- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 July 2017 17:31
- Hits: 2120
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับลง? ภายใต้น้ำหนักจากประเด็นต่างประเทศ (1) ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น (2) ความกังวลต่อการปรับนโยบายการเงินที่มีความเข้มงวดขึ้นตามลำดับ หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม (13 – 14/6/60) ซึ่งส่งสัญญาณการปรับลดงบดุลจากปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD อย่างไร
ก็ตามยังไม่ระบุช่วงเวลา และในทางกลับกันคาดเฟดมีมุมมองที่ดีต่อและมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินสหรัฐฯ กลับมาแข็งค่า และส่งผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์มีราคา (ในรูปเงินสหรัฐฯ) ลดลง
นอกจากนี้คาดยังมีความกังวลต่อสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธ รวมถึงประเด็นความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แนะติดตามการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ “อเมริกันเฮลธ์แคร์” หลังวันที่ 4/7/60 (เลื่อนมาจากสัปดาห์ที่แล้ว)
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชีนำใหม่ๆ คาด Sentiment ยังเป็นบวก แม้ Fund Flow ยังมีความผันผวนจากแรงซื้อ/ขายสุทธิ สลับกัน และเงินสหรัฐฯ หลังกลับมาแข็งค่า ขณะที่มูลค่าซื้อขายรวมยังไม่มากนัก
แต่คาดได้รับการชดเชยเข้ามาบ้างจากเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 / เงินปันผล เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลางเดือนก.ค. หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค. ขณะที่คาดกลุ่มหุ้นที่ผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้น ขณะที่ กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ตามความหมายของตลาด แต่มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย หลังปรับเป้าหมาย GDP และการส่งออก เพิ่มขึ้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
SET SET50 SET100
1,575.02 +0.91 996.08 +0.69 2,243.15 +0.85
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -1.10, NASDAQ +40.80, S&P +3.53, FTSE +10.37, CAC +5.20 และ DAX +16.55
ภายใต้ปัจจัยกดดัน (1) ราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังสัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง จากรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ รวมทั้งประเด็นที่รัสเซียได้ปฏิเสธข้อเสนอจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติม (2) รายงานการประชุมของเฟดเมื่อมิ.ย. ระบุว่า กรรมการหลายคนของเฟด สนับสนุนให้เริ่มปรับลดงบดุลซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านUSD จากเป้าหมายเดิมที่เฟด
ถือครองหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ รวมถึงตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ (3) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – พ.ค. ลดลง 0.8% มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 0.5%
อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้ Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก
ขณะที่อยู่ระหว่างจับตา สถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด หลังเกาหลีเหนือออกมาประกาศความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป พร้อมกับจับตาท่าทีของบรรดาผู้นำของประเทศต่างๆ ก่อนที่การประชุมกลุ่ม G20 จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ที่ประเทศเยอรมนี
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยเข้ามาบ้างจากยอดค้าปลีก
ในยูโรโซน – พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.4%MoM และเพิ่มขึ้น 2.6%YoY
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.33 1.89 3.09
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 34,001.62
สถาบัน -445.85
บัญชีหลักทรัพย์ -426.07
ต่างประเทศ -32.42
ในประเทศ +904.34
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 2.33%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.15 อยู่ที่ 11.07
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร. 02-684-8788