- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 June 2017 16:17
- Hits: 2992
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
หุ้นธนาคารที่ยังเดินหน้าไม่อาจกลบความกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นได้
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง จากความกลัวการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากบรรดาธนาคารกลางออกมาส่งสัญญาการเริ่มต้นของการลดความผ่อนคลายทางการเงินการปรับตัวขึ้นของหุ้นการเงินไม่อาจต้านแรงขายหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มการเงินในตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปเมื่อคืน ประธานาธิบดี Trump ประกาศเพิ่มการส่งออกก๊าซธรมมชาติ ถ่านหิน และปิโตรเลียม จะยิ่งทำให้อุปทานส่วนเกินของโภคภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้นอีก ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ มีทั้งบวกและลบ การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลครึ่งปีเป็นไปตามเป้า กระทรวงการคลังมองเศรษฐกิจไทยโตกว่า 3.3% ในไตรมาส 2 แต่ธปท. เริ่มควบคุมสินเชื่อ ผู้บริโภคของผู้มีรายได้น้อย
หุ้นเด่นวันนี้ : SCC(ราคาปิด 502 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ที่ 638 บาท)
เราเลือก SCC เป็น Pick of the Day โดยเราคาดว่าธุรกิจหลักของ SCC มีแนวโน้มสดใสทั้งในส่วนของปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง จากการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ เป็นผลบวกต่อสเปรดปิโตรเคมีในระยะยาว นอกจากนี้ การเร่งโครงการก่อสร้างของภาครัฐบาลและเอกชน ทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ งานสร้างถนน และสนามบิน จะช่วยเพิ่มอุปสงค์ในการใช้ปูนซีเมนต์ ราคาหุ้น SCC ปรับตัวลง 6%QTD และลดลง 4%MTD คาดว่าอาจจะได้รับผลกระทบระยะสั้นจากการเตรียม lPO ของ Lotte Chemical Titan ของมาเลเซีย ซึ่งมีการผลิตปิโตรเคมีจาก Naphtha คล้ายกับ SCC แต่ราคาหุ้นถูกกว่า อย่างไรก็ตามเรายังชื่นชอบ SCC และมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งฐานการผลิตในประเทศของ SCC ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจต่อยอดในธุรกิจปิโตรเคมีได้อีกมาก
เช่น บริษัทก็กำลังพัฒนาเม็ดพลาสติก HDPE ที่มีลักษณะบางลง แต่เหนียวทนทานมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น สัดส่วนของสินค้าที่มี Value Added เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมากอยู่ที่มากกว่า 38% ของรายได้รวมแล้ว โอกาสของการขยายมาร์จิ้นเพิ่มจึงมีอีกมาก ขณะที่ SCC ได้ลงทุนขยายธุรกิจปูนซีเมนต์ในอาเซียน หลายประเทศ ทั้ง เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม และเวียดนาม ทำให้ได้ประโยชน์จากการเติบโตของดีมานด์การก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เราคาดการณ์ปี 2560 กำไรทรงตัวจากปีก่อน และจะเติบโตเพิ่มขึ้น 10%YoY ในปี 2561 แต่ค่า PER ปัจจุบันก็ต่ำเพียง 10.7 เท่า ต่ำเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับ PER อดีต 5 ปีและ 10 ปี ย้อนหลังที่ 15.5 เท่าและ 13.3 เท่าตามลำดับ เราแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 638 บาท เราคาดหวังว่า SCC จะเป็นเป้าหมายของการทำปิด Window Dressing ในวันนี้ด้วย Price Pattern ของ SCC ยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal แต่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางยังคงบ่งบอกถึงการปรับฐานของ SCC จากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal Price Pattern ของ SCC ยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 494-516 บาท โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 494 บาท และมีแนวต้านหรือเป้าหมายหลักอยู่ที่ 516 บาท (Resistance: 504.00, 506.00, 510.00; Support: 500.00, 498.00, 494.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
การเบิกจ่ายงบกลางปียังเป็นไปตามเป้า กนง.เผยงบกลางปีจำนวน 1.6 แสนล้านบาทสำหรับปีงบประมาณ 60 ได้ถูกเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 31% ซึ่งเข้าใกล้เป้าทั้งปี 60% (Bangkok Post)
สศค. คาดจีดีพีไตรมาสสองโตเกิน3.3% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค. 60 คลังจะปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจปี 60 ใหม่อีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.6% ซึ่งตอนนี้มีบางปัจจัยที่ดีกว่าที่คาดไว้ เช่น การส่งออก (เดลินิวส์)
แบงค์ชาติเตรียมคุมหนี้ผู้บริโภค ธปท.เตรียมประกาศข้อบังคับใหม่เพื่อควบคุมสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ได้แก่ สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ในเดือนหน้าเพื่อควบคุมการใช้จ่ายผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยไม่ให้ก่อหนี้เพิ่ม อย่างไรก็ตาม ยังมีไม่ข้อสรุปในขณะนี้เนื่องจาก ธปท.ยังอยู่ในช่วงระหว่างการทำประชาพิจารณ์ (Bangkok Post/Naewna)ความเห็น: ข่าวดังกล่าวน่าจะส่งผลต่ออารมณ์ตลาดในด้านลบแก่ KTC (ราคาปิด 119.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี 60 170.00 บาท) อย่างไรก็ตาม KTC มีนโยบายที่ค่อนข้างเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น เรามองว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัท เราคงคาดการณ์กำไรปี 60 ของ KTC ที่ 2.98 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY.
บีโอไอแย้มนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นไทย จ่อขยายการลงทุนกว่า 35% ชี้มีซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ โครงสร้างพื้นฐานที่ดีและมาตรการภาษีจูงใจ (ไทยโพสต์)
สภาพัฒน์เห็นชอบรถไฟไทยจีน เส้น กทม.-โคราช เพื่อให้เชื่อมต่อระบบรางไทบเข้ากับโครงการ One Belt, One Road ของจีน สศช. (สภาพัฒน์) จะเสนอโครงการมูลค่า 1.79 แสน ลบ. นี้แก่ ครม. ในสัปดาห์หน้า (Bangkok Post)
ต่างประเทศ :
ปธน. Donald Trump ชู "ยุคทอง" ของธุรกิจพลังงานสหรัฐ โดยจะเร่งเพิ่มส่งออกแก๊ส ถ่านหินและปิโตรเลียม โดยนโยบายนี้ที่เรียกว่า "พลังงานมาก่อน" Trump จะพยายามปรับภาพลักษณ์ ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวไปยังตลาดตะวันออก ยุโรปและเอเชีย สหรัฐยังจะส่งออกถ่านหินไปยังยูเครนซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่รัสเซียตัดการส่งแก๊สธรรมชาติ (Reuters)อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัส เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ทางการจะปรับการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.2666% จากที่ระดับ 2.223% เมื่อวันพุธ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐยืนอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนเทียบกับเงินยูโรเมื่อวันพฤหัส จากการคาดการณ์ที่มากขึ้นว่าจะมีการดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดมากขึ้นในยุโรปและแคนาดา เงินยูโรแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1444 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 11 พ.ค. 2559 ก่อนปิดแข็งค่าขึ้น 0.5% ที่ระดับ 1.1437 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐล่าสุดอ่อนค่า 0.2% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 112.05 เยน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 95.597 (Reuters)
ไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่แพร่ระบาดจากยูเครนไปทั่วโลกในสัปดาห์นี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายแห่งกำลังพยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวนี้ ที่มีชื่อว่า Petya ซึ่งทำเครื่องจักรเป็นอัมพาตทั่วโลก ปิดท่าเรือ โรงงานและสำนักงานต่าง ๆ เนื่องจากไวรัสดังกล่าวแพร่กระจายผ่านเครือข่ายองค์กรภายในไปกว่า 60 ประเทศ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงหนักเมื่อวันพฤหัส โดยดัชนี S&P500 และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์จากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่บดบังความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่อยู่ในแดนบวกเนื่องจากนักลงทุนได้เปลี่ยนมาลงทุนในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นทีหลังในปีนี้ (Reuters)
เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 1/60 ชะลอตัวน้อยกว่าที่ประมาณการก่อนหน้า เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคสูงกว่าที่คาดและยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้มีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สดใสมากขึ้นในปีนี้ ในการประเมินครั้งสุดท้าย GDP สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.4% YoY ในไตรมาส 1/60 เทียบกับรายงานก่อนหน้านี้ที่ขยายตัว 1.2% YoY แต่ยังคงเป็นการขยายตัวต่ำที่สุดนับแต่ไตรมาส 2/59 นักวิเคราะห์คาดว่าการขยายตัวของ GDP จะอยู่ที่อัตรา 1.2% เฟดสาขาแอตแลนตาประมาณการว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.9% YoY ในไตรมาส 2/60 (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 9 เดือนวานนี้ เนื่องจากหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย ถูกกระทบโดยท่าทีของธนาคารกลางทั่วโลกที่อาจหยุดนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่ม Defensive กลุ่มที่จ่ายปันผล ซึ่งรวมถึงกลุ่มสินค้าในครัวเรือน กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Reuters)
เอเชีย :
ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.4% YoY ในเดือน พ.ค. นับเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ให้ความหวังต่อ BOJ ในการทำให้เศรษฐกิจฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นไปยังเป้าหมาย 2% โดยดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมัน แต่ไม่รวมราคาอาหารสด ขยายตัว 0.3% ในเดือน เม.ย.และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด (Reuters)
การใช้จ่ายภาคครัวเรือนในญี่ปุ่นลดลง 0.1% ในเดือน พ.ค. ขณะที่งานว่างอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 43 ปี โดยอัตราว่างงานของญี่ปุ่นในเดือน พ. ค. พุ่งขึ้น 3.1% ในขณะที่การว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันนับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2517(Reuters)
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นลดลง 3.3% MoM ในเดือน พ.ค.เนื่องจากการผลิตรถยนต์และอุปกรณ์ก่อสร้างลดลง เทียบกับประมาณการเฉลี่ยของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าลดลง 3.2% โดยมีอัตราการเติบโต 4.0% ในเดือน เม.ย.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบหกปี อย่างไรก็ตามผู้ผลิตคาดการณ์ว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือน มิ.ย.และลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.(Reuters)
จีนเกินดุลเงินทุนและดุลการเงินในไตรมาส 1/60 แสดงให้เห็นถึงเงินทุนไหลเข้าสุทธิขณะที่ผู้กำหนดนโยบาย นอกจากนี้จีนยังมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 18.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/60 หลังจากมีการรายงานตัวเลขก่อนหน้านี้ว่าเกินดุล 19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (Reuters)
PMI เดือน มิ.ย. ของจีน: ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเป็น 51.7 จากระดับ 51.2 ในเดือนพฤษภาคม Non Manufacturing PMl ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนมิถุนายนจาก 54.5 อย่างไรก็ตาม Manufacturing PMl ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 49.6 ในเดือนมิถุนายนจากระดับ 50.3 ในเดือนพฤษภาคมลดลง 3 เดือนติดต่อกัน ส่วน PMl บริการในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 52.8 เพิ่มขึ้นจาก 51.5 ในเดือนพฤษภาคม (Trading Economics)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันล่วงหน้าบวกเล็กน้อยวันพฤหัส หลังจากแตะจุดสูงสุดรอบสองสัปดาห์ วิ่งต่อเป็นวันที่หกหลังจากลดลงรายสัปดาห์จากสหรัฐลดการผลิตน้ำมันดิบรายสัปดาห์ช่วยบรรเทาความกังวลเรื่องอุปทานล้นเกินได้เป็นการชั่วคราว น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 0.29% ปิดที่ 44.87 ดอลลาร์สหรัฐบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์บวก 0.11% ปิดที่ 47.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองคำร่วงวันพฤหัสเพราะความเห็นเชิงขึ้นดอกเบี้ย/ใช้นโยบายการเงินตึงตัวทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นในประเทศแถบแอตแลนติก ทองคำตลาดจรลบ 0.3% ปิด 1,245.31 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคาสหรัฐล่วงหน้าลบ 0.26% ปิดที่ 1,245.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Baltic Dry Index (BDI) ปิดที่ 920 จุด ลดลง 9 จุด หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 5 วันติดต่อกัน (ASPEN) ความเห็น : เราคาดว่าค่าระวางเรือ และราคาถ่านหินอาจได้รับผลกระทบจากการที่ทางการจีนสั่งลดการนำเข้าถ่านหิน เนื่องจากเรือเทกองใช้เพื่อการขนส่งเหล็ก และถ่านหิน มากที่สุดในสัดส่วนอย่างละประมาณ 25 % อย่างไรก็ตามค่าระวางเรือเฉลี่ยในไตรมาส 2/60 ยังอยู่ระดับสูงกว่าไตรมาส 1/60 ซึ่งเฉลี่ยเท่ากับ 950 จุด และมองว่าการลดการนำเข้าอาจเป็นผลกระทบในระยะสั้น
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042