปได้ดี เลือกซื้อหุ้นกลางเล็กแบบกระจายตัว นักลงทุนแต่ละกลุ่มมีการซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
ส่วนประเด็นสำคัญวันนี้ : หุ้นกลุ่มพลังงานและตลาดถูกกดันจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงราว 4% เมื่อคืนนี้ (เพราะโอเปกส่งออกน้ำมันเดือนมิ.ย.เพิ่ม 1.9 ล้านบาร์เรล/วันเมื่อเทียบ YoY + รัสเซียปฎิเสธที่จะลดการผลิตเพิ่ม) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหุ้นพลังงาน & ปิโตรเคมีและตลาดหุ้นไทยด้วย เพราะกลุ่มพลังงานมี Market cap ใหญ่ถึง 19% ของตลาดหุ้นไทย ประกอบกับกำไร 2Q60 ก็จะอ่อนแอลง QoQ ด้วย
สำหรับ รายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย.ก็ให้ Guidance เรื่องการทยอยลดงบดุลจากปัจจุบัน 4.5 ล้านล้านUS$ แต่ก็ไม่ให้เรื่องระยะเวลาที่ชัดเจน ด้านค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเล็กน้อย ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นจำกัด แม้ประเด็นยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจะหนุนราคาทองก็ตาม ส่วนประชุมกนง.ไทยเมื่อวานนี้ ก็คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% และปรับเพิ่ม GDP Growth ปีนี้เป็น +3.5% (เดิม 3.4%) เพราะส่งออกเติบโตดีเกินคาด แต่ส่วนหนึ่ง Offset ด้วยการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวช้า เพราะขณะนี้ U rate ภาคอุตสาหกรรมยังต่ำที่ประมาณ 60%
+ BEM : กำไรปี 60-61 โตแกร่ง 34%/17% จากรับรู้รายได้สายสีม่วงและทางด่วนศรีรัช วงแหวนรอบนอกเต็มปี การต่อเชื่อมรถไฟฟ้าบางซื่อ-เตาปูนเสร็จ 11 ส.ค.นี้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร การขยายเวลาสัมปทานสายสีน้ำเงินทำให้ค่าเสื่อมต่อปีลดลง แนะซื้อ ให้ TP 8.60 บาท
TISCO : พร้อมรับโอนกิจการลูกค้ารายย่อย SCBT โดยจะมีผล 1 ต.ค.60 ซึ่งทำให้พอร์ตสินเชื่อโต 10% (ของธนาคารเองทรงตัว) สำหรับความกังวลเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อบัตรเครดิต&รายบุคคลของธปท.ที่จะออกมาก.ค.นี้จะกระทบธุรกิจที่ซื้อมาและทำให้ดีลอาจจะแพงเกินไป เราเห็นว่าไม่น่าจะมีผลมากเพราะฐานลูกค้า SCBT ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลาง-สูง ยังคงคำแนะนำซื้อ ให้ TP 82 บาท
- CPF : ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ (เดิมซื้อ) จากการฟื้นตัวของธุรกิจช้ากว่าคาด ธุรกิจหมูในเวียดนาม (7% ของรายได้รวม) ยังอ่อนแอจากราคาที่ตกต่ำ ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศฟื้นตัวแต่ก็ไม่เร็วมาก สิ่งที่ยังดีคือราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำ ปรับ TP สู่ 27 บาท (เดิม 32 บาท)
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อและปรับพอร์ตเป็นระยะ สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น BEM
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดค่อนมาทางลบเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1580 ค่าลบควร Wait & See แนวต้าน 1580-1590 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น CKP, PTTGC, MONO, AS หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PSH, IT หุ้นที่หลุด List เป็น INTUCH, SVOA, PM และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ ITEL
นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ ยูโรโซน : ยอดค้าปลีกพ.ค.ขยับขึ้นต่อ
ยูโรสแตทเปิดเผยยอดค้าปลีกยูโรโซน +0.4% ในเดือนพ.ค.MoM และ +2.6%YoY
- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานพ.ค.อ่อนลงเกินคาด
ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ -0.8%MoM ในเดือนพ.ค. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ -0.5%MoM
สหรัฐ : ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น หลังเปิดเผยรายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย.
รายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟดหนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ของเฟด โดยคาดว่าการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟดจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในขอบเขตจำกัด อย่างไรก็ตามเฟดไม่ได้เปิดเผยกรอบเวลาที่แน่ชัดของการดำเนินการดังกล่าว
ปัจจัยติดตาม : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และการประชุม G20
# ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐจะออกมาวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่ม 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ 4.3%
# จะมีการประชุม G20 ที่เยอรมนีในสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจมีการหารือเรื่องเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป นอกเหนือจากประเด็นด้านเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ทรงตัว โดยมีการซื้อกลับหุ้นเทคโนโลยี แต่ราคาน้ำมันดิ่งกดดัน
ดัชนี DJIA ปิดลดลง 1.10 จุด หรือ -0.01% ดัชนี S&P500 ปิดเพิ่ม 3.53 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 40.80 จุด หรือ +0.67% ปัจจัยหนุน คือ การซื้อกลับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พักฐานในช่วงก่อนหน้า แต่ราคาน้ำมันดิบดิ่งลงแรงกว่า 4% กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน และผู้ผลิตรถยนต์ คือ บริษัท โอเรลลี ออโต้โมทีฟ เปิดเผยยอดขายที่น่าผิดหวังในไตรมาส 2
- ตลาดน้ำมัน : ราคาดิ่งลงราว 4% หลังมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกส่งออกเพิ่มในเดือนมิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วง 1.94 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 45.13 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ดิ่ง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 47.79 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจาก 1. รัสเซียปฏิเสธที่จะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม 2. กลุ่มโอเปกส่งออกน้ำมันเพิ่มเป็น 25.92 ล้านบาร์เรล/ต่อวันในเดือนมิ.ย. (+450,000 บาร์เรล/วันเทียบ MoM และ +1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบ YoY)
ตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาเด้งเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ระดับ 1,221.70 ดอลลาร์/ออนซ์ แม้ว่าประเด็นยิงทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจะหนุนราคาทองคำ แต่ค่าเงิน US$ ที่แข็งขึ้นก็กดดันทำให้ราคาปรับขึ้นอย่างจำกัด
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
ประชุมกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามคาด ขยับเพิ่ม GDP Growth ปี 60F เป็น +3.5%
# ที่ประชุมกนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด และทาง ธปท.ได้ปรับเพิ่ม GDP Growth ปีนี้เป็น +3.5% (เดิม 3.4%) โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกเป็น +5% (เดิม +2.2%) นำเข้า +10.9% (เดิม +7.2%) แต่ลดคาดการณ์การลงทุนภาคเอกชนเป็น +1.7% (เดิม +2.4%) สำหรับปี 61 ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยจะ +3.7%
# ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย คือ เรื่อง NPL ของกลุ่ม SME, ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้าย และการฟื้นตัวเป็นเพียงเฉพาะกลุ่มไม่กระจายตัวเท่าที่ควร รายได้ภาคการผลิตยังไม่ได้เพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อโดยรวมไม่เข้มแข็งนัก
+ TISCO : เตรียมพร้อมรับโอนกิจการลูกค้ารายย่อย SCBT
# TISCO เตรียมพร้อมรับโอนกิจการลูกค้ารายย่อยของ SCBT เข้ามายังธนาคารแล้ว ซึ่งจะมีการโอนกิจการวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทั้งนี้โดย SCBT มีพอร์ตสินเชื่อราว 4.1 หมื่นล้านบาท เงินฝาก 3.6 หมื่นล้านบาท และมีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 5-5.5 พันล้านบาท ด้าน NPL Ratio อยู่ที่ 3% และ Coverage ratio สูงกว่า 100% เล็กน้อย หลังซื้อกิจการแล้วคาดว่าจะมีการโอนสินเชื่อและเงินฝากเข้ามาใน TISCO ประมาณ 50-70% ยังผลให้พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตจากการซื้อกิจการ 10% ขณะที่สินเชื่อของตัว TISCO เองคาดว่าจะทรงตัวถึงบวกเล็กน้อยในปีนี้
# ภายหลังเข้าซื้อกิจการคาดว่า TISCO ไม่ได้มีแรงกดดันเรื่องการกันสำรองฯเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก เพราะธนาคารได้ดำเนินการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดย ณ สิ้นมี.ค.60 มี NPL ratio 2.7% และมี Coverage ratio สูงถึง 164% สูงสุดที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย (หลังรวมกับ SCBT แล้ว Coverage ratio จะถูก Weight ให้ลดลงไปบ้างแต่ไม่มาก)
# สำหรับเกณฑ์การจำกัดสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคลที่ธปท.จะออกมาใหม่ในเดือนก.ค.นี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ TISCO และสินเชื่อรายย่อยที่รับโอนจาก SCBT ไม่มาก เพราะฐานลูกค้าของ SCBT เป็นกลุ่มที่มีรายได้ต่อเดือนเกิน 3 หมื่นบาท ดังนั้นการซื้อกิจการครั้งนี้ก็จะไม่ได้แพงเกินไปอย่างที่กังวลกัน คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]