WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'ซื้อค่าบวก/ถือเมื่อSETเหนือ 1575'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TIPCO (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดปรับขึ้น 4.67 จุดปิดที่ 1579.41 นำโดยกลุ่มสื่อสาร พลังงาน ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ อิเลคทรอนิกส์ เป็นต้น แต่มูลค่าซื้อขายซบเซา สถาบันในประเทศ & ต่างชาติซื้อสุทธิ พอร์ตบล.&รายย่อยขายสุทธิ


# ปัจจัยต่างประเทศ : ราคาน้ำมันปรับขึ้นอีก 2% ล่าสุด WTI & BRENT ขยับขึ้นเป็น 47-49 US$/bbl เพราะมีรายงานว่าการผลิตใน US ลดลง & ศก.US ยังโตในเกณฑ์ดี ยังผลให้หุ้น Energy & Petro รีบาวด์ได้ในช่วงนี้ ค่าเงิน US$ แข็งขึ้น ปัจจัยจับตา คือ 1. ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.สหรัฐ ซึ่งตลาดมองว่าจะเพิ่ม 1.74 แสนตำแหน่ง (ดีขึ้นจาก +1.38 ตำแหน่งเดือนก่อน) และ 2. การโหวตร่างกม. American Healthcare ของวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งหากไม่ผ่านหรือล่าช้าก็จะทำให้การปฎิรูปภาษีช้าไปด้วย ซึ่งอาจกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน


# ปัจจัยในประเทศ : รอดูการทำ Preview ผลประกอบการ 2Q60 บจ.ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะไม่ค่อยดีนัก แต่ราคาหุ้นก็ทยอยสะท้อนไปบ้างแล้ว ประเด็นที่ติดตาม คือ เกณฑ์ใหม่การให้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งคาดว่าจะกระทบแบงค์ใหญ่ไม่มาก และสินเชื่อรับจำนำจะได้ประโยชน์ (MTLS, SAWAD เป็นต้น) ส่วนเรื่องพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวผ่อนคลายลง คาดจะใช้ม.44 ขยายเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 120 วันเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวและแรงงานต่างด้าวลงทะเบียนได้ทัน แรงกดดันต่อกลุ่มรับเหมาฯ & อาหารส่งออกน้อยลง


+ BEM : เรามีมุมมองบวกกับกำไรปี 60 และในระยะยาว โดยในปีนี้จะรับรู้รายได้สายสีม่วง&ทางด่วนที่เปิดปีก่อนเต็มปี เมื่อสถานีเชื่อมต่อบางซื่อ-เตาปูนเสร็จก็จะส่งผู้โดยสารเข้ามาเพิ่มใน 2H คาดจะได้ลงทุน&บริหารอีกหลายสายในระยะยาว แนะซื้อ ให้ TP 8.60 บาท


KTB : AQ เพิ่มทุน 1 หมื่นลบ.ชำระหนี้ KTB ตามคำสั่งศาลปกครอง ด้านแบงค์จะนำส่วนที่ได้ไปใช้ในเรื่องสำรองฯ ซึ่งคาดว่า EARTH เป็นหนึ่ง Case ที่ต้องมีสำรองก้อนใหญ่...ถือว่าดีที่สามารถจะชดเชยกันไปได้ส่วนหนึ่งโดยไม่กระทบผลประกอบการและเงินกองทุนมากนัก
- TU : การฟื้นตัวของบริษัทล่าช้ากว่าคาด การปรับขึ้นราคาขายทำได้ช้า ราคาทูน่าและแซลมอน (Cost) กลับมาขยับขึ้น และเงินบาทแข็งกดดัน เราอาจต้องปรับลดคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายลง ระยะสั้นให้ลดน้ำหนักลงทุนไปก่อน โดยเฉพาะพอร์ต Trading
กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy & Re-balancing เป็นระยะ สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น BEM
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดพลิกเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1580 ค่าลบควร Wait & See แนวต้าน 1585-1590 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น SPALI, INTUCH, EA, SVI, EPCO หุ้นที่ยังอยู่ใน List -ไม่มี- หุ้นที่หลุด List เป็น M และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit คือ BEM, CHG, BBL, ECL, AH, ERW

นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team - [email protected]

CMNT> Need to know TODAY - บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

 

Need to know TODAY

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ดัชนีการผลิต ISM เดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นดีเกินคาด
# ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับขึ้นเป็น 57.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 54.9 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 55.1
# ด้านบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับลงสู่ระดับ 52.0 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 52.7 ในเดือนพ.ค. แต่ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต

 

สหรัฐ : ปัจจัยจับตา คือ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.สหรัฐ
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐจะออกมาในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 174,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่ม 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.3%

 

+ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 129.64 จุด หุ้นแบงก์และพลังงานนำตลาด
ดัชนี DJIA ปิดที่ 21,479.27 จุด พุ่งขึ้น 129.64 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,429.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุด หรือ +0.23% ปัจจัยหนุนคือ การเพิ่มขึ้นของหุ้นธนาคารและพลังงาน แต่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,110.06 จุด ลดลง 30.36 จุด หรือ -0.49% เพราะแรงขายทำกำไรกลุ่มเทคโนโลยีหลังปรับขึ้น Outperform กลุ่มอื่นอย่างมาก

 

+ ตลาดน้ำมัน : ราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 2% หลังสหรัฐชะลอการผลิตน้ำมันลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 47.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 49.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ทาง EIA ระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลง 100,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มิ.ย. โดยเป็นการปรับลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.59 ขณะเดียวกันภาคการผลิตสหรัฐยังขยายตัวเกณฑ์ดีในเดือนมิ.ย.60

 

- ตลาดทองคำนิวยอร์ก : ราคาทองคำปิดร่วง 23.1 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 23.1 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ระดับ 1,219.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากดัชนีค่าเงิน US$ พุ่งขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี และภาคการเงินแข็งแกร่ง

 

ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
ลดเป้าเงินเฟ้อปีนี้ลงเป็น 0.7-1.7%...ไม่ Surprise ตลาด DBS & หลายสำนักวิจัยปรับลงมาก่อนแล้ว
กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. -0.05% เทียบ YoY แต่ +0.02% เทียบเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดต่อเป็นเดือนที่สองเพราะราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ลดลง ราคาผักผลไม้ต่ำลง สำหรับเงินเฟ้อทั่วไป 6M60 อยู่ที่ 0.67% ทางกระทรวงฯ ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปปี 60 ลงเป็น 0.7-1.7% (เดิม 1.5-2.2%) สำหรับ DBS เราปรับเงินเฟ้อไทยปีนี้ลดลงเป็น 0.9% มาก่อนหน้านี้แล้ว

 

+/ คาดจะใช้ม.44 ขยายเวลาการบังคับใช้พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวออกไป 120 วันก่อน
นายกรัฐมนตรีกำลังหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว เพื่อทบทวนรายละเอียดบางประเด็นในพ.ร.ก.การบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ.2560 เพื่อให้ภาคธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แต่ก็ต้องดำเนินการให้เป็นสากลและยกระดับการบริหารจัดการแรงงาน เพราะไทยกำลังถูกจับตาเรื่องการค้ามนุษย์ โดยคาดว่าจะใช้ม.44 ขยายระยะเวลาบังคับใช้พ.ร.ก.นี้ออกไป 120 วัน ให้ผู้ประกอบการและแรงงานต่างด้าวได้มีเวลาปรับตัวและดำเนินการให้ถูกกฎหมาย


ความเห็น DBSV Retail Research : เป็นความผ่อนคลายในระยะสั้นกับผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าวมากๆ เช่น อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น จากก่อนหน้าที่มีความกดดันว่าแรงงานจะขาดแคลนกระทันหัน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ยังต้องเร่งบริหารจัดการเพราะในที่สุดเมื่อผ่าน 120 วันไปแล้วพ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวก็ต้องถูกบังคับใช้อยู่ดี และรัฐบาลมีแนวโน้มจะเข้มงวดเพราะต้องการให้ไทยขยับอันดับประเด็นการค้ามนุษย์จากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐขึ้นจาก Tier-2 ถูกจับตาในปัจจุบัน

 

- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติลดลงในเดือนก.ค.60
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ระบุดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.ค.เมื่อมองไป 3 เดือนข้างหน้าลดลง 1.62% เป็น 100.01 โดยความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติลดมากสุด 10.71% เป็น 125 สถาบันในประเทศลด 1.25% แต่รายบุคคลเพิ่ม 5.67%

 

ใน 6M60 ต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ที่มีอายุเกิน 1 ปีมากขึ้น...มองไทยคงดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง
สำหรับตลาดตราสารหนี้ ในงวด 6M60 ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิ 9.46 หมื่นล้านบาท โดยหลักซื้อสุทธิตราสารอายุ 1 ปีขึ้นไปถึง 1.24 แสนล้านบาท (เพิ่มจาก 4.65 หมื่นล้านบานใน 6M59) ส่วนตราสารอายุต่ำกว่า 1 ปีขายสุทธิ 3.25 หมื่นล้านบาท บ่งชี้ว่าต่างชาติประเมินว่าทางการไทยจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อไปอีกเป็นปี และมีโอกาสได้กำไรจากเงินบาทแข็งค่าด้วย

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!