- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 July 2017 17:33
- Hits: 3079
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> DTAC, NVD, SVI
Stock S R Comment
DTAC 51.75 53.50 จับมือ Line Mobile แย่งส่วนแบ่งตลาด
NVD 5.10 5.40 รับรู้รายได้จากโครงการ Nirvana หนุนกำไรโตระยะยาว
SVI 6.05 6.30 จ่อปรับตัวเลขส่งออกโตเกิน 3.6%
Fed rate hike is likely to happen in September
FOMC : รายงานการประชุม Fed (FOMC Minute) รอบเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
1) ไม่มีการระบุเจาะจงเกี่ยวกับเงื่อนเวลาที่ Fed จะเริ่มต้นกระบวนการลดขนาดงบดุล (ในกรณีฐาน เราคาดการณ์ว่ากระบวนการดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงไตรมาสที่4 นี้)
2) คณะกรรมการหลายคนมีความกังวลว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มีระยะเวลานานเกินไป อาจสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิตของประเทศได้ มองประเด็นดังกล่าวบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนกันยายนนี้
3) คณะกรรมการเห็นว่าระดับเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในช่วงหลังน่าจะเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเงินเฟ้อน่าจะเริ่มขยับเข้าสู่เป้าหมายของ Fed ที่ 2% ได้ในช่วงถัดไป ถือเป็นโทน Hawkish เล็กๆ แต่ไม่ได้ Surprise มากนัก เนื่องจากสอดคล้องกับคำพูดของนาง Janet Yellen และนาย William Dudley ก่อนหน้านี้
มุมมองของเรา : Minute ที่ออกมาถือเป็นการเพิ่มความมั่นใจของเราที่ว่า Fed มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ ไม่ว่า ณ ขณะนั้นเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม เนื่องจาก Fed เริ่มมีความกังวลที่มากขึ้นต่อภาวะความร้อนแรงของตลาดการเงินในประเทศ ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยจริง มองผลกระทบจะไม่มีนัยสำคัญและตลาดคงไม่ได้ตกใจมากนัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ Dot plots บ่งชี้อยู่แล้ว
สำหรับประเด็นการลดขนาดงบดุลนั้น มองว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และ Fed อาจใช้ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน หาก Timeline ของการลดงบดุลดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปจากไตรมาส 4 ซึ่งเป็นกรณีฐานของเรา มองว่าจะเป็น Positive catalyst ที่สำคัญในแง่ของ Fund flow สำหรับตลาดเกิดใหม่ได้
กลยุทธ์การลงทุน : คาดการณ์ SET Index ในเดือนกรกฎาคมปรับตัว Sideways ต่อไปในกรอบ 1540 - 1600 จุด เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยที่มีแนวโน้มผลักดันดัชนีไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน โดย Upside ยังคงจำกัดจาก Valuation ส่วน Downside ยังคงจำกัดจากทิศทาง Fund flow ที่ยังไม่เห็นสัญญาณไหลออก แนะนำกลยุทธ์ขึ้นขาย-ลงซื้อตามกรอบแนวต้านแนวรับดังกล่าว
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ยังคงแนะนำถือต่อไปได้แก่
1) กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความผันผวนต่ำและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง เลือก BCPG และ WHAUP เป็น Top pick ของกลุ่ม จากแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่มี Dividend Yield ในระดับสูงและคาดว่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลคือ GLOW, EGCO, RATCH
2) กลุ่มสินค้าและบริการที่จำเป็น ได้แก่ กลุ่ม Consumer staples (CPALL, BJC) และกลุ่ม Healthcare (BCH, CHG) ที่มีแนวโน้มทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อต่ำ
3) กลุ่มพลังงาน ที่ราคายังคง Laggard ประกอบกับค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เลือก PTT, PTTEP สำหรับกลุ่ม Upstream และ BCP, SPRC, TOP สำหรับกลุ่มโรงกลั่น มองว่าตลาดรับรู้ประเด็น Inventory loss ของกลุ่มในไตรมาส 2/60 ไปพอสมควรแล้ว หากต้องเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ณ เวลานี้ มองกลุ่มพลังงานมีความน่าสนใจกว่ากลุ่มธนาคารฯ เนื่องจาก Performance ของดัชนี BANK/ENERG อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนแล้ว
แนวรับ 1,570 แนวต้าน 1,582
บทวิเคราะห์วันนี้
TMB (ถือ ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท) คาดแนวโน้มรายได้ใน 2Q60 ยังไม่เด่น
Today's Event
ARROW ลูกหุ้นเข้า 1,532,182 หุ้น
NCL-W2 เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (63.6mn sh 1:1 @ Bt. 1.50)
นักวิเคราะห์ : ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379)
E-mail: [email protected]