- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 06 July 2017 17:22
- Hits: 2030
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
เทรดกรอบแคบต่อไป
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ไซด์เวย์ต่อ ปัจจัยภายนอกเป็นกลาง/ลบเล็กน้อย (วานนี้ดัชนีฯ ซึม เทรดกรอบแคบ ตามคาด) หุ้นน้ำมันน่าจะถูกกดดันมากขึ้น หลังราคาน้ำมันสหรัฐฯ ลงกว่า 3% เมื่อคืน ตามรายงานการส่งออกน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นอีก ในเดือน มิ.ย. ผนวกกระแสข่าวตามเวบไซต์ข่าวของต่างประเทศ ว่ารัสเซียปฎิเสธข้อเสนอลดปริมาณผลิตเพิ่มเติม ในการประชุมกลุ่มย่อย วันที่ 24 ก.ค. นี้ ส่วนประเด็นเศรษฐกิจโลกนั้น เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดจากครั้ง 14 มิ.ย. ว่า i) กรรมการเฟดเชื่อว่าการลดงบดุลของเฟดในช่วงถัดไป จะมีผลจำกัดต่อสินทรัพย์ทางการเงิน ii) กรรมการเฟดยังเสียงแตก ต่อช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการเริ่มลดงบดุล บางคนเสนอให้ทำใน 2-3 เดือนข้างหน้า บางคนเสนอทำช่วงปลายปี) ภาพรวมฟันด์โฟลว์จึงยังเงียบอยู่ในระยะสั้น ด้านปัจจัยภายในยังเป็นบวก วานนี้ กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ตามเราและ consensus คาด และ กนง. ได้ปรับเพิ่มเป้า GDP ปี 2560 เป็น 3.5% และ ปี 2561 เป็น 3.7% ใกล้เคียงกับนักเศรษฐศาสตร์ KGI และในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ เราน่าจะเห็นหน่วยงานของ ก.คลัง เพิ่มเป้า GDP ปีนี้จาก 3.6% เช่นกัน ภาพรวมโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยจึงเป็นขาขึ้นชัดเจน และ KGI ยังให้น้ำหนักกับหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจ (economic plays) ต่อไป
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร MONO* / สะสม RATCH*, CPALL*
MONO* (เป้าพื้นฐาน 3.9 บาท) 1) ประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 3.5 – 3.9 บาท โดยมีแนวรับแรกเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 3.66 บาท (Stop loss 3.5 บาท) หากผ่านกรอบแนวต้าน 3.9 บาทไปได้ แนะนำ Let profit run ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 4.1 บาท 2) ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์พรีวิวงบ 2Q60 คาดกำไร 54 ล้านบาท (+134% QoQ, +314% YoY) ผลจากธุรกิจทีวีดิจิตอล (MONO 29) อัตราค่าโฆษณา + Utilization rate ที่เพิ่มขึ้น ... อ่านรายละเอียดเพิ่มในบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวานนี้
RATCH* (เป้าพื้นฐาน 63 บาท) 1) ประเมินรูปแบบราคา แกว่งตัวขึ้นหลังทะลุผ่านแนวต้าน 51.5 บาท ขึ้นมาได้ ประเมิน มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 55 – 56 บาท แนวรับ 51 บาท (Stop loss 50 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q60 ยังได้แรงหนุนจากอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าหงสาที่ดีขึ้นต่อเนื่อง (เบื้องต้นคาดกำไรดีขึ้น QoQ และ YoY) 3) PE ยังต่ำเพียง 11.7 เท่า และ Dividend yield 5.1% ต่อปี (สูงกว่า EGCO* ที่คาดปันผลเฉลี่ย 3.2% ต่อปี)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 80 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯประเมิน การบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงปีหน้า โดยล่าสุดที่ประชุม กนง วานนี้ปรับเป้า GDP ปี 2560 ขึ้นเป็น 3.5% (จากเดิม 3.4%) และปรับเป้า GDP ปี 2561 ขึ้นเป็น 3.7% (จากเดิม 3.6%) คาดหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโดยตรงอย่าง CPALL* จะได้อานิสงส์ 2) ประเมินแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 65.5 บาท และถัดไปที่ 67 บาท แนวรับ 62.5 บาท (Stop loss 61 บาท)
หุ้นในกระแส
HTECH (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) จาก Company visit วานนี้ i) ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรม Hard disk drive (HDD) กำลังกลับเข้าสู่ Cycle ขาขึ้นอีกครั้ง โดยจะมุ่งเน้นไปที่ HDD 3.5” (แทนที่ HDD 2.5”) รองรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ การเก็บข้อมูลของหน่วยงาน องก์กรต่างๆ, Datacenter เป็นต้น ล่าสุดผู้ผลิต HDD รายใหญ่อย่าง Seagate และ WD ประกาศขยายกำลังการผลิตในไทย ii) HTECH เป็นผู้ผลิต Cutting tool สำหรับการผลิต HDD (>90% cutting tool ที่ใช้สำหรับการผลิต HDD ใช้ผลิตภัณฑ์ของ HTECH) iii) HTECH ขยายกำลังการผลิตใหม่ +30% เริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ 4Q60 โดยปัจจุบัน Utilization rate เกือบเต็มกำลังการผลิตแล้ว คาดผลการดำเนินงาน 2Q60 – 3Q60 ยังโตเด่น YoY ต่อเนื่อง (อาจทรงตัว QoQ) 2) ในเชิง Valuation Trailing PE ตอนนี้ 20.8 เท่า และหากแนวโน้มกำไรเป็นไปตามคาด เราประเมินกำไรปีนี้ 160 – 170 ล้านบาท คิดเป็น EPS 0.53 – 0.57 บาท/หุ้น คิดเป็น PE 16.5 – 17.5 เท่า (ถือว่าไม่แพง หากพิจารณาในมุมของ อัตราการเติบโตของกำไร 36 – 44% YoY) ประเมินแนวรับ 9.2 บาท และ 9.0 บาท / แนวต้าน 10.5 บาท (Stop loss 9.0 บาท)
หุ้นมีข่าว
(+) กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% โดยมองภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย และเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ กนง.ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 60 เป็นเติบโต 3.5% จากเดิมคาดขยายตัว 3.4% โดยมองภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวได้ชัดเจนและต่อเนื่อง พร้อมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกปีนี้เป็นขยายตัว 5.0% จากเดิมคาดโต 2.2% มองไปข้างหน้า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีขึ้น ในหลายกลุ่มสินค้าและตลาดส่งออก และจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่การขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ มีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้น แต่รายได้ของแรงงานในภาคการผลิต ยังไม่ได้รับผลดีอย่างชัดเจน
จากการส่งออกที่ปรับดีขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมไม่เข้มแข็งนักยังไม่กระจายตัวเท่าที่ควร การใช้จ่ายของภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ คณะกรรมการจึงเห็นว่า นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป นอกจากนี้ คณะกรรมการ กนง.ยังให้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์แรงงานต่างด้าวอย่างใกล้ชิดด้วย (ธนาคารแห่งประเทศไทย และ Bisnews) จากการที่กนง. ปรับลดเป้าเงินเฟ้อลงมาอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อ 1-4% เป็นการส่งสัญญาณว่าจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในปีนี้ ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ กนง. จะต้องรีบปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น กนง. จะให้น้ำหนักไปที่การขยายตัว GDP และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งทั้ง กนง. และ รัฐบาลต้องการเห็น GDP ขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน การขึ้นดอกเบี้ยจะบั่นทอนอัตราการขยายตัว GDP คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจาก GDP รายไตรมาสจะสามารถขยายตัวได้สูงกว่า 4% เนื่องจากหนี้จากโครงการรถยนต์คันแรกจะหมดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้กำลังซื้อของคนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เรายังคงคาดว่า GDP จะขยายตัว 3.6% ในปี 2560 และ 3.8% ในปี 2561
(+) QTC-ECF-VTEลงทุนเมียนมาลุยโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์หนุนรายได้ (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) บจ.ไทย 3 แห่ง "อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค-วินเทจ วิศวกรรม-คิวทีซี เอนเนอร์ยี่" จับมือลุยโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 220 เมกะวัตต์ ในเมียนมา ผ่านบริษัทที่ร่วมกันลงทุน "พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย)" คาดเริ่มการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ปี 61 ส่งผลดีต่อบริษัท และผู้ถือหุ้น
(+) เก็งกำไร 'ดุสิต' เร่งลงทุนมิกซ์ยูส (กรุงเทพธุรกิจ) หุ้นดุสิตธานีวิ่ง 29.59% นักลงทุนแห่ เก็งกำไรหลังบริษัทแจ้งความคืบหน้าจัดตั้ง 4 บริษัทย่อย เดินหน้าลุยอสังหาฯ มิกซ์ยูส
(+) ทุนใหญ่ฝรั่งเศสเล็ง EEC AMATA*-WHA* ลูบปากรอ (ทันหุ้น) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยประธานสภาธุรกิจไทย-ฝรั่งเศส สนใจลงทุนใน EEC โฟกัสด้านพลังงาน-ระบบขนส่ง และไบโอชีวภาพ โบรกชี้อานิสงส์ต่อกลุ่มนิคม-กลุ่มรับเหมา ชู AMATA-WHA เด่น เตรียมรับทรัพย์ขายที่ดินก้อนโต
(+) MJD แตกแบรนด์คอนโดเจาะตลาดแมส (กรุงเทพธุรกิจ) "เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์" ขยายตลาดแมส ปั้นแบรนด์ใหม่ "เมทริส" เจาะลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียล ผุด 3 โครงการ 3 ทำเล มูลค่า 4,500 ล้าน เริ่มพรีเซลล์เดือน ส.ค. มั่นใจยอดขาย 60% มองภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังยังดี ชี้ต่างชาติสนใจลงทุนต่อเนื่อง
(+) ECF ย้ำเป้ารายได้ปี 60 โต 15% งานเฟอร์นิเจอร์พีค เริ่มบุ๊คไฟฟ้าชีวมวล Q3 (ข่าวหุ้น) ECF ย้ำเป้าหมายทำรายได้ปี 2560 โตขึ้น 15% รับอานิสงส์ยอดขายธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ขาขึ้น พร้อมบุ๊คผลตอบแทนโรงไฟฟ้าชีวมวล 7.50 MW ตั้งแต่ไตรมาส 3
(+) TACC ฟันกำไร Q2 พุ่ง 32 ล้าน ยอดขาย Zenya ฟื้นตัวช่วยหนุน (ข่าวหุ้น) TACC กำไรสุทธิไตรมาสพุ่ง 32 ล้านบาท โตขึ้น 18.5% จากช่วงปีก่อน ยอดขาย Zenya ในกัมพูชาฟื้นตัวช่วยหนุน ดันกำไรครึ่งปีแรกรวม 58 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ECL (เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท) ประเมินแนวรับ 3.84 บาท แนวต้าน ±4.20 (Trailing stop 3.6 บาท) ... ประมาณการฯและราคาเป้าหมายของเรายังไม่ได้รวมประเด็น ศูนย์ซ่อมรถ Fix man (เปิดสาขาแรกที่ ถ.นวมินทร์ เดือน ก.ค.นี้) และล่าสุดยอดสินเชื่อ 6M60 คิดเป็น 67.5% ของเป้าสินเชื่อใหม่ทั้งปีในประมาณการฯของเราแล้ว มีโอกาสปรับเป้าหมายขึ้น
TAPAC (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 22.5 บาท แนวต้านแรก 24.3 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้าน 28 บาท ... คาดผลการดำเนินงาน Bottom out ใน 2Q60 (ปิดงบ เม.ย. รายงานงบไปแล้ว) จะเริ่มเห็นภาพ Earnings momentum ที่โตเด่นในไตรมาสถัดไป ต่อเนื่อง 2 ไตรมาสติดๆ หลังการรับรู้รายได้จากธุรกิจ อสังหาฯ ใน 3Q60 – 4Q60 (ปิดงบปี ต.ค.)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
CPF* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 30.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 2Q60 = 4 พันล้านบาท ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ1.2 พันล้านบาทจากการขายหุ้น CPALL* กำไรปกติอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 19.6% YoY แต่เพิ่มขึ้น 50.2% QoQ โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะมาจาก i) ราคาสัตว์ในประเทศที่สูงขึ้น ii) ราคาอาหารสัตว์ถูก และ iii) ธุรกิจกุ้งในต่างประเทศเข้าสู่ช่วง high season ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญจะมาจากธุรกิจหมูที่อ่อนแอในเวียดนาม
CKP* แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2562 ลง 44%, 27% และ 15% ตามลำดับ และจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของโครงการ NN2 ใน 1H60 จึงได้ปรับลดประมาณการยอดผลิตไฟฟ้าทั้งปีของโครงการลงจาก2,065GWh เหลือ1,800GWh (-11% นอกจากนี้เรายังทบทวนประมาณการปี 2561-2562 และปรับลดยอดผลิตไฟฟ้าลง 8% และ 5% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงในเรื่องของปริมาณน้ำเหนือเขื่อนจากราคาปิดล่าสุดยังมี downside อีก13.7%
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘กรอบราคา 1573 – 1578 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1578 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1578-1586 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1573 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1573-1561 จุด
แนวรับวันนี้: 1573/1562 แนวต้านวันนี้: 1578/1584
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]