WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

Market summary
      เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวลง โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้น outperform ตลาดในปีที่ผ่านมาเช่น TKN, CBG ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ KTC เผชิญกับแรงขายจากประเด็นธปท.เตรียมปรับลดวงเงินบัตรเครดิต ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,574 (-5.30 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.31 หมื่นล้านบาท
     โดยนักลงทุนต่างประเทศ ขายหุ้นไทยที่ 803 ล้านบาท และ short สุทธิ SET50 Index Future สูงถึง 721 สัญญา

Investment theme
SET มี Downside มากกว่า Upside: ปัจจุบัน SET ซื้อขายในระดับ PER17ที่ 15.36เท่า ซึ่งเรามองว่าไม่ถูก เพราะซื้อขายอยู่ในกรอบบนในรอบ 5ปี ประกอบกับเราเชื่อว่า EPS17 มีโอกาสถูกปรับประมาณการลงจากปัจจุบันที 102.4 สาเหตุจาก เราคาดผลประกอบการของไตรมาส 2 จะออกมาต่ำกว่าคาดนำโดยกลุ่มพลังงาน, ปิโตร และ วัสดุก่อสร้าง (ล่าสุดผลประกอบการไตรมาส2 ของ CPALL มีแนวโน้มออกมาต่ำกว่าคาด) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 25% ของตลาด อีกทั้ง PER ของ SET ก็มีโอกาสปรับลงจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยที่สูงขึ้น ซึ่งใน 5 ปีที่ผ่านมา มีทิศทางเป็นเช่นนั้น ส่งผลให้เรามอง Upside ของ SET ในระดับ 1,600 จุด ในขณะที่ Downside ในระดับ 1,535 และ 1,550 ส่งผลให้เราแนะนำนักลงทุนรอจังหวะทยอยสะสมหุ้นอีกครั้งเมื่อ SET ปรับตัวลงแถวบริเวณ 1,535-1,550
Investment theme: เราไม่แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มพอร์ตการลงทุน ณ.เวลาปัจจุบัน เพียงแต่ switching จากหุ้นที่มีกำไร มายังหุ้นที่ยังมี Upside และมี Sentiment เชิงบวกรออยู่ในไตรมาส 3 เช่นกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มธนาคาร

Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ยุโรปรายงานตัวเลข PPI ต่ำกว่าคาดที่ 3.3% / Moody ปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือธนาคารในเอเชียแปซิฟิก จากติดลบ เป็น มีเสถียรภาพ / สถานการณ์การเมืองตึงเครียดภายหลังสหรัฐและญี่ปุ่นไม่พอใจการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ / คสช. ใช้มาตรา 44 แก้ปมแรงงานต่างด้าว ผ่อนปรน 180 วัน

เรื่องเด่นวันนี้
- บทวิเคราะห์ CPALL, SQ
- ประชุม กนง. คาดคงอัตราดอกเบี้ย

Stock pick : SQ
SQ: ซื้อสะสม @ THB6.50
- ราคาหุ้นปรับตัวลงมา 12% ภายหลังผลประกอบการไตรมาส ส่งผลราคาปัจจุบันกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง โดยคาดกำไร 2Q60 จะเติบโต +96%YoY,-45%QoQ ที่ 125ล้านบาท (กำไรไตรมาส 1 เป็นฐานที่สูงสุดประวัติการณ์) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูงที่ 31.3% (เทียบกับปีก่อนที่ 24.3%)
- ปัจจุบันบริษัทมี backlog สูงกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับรายได้สูงถึง 7-8 ปี ประกอบกับมีโอกาสได้งานเหมืองแม่เมาะ9 มูลค่าสูงถึง 4.3 หมื่นล้านบาท คาดทราบผลปลายปีนี้
- เรามองว่ามีโอกาสที่ตลาดฯจะปรับประมาณการกำไรปี2560 ขึ้น เพราะคาดกำไรครึ่งปีแรกคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 80% ของทั้งปี

Trading idea - หลีกเลี่ยงการลงทุน CPALL คาดกำไร 2Q60 ต่อเนื่องถึง 3Q60 อ่อนตัว จาก %SSSG ที่ชะลอตัวลง / คงคำแนะนำซื้อ GPSC (ตลาดมีโอกาสปรับเป้าราคาเหมาะสม), CENTEL (ปัจจุบันซื้อขาย discount กลุ่ม)

Technical view
1570 ควรหยุดเพื่อรักษาภาพ ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลงทดสอบกรอบ Uptrend ที่บริเวณ 1570 ซึ่งบริเวณดังกล่าวดัชนีควรหยุดลง เพื่อแกว่งออกข้างหรือ Rebound ในระยะสั้น มิฉะนั้นจะเสียโมเมนตัมการแกว่งขึ้นในกรอบ Uptrend ซึ่งหากดัชนีกลับมายืนเหนือ 1580 ระยะสั้นจะกลับมามีแนวโน้มที่ดูดีมากขึ้น กลยุทธ์การลงทุน (1) หากเริ่มแกว่งออกข้างบริเวณ 1570 ทยอยสะสมหุ้น
2) หาก 1570 รับไม่อยู่พิจารณาแนวรับถัดไปที่ 1563-1565
แนวรับ : 1570, 1563-1565 แนวต้าน : 1580, 1585

Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : การแถลง Minute ในวันพุธ / การรายงานตัวเลขสำคัญของสหรัฐ เช่น PMI , Non-farm payroll และค่าแรง / จับตาการประชุม G20 ในวันที่ 7-8ก.ค.
ปัจจัยในประเทศ : เริ่ม Preview งบ 2Q60 // กมธ. ร่วม 3 ฝ่าย ชี้ ร่าง พรป.ไม่ขัด รธน. นัดประชุมรอบ 2 (7 ก.ค.) ก่อนเสนอ สนช. โหวต 13 ก.ค.

หุ้นเทคนิค:
IVL (B 37.50, Tp 40.00, Cut 37.00)
PTT (B 372.00, Tp 380.00, Cut 370.00)

ข่าวเด่นเช้านี้
เทสโก้ผวาหนี้ครัวเรือน อัดโปรโมชั่นถี่ลุยลดราคาสินค้าแรง 1 แถม 1 ทุกสิ้นเดือนกระตุ้น (โพสต์ทูเดย์)
โลตัสเผยกำลังซื้อครึ่งปีหลังคาดเดายาก หลังพบหนี้ครัวเรือนยังสูง เร่งอัดโปรโมชั่นถี่ยิบ น.ส.สลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท บริษัท เอกชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้ดำเนินธุรกิจห้างเทสโก้ โลตัส เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างคาดเดายาก เนื่องจากเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
ความเห็น : เราเห็นว่าการอุปโภคบริโภคยังคงชะลอตัวใน 2Q60-3Q60 โดยคาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 4Q60 จากการมีกิจกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลังพระราชพิธีในเดือน ต.ค. โดยเราประเมินว่าหุ้นจะมีผลประกอบการเติบโตดีใน 4Q60 ได้แก่ HMPRO (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท)

'GPSC'ติดปีกไฟฟ้าต่างแดนจ่อโซลาร์ฟาร์มเฟส2ในญี่ปุ่น
GPSC เล็งขยายลงทุนโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2 อีก 15 MW ในประเทศญี่ปุ่น ส่องผลตอบแทนลงทุน (IRR) ราว 10% คาดชัดเจนภายในสิ้นปี 2560 แถมสนใจเข้าเจรจา กฟผ.เข้าดำเนินโครงการระบบกักเก็บพลังงานจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน จ.แม่ฮ่องสอน ที่เตรียมเปิดประมูลหาผู้ดำเนินการเพื่อเป็นต้นแบบบริหารจัดการด้านพลังงานทดแทน
ความเห็น : โครงการนี้เป็นโครงการใหม่ที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ ปัจจุบัน GPSC อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการในเฟส 1 กำลังการผลิต 20.8 MW มีแผนจะเปิดดำเนินงานในช่วงปลายปีนี้ ตามข่าวโครงการในเฟสที่ 2 อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะลงทุนหรือไม่ คาดทราบผลภายในสิ้นปี 2560 เบื้องต้นเรายังคงมุมมองเป็นกลางจากประเด็นข่าวนี้ หากมีการตัดสินใจลงทุนบนสมมติฐานเงินลงทุน 10,000 ล้านเยน และผลตอบแทน (IRR) 10% เราประเมินมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 0.30-0.40 บาทต่อหุ้น เราชอบ GPSC จากการเป็นหุ้น Defensive และปันผล แนวโน้มผลประกอบการปกติ 2Q60 คาดฟื้นตัวต่อ QoQ และทำการปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ราคาเป้าหมายเท่ากับ 39.00 บาท

BEM หุ้นโดดเด่นประจำเดือนนี้ โบรกฯคาดแนวโน้มธุรกิจดีถ้วนหน้า ชี้ธุรกิจทางด่วนมีแววต่อสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 อีก 20 ปี ขณะที่ธุรกิจรถไฟฟ้ารุ่ง จากสายทางเกิดใหม่ในอนาคต ฟันธงไตรมาส 2 กำไร 599 ล้านบาท โต 18.2%
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ให้ราคาเหมาะสมที่ 8.50 บาท โดยถือว่า BEM เป็นหุ้นโดดเด่นประจำเดือนกรกฎาคม 2560 หลังจากเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา BEM ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์ พร้อมทั้งนำไปเยี่ยมชมสถานีสนามไชย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารได้กล่าวถึงธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าอย่างชัดเจน


ความเห็น : เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวดังกล่าวและให้ BEM เป็น Toppick ในเดือนกรกฎาคม เนื่องด้วยเข้า Theme การลงทุนของเราคือ Defensive & Domestic โดยเราคาดกำไรไตรมาส2 ที่ 599ล้านบาท (+18.2%YoY,-14.9%QoQ) โดยการลดลงของกำไรเมื่อเทียบกับไตรมาส1 เป็นผลจากseasonal ของเทศกาลวันหยุดยาว อีกทั้งผู้บริหารให้มุมมองการต่อสัมปทานทางด่วน10+10ปี ด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนัก ซึ่งเรามองว่า หากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลบวกต่อประมาณการรายได้และราคาเหมาะสม แนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย 8.50บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่ได้รวม upside ในอนาคตอีกมาก

TRC ประมูลงานแสนล้าน คว้าดีลใหญ่เติมแบ็กล็อก (ทันหุ้น)
เล็งคว้างานใหม่ มูลค่า 2,000 ล้านบาท คาดรู้ผลภายในเดือนกรกฎาคมนี้ "ภาสิต ลี้สกุล" ส่งซิกผลงาน Q2/2560 สุดหรู มีโอกาสพลิกเป็นบวก หลังรับรู้งานเพิ่มขึ้นและไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่ครึ่งปีหลังลุยประมูลงานมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ย้ำรายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท ตามเป้า
ความเห็น : โครงการเกี่ยวกับระบบท่อก๊าซ มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2Q60 มีแนวโน้มจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ แต่คาดกำไรจะยังต่ำ คาดกำไรสุทธิปี 2560 จะเท่ากับ 272 ล้านบาท ติดลบจากปีก่อน 6% โครงการโปแตซที่ชัยภูมิกำลังให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาถือหุ้นแทนกระทรวงการคลัง ทำให้ต้องใช้เวลาในการผ่านขั้นตอนต่างๆ คงคำแนะนำ ถือ ประเมินราคาเป้าหมาย 1.35 บาท

ทุนจีนโดดอุ้ม 'PACE' รีไฟแนนซ์หนี้หมื่นล. กลุ่มซิติคฯพร้อมหนุนด้านโนว์ฮาวและการเงิน (ข่าวหุ้น)
กลุ่มธุรกิจใหญ่จากประเทศจีน เตรียมช่วยรีไฟแนนซ์หนี้ให้กับ PACE หลังต้องแบกจ่ายดอกเบี้ย ส่งผลต้นทุนอยู่ระดับสูง วงในเผย PACE มีหนี้กับ "ไทยพาณิชย์" หรือ SCB เกือบ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมยืนยัน PACE ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง แต่ต้องการต้นทุนทางการเงินถูกลง และโนว์ฮาวจากกลุ่มซิติคฯ ขณะที่ทุนจีนมีแผนจะเข้าลงทุนโดยตรงใน PACE ระยะต่อไป
ความเห็น: การเซ็น MOU ระหว่าง PACE และบริษัท ซีติค คอนสตรัคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย โดยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจากประเทศจีน โดย ซีติค จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินและการก่อสร้าง ขณะที่ PACE จะรับหน้าที่วางแผนออกแบบ การขาย โดย PACE ยังไม่มีการพูดถึงหนี้สินและโครงการทางการเงินหลังจากการเข้ามาของกลุ่ม ซีติค ตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม PACE มีหนี้สินระยะสั้นที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาทระยะยาว 4,000 ล้านบาทและมีส่วนขาดทุนสะสมเท่ากับ 5,800 ล้านบาท ทำให้สภาพคล่องทางการเงินต่ำ เราทั้งเราคาดว่ามีโอกาสที่ผลประกอบการของ 2Q60 จะขาดทุนต่อเนื่อง เราแนะนำให้ทำ Take Profit และยังหลีกเลี่ยงการลงทุน ราคาเป้าหมายและประมาณการอยู่ระหว่างทบทวน

Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินไหลออกจากเอเชียเป็นส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด โดยในฝั่งไทยนั้น นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายตลาดหุ้น 803 ล้านบาท และ เป็นสถานะ short SET50 Index future 721 สัญญา แต่เริ่มกลับมาซื้อตราสารหนี้ 259 ล้านบาท แต่ภาพรวมถือว่ามีการเคลื่อนไหวน้อย
ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ short-sell เพิ่ม 22% เป็น 946 ล้านบาท เนื่องจากดัชนีขาดแรงขับเคลื่อน และหลุดแนวรับ 1575 ลงมา โดย KBANK เป็นฝั่งถูก short sell สูงสุด 101 ล้านบาท ที่เฉลี่ย 198.49 บาท/ หุ้น
การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อขายยังคงเบาบาง แต่เด่นสุดยังคงเป็น KBANK ที่ 232 ล้านบาท โดยหุ้นที่พลิกมาซื้อครั้งแรกคือ S แต่ยังเป็นปริมาณไม่มากนักเพียง 11 ล้านบาท ส่วนด้านฝั่งขาย ก็ยังคงเบาบางเช่นกัน โดยหุ้นที่พลิกมาขายครั้งแรกคือ ADVANC BBL KTB

นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-6300

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!