- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 30 June 2017 16:01
- Hits: 2733
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานภาคบ่าย SET มีแรงขายจากกลุ่มโบรกเกอร์เป็นหลัก โดยหุ้น BANPU, MINT มีแรงขายสูงผิดปกติ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,578 (-4.5 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.1 หมื่นล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อหุ้นไทยที่ 2,958 ล้านบาท และ short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 9,312 สัญญา ในขณะที่โบรกเกอร์ขาย 3,594 ล้านบาท
Investment theme
คาดตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่ช่วงปรับฐาน : เราคงมุมมอง " ปัจจุบันไม่ใช่ช่วงเวลาที่นักลงทุนจะเพิ่มพอร์ตการลงทุน เพียงแต่เก็งกำไรสลับตัวเล่นรายตัว" เนื่องจาก Risk -Reward ไม่เหมาะสม โดยในระยะสั้นเราคาด Upside ของ SET ที่ 1,600 จุด ในขณะที่ Downside เรามองอยู่ที่ระดับ 1535 , 1550 จุด สาเหตุหลักเกิดจาก 1) เราคาดผลประกอบการ SET ไตรมาส 2 จะออกมาอ่อนตัว YoY , QoQ กดดันจากกลุ่มพลังงานและค้าปลีก 2) มีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2560 ลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อ EPS ของ SET อีกทั้งเราเชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงเวลาที่มีการพิจารณากฎหมาย American health care , Dodd frank และการเจรจาดุลการค้า ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่ ตลาดหุ้นสหรัฐจะเกิด Sell on fact คล้ายๆกับ น้ำมันที่เกิด Sell on fact จากประเด็นการขยายเวลาลดกำลังการผลิตนำมัน 1.8ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนของตลาดหุ้นหลายๆประเทศ
Investment theme: เรามองว่า SET ขาดปัจจัยบวกที่ปรับตัวขึ้นเทียบเท่ากับภูมิภาคในระดับ 10% อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ เราคงคำแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรรายตัว เช่น BEM, GPSC, TPIPP, CENTEL และ NOK ขณะที่หุ้นที่เก็งกำไรเรื่อง Window Dressing แนะนำเริ่มทยอยขายทำกำไร
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา มีจัดประชุมนักวิเคราะห์ BTS เรามีมุมมองเป็นกลาง / Dollar index ทำระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนที่ 95.5 / สหรัฐปรับตัวเลข GDP ไตรมาส1 ขึ้นเป็น 1.4% (จาก1.2%) / Goldman ปรับเป้าน้ำมันจาก 55.0 สู่ 47.50 ดอลลาร์/บาร์เรล / ครบรอบ 20 ปี วิกฤตต้มยำกุ้ง
เรื่องเด่นวันนี้
- บทวิเคราะห์ TTCL (ซื้อ), PTTEP (ถือ)
- ธปท. แถลงสภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน
Stock pick : TPIPP
TPIPP: ซื้อสะสม @ THB8.50
- คาดกำไร 2Q60 ทำ All time high จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ มีกำหนดจะพิจารณารายงาน EIA ฉบับที่สองของ TPTPP ใน 1-2 สัปดาห์นี้ ถ้าผ่านก็จะ COD เร็วกว่ากำหนดไตรมาสสี่
- กำลังการผลิตปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 150MW เป็น 440MW หนุนกำไรไตรมาสสี่โตก้าวกระโดด และ ปี 2561 จะรับรู้กำลังการผลิต 440MWเต็มปี
- ในแง่ของเทคนิค ราคาหุ้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เป้าหมายระยะสั้น 7.40บาท
Trading idea - ขายทำกำไรหุ้นที่เราแนะนำ (Window Dressing) เมื่อต้นสัปดาห์ ได้แก่ ROBINS, CK, BJC, BDMS โดยเฉลี่ย 4 วัน กำไร 1.90% ในขณะที่ยังคงแนะนำให้ถือ SCB, BEM ต่อ / ปิด position หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ จากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายของจีนต่อตลาดถ่านหิน ซึ่งอาจกระทบต่อการเดินเรือทางอ้อม
Technical view
รอดูแนวรับเส้น Neckline ดัชนีปรับตัวลงแรงช่วงท้ายหลุด Uptrend line ระยะกลาง กราฟระหว่างวัน เกิดแท่งเทียนแดงยาว แสดงถึงโมเมนตัมการปรับตัวลงระยะสั้นชัดเจน เลยมองว่าวันนี้ดัชนีจะอ่อนตัวต่อ มองแนวรับ Neckline ของ Head and Shoulders หัวกลับ 1570-1572 หากไม่หลุดมีโอกาส Rebound กลยุทธ์การลงทุน (1) พิจารณาแรงรับที่ 1570-1572 หากรับอยู่ ทยอยสะสมหุ้น (2) หาก 1570 รับไม่อยู่ รอดูแนวโน้มดัชนีพักเป็นวันที่ 2 ลงสู่แนวรับ Downtrend Line เดิม ซึ่งควรเริ่มหยุดลง
แนวรับ : 1570-1572 แนวต้าน : 1585
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : สหรัฐจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ Core-PCE ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : การเริ่ม Preview งบ 2Q60 / ประชุมนัดแรกกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ในวันที่ 3 ก.ค.
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 62.00, Tp 64.50, Cut 61.00)
CPN (B 68.50, Tp 71.00, Cut 67.50)
ข่าวเด่นเช้านี้
ช.การช่างลุยท้ายปี จ่อชิงเมกะโปรเจกต์ (โพสต์ทูเดย์)
ช.การช่าง มั่นใจครึ่งปีหลังงานเมกะโปรเจกต์จ่อคิวออกเพียบ ดันงานในมือทะลุ 1.3 แสนล้าน นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนรับงานจากโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ที่รัฐเตรียมเปิดประมูลเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ระยะแรก จำนวน 5 เส้นทาง 10 สัญญางานโยธา มูลค่างานรวม 9.7 หมื่นล้านบาท ที่จะเปิดประมูลในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.
ความเห็น : ในครึ่งปีหลังจะมี Story งานประมูลโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเข้ามามากขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในลาว CK จะช่วยเติม Backlog ปัจจุบันที่สูงเกือบ 1 แสนล้านบาท มีจุดเด่นที่เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ และมีเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของประเทศ คือ BEM, CKP และ TTW ซึ่งมีการเติบโตและจะช่วยเพิ่มงาน เราประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี Sum of The Part เท่ากับ 34.00 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
SQ รอลุ้นข่าวดีไตรมาส 4 ลุยเหมืองแม่เมาะเฟส 8 (ข่าวหุ้น)
"SQ" ลุ้นข่าวดีเดินหน้าเหมืองแม่เมาะเฟส 8 เร็วกว่ากำหนดตั้งแต่ไตรมาส 4/60 พร้อมประมูลงานเหมืองแม่เมาะ เฟส 9 มูลค่า 40,200 ล้านบาทกลาง ส.ค.นี้ โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" อัพเป้าราคาใหม่ 7.40 บาท คาดปีนี้กำไรสุทธิพุ่ง 470 ล้านบาท
ความเห็น : ถ้า กฟผ. อนุมัติให้ติดตั้งเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโครงการแม่เมาะ 8 ได้เร็วกว่ากำหนดก็จะทำให้ผลประกอบการในปีนี้จะมากกว่าที่เราคาด และ โครงการเหมืองแม่เมาะ 9 มูลค่า 4.3-4.5 หมื่นล้านบาท จะทราบผลปลายปี จะเป็นอีกปัจจัยช่วยหนุน อนาคตมีแนวโน้มจะได้งานใหม่ต่อเนื่อง เสริม Backlog ปัจจุบันที่สูงถึง 3.7 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ 10 ปี คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 6.50 บาท ด้วยวิธี DCF
SPALI ลั่นยอดขาย Q2 โต 2 หลัก ลุ้นผลประมูลที่ดินสถานทูตออสซี่กลางก.ค.นี้
"ศุภาลัย" ลุ้นผลประมูลที่ดินสถานทูตออสเตรเลียกลางก.ค.นี้ ส่วนยอดขายไตรมาส 2/60 คาดโต 2 หลัก เหตุแนวราบขายดีต่อเนื่อง ลั่นครึ่งปีหลังผุด 18-20 โครงการ มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท คงเป้ายอดขายปีนี้ 27,000 ล้านบาท
ความเห็น : เราคาดว่า SPALI จะสามารถทำยอด Presales ปีนี้ได้ถึงเป้าที่ 27,000 ล้านบาท เติบโต 12% YoY รวมทั้งคาดว่าแนวโน้มรายได้ กำไรสุทธิ และ Presales จะทำฐาน New Record High และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการของ 2Q60 จะดีขึ้นกว่า 1Q60 จาก Backlog ที่มีรวมทั้งการได้เงินปันผลรอบ 1H60 คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท/หุ้น
ANAN ดักทางดีมานด์แน่น โกยยอดขายกระฉูด 9 พันล. (ทันหุ้น)
ANAN จัดแคมเปญใหญ่ ANANDA URBAN PULSE เปิดตัว 5 โครงการใหม่ ในทำเลติดแนวรถไฟฟ้า กวาดยอดขายได้กว่า 9,000 ล้านบาท "ชานนท์ เรืองกฤตยา" ปลื้มแรงตอบรับเยี่ยม สามารถปิดการขายโครงการ ไอดีโอ คิววิคตอรี่ได้ภายในงาน ชี้กำลังซื้ออสังหาในเมืองและแนวรถไฟฟ้ายังมีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง
ความเห็น : ยอดขายจากโครงใหม่ 5 โครงการรวมมูลค่า 21,700 ล้านบาทที่เปิดไปในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ANAN ทำได้ 9,000 ล้านบาท โดย Ideo q victory sold out Ideo q sukhumvit36, Ideo new rama9 และ Ashton Asoke rama9 โครงการละ 40% ส่วน Elio Del Nest ขายได้ 20% ของเฟสแรก แนะนำ Trading Buy ANAN โดยยอดจองของโครงการอื่นๆ ไม่ได้ดีกว่าความคาดหมาย แต่จะเพิ่ม Backlog ในส่วน JV และจะบันทึกในส่วนของส่วนแบ่งกำไรในปี 2563 - 2564 อย่างไรก็ตามการเปิด Event ใหญ่ที่พารากอนคาดจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ต้องบันทึกในงบของ JV ใน 2Q60 นี้และอาจะทำให้ผลประกอบการของ 2Q60 ยังไม่เด่น แต่จะดีขึ้นใน 3Q และ 4Q ที่สูงสุดในปีนี้ แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท/หุ้น
BANPU ย้ำชัดฐานแข็งแกร่งดีมานด์ถ่านหินรองรับยาว (ทันหุ้น)
บิ๊ก BANPU "สมฤดี ชัยมงคล" ยืนยันธุรกิจถ่านหินยังแข็งแกร่งระยะยาว ชี้ดีมานด์ตลาดหนุนต่อเนื่อง แม้สภาวะราคาผันผวน คาดแนวโน้มราคา ส่วนโบรกมองราคาหุ้นร่วงผลกระทบช่วงสั้นเชิงจิตวิทยา ขณะที่แผนดำเนินงานยังแข็งแกร่ง คาดงบไตรมาส 2/2560 กำไรสดใส วางพิกัดราคา 22-24 บาท
ความเห็น : เราประเมินปัจจัยลบมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวกในระยะสั้นภายหลังจากผ่านช่วง High Season ของการใช้ถ่านหินในไตรมาส 1 ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ทำให้อุปสงค์ถ่านหินลดลงตามฤดูกาล ราคาถ่านหินในประเทศจีนอยู่ในกรอบบนตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ประเมินราคาไว้ในกรอบ (500-570 หยวนต่อตัน) เชิงพื้นฐานแนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท เชิงกลยุทธ์อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังและให้ความสำคัญกับทิศทางราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น
Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินทุนต่างชาติกลับเข้ามาไทยอย่างโดดเด่น โดยซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 2.9 พันล้านบาท แต่ทว่า SET50 Index future ยังคงเป็น short สุทธิต่ออีก 9,312 สัญญา ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ส่วนตลาดตราสารหนี้พลิกเป็นขายสุทธิ 2.3 พันล้านบาท
ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ short-sell เพิ่มถึง 90% เป็น 1.2 พันล้านบาท หลังเกิดจากแรงปรับฐานอย่างรวดเร็วในช่วงบ่าย โดย KBANK ถูก short sell สูงสุด 316 ล้านบาท ส่วน BANPU ถูก short-sell จำนวน 279 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 16.83 บาท/ หุ้น หลังมีข่าวว่าจีนจะมีมาตรห้ามท่าเรือขนาดเล็กน้ำเข้าถ่านหินตั้งแต่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ปริมาณนำเข้ารวมลดลง 10% ในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.
การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อขายเริ่มคึกคักมากขึ้น โดย KBANK ยังคงมียอดเข้าซื้อสุทธิสูงต่อเนื่องอีก 1 พันล้านบาท จาก 1.3 พันล้านบาท วันก่อนหน้า ทำให้ MTD หุ้น KBANK กลายเป็นซื้อสุทธิ 4.4 พันล้านบาท สูงสุดในตลาดฯ ในด้านฝั่งขาย SCC ยังคงถูกขายอีก 306 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับการหลุดแนวรับสำคัญ 504 บาท ส่วนหุ้นที่พลิกมาขายวันแรกในรอบ 5 วันคือ MINT และ CK
บทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานเผยแพร่วันนี้
PTTEP TP Downgrade HOLD
ประเด็นการลงทุน : เรายังคงคำแนะนำ ถือ PTTEP แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 90 บาท (จาก 101 บาท) สะท้อนราคาน้ำมันในช่วง 1H60 ที่ต่ำกว่าคาด และแรงกดดันด้านอุปทานที่ต่อเนื่องไปใน 2H60 แนวโน้มผลประกอบการ 2Q60 ชะลอตัวลง จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ปริมาณขายและราคาน้ำมันที่ลดลง ในกลุ่มน้ำมันขั้นต้นเราชอบ PTT มากกว่า
ปรับลดสมมติฐานราคาน้ำมัน : เราปรับลดมุมมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันลงสู่ 45-55 เหรียญต่อบาร์เรล (จาก 50-60 เหรียญ) และสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2560-2561 ลง 9.1% และ 8.6% เป็น 50 และ 53 เหรียญต่อบาร์เรล (สมมติฐานระยาวเท่ากับ 55 เหรียญต่อบาร์เรล) นอกจากนั้นเราปรับสมมติฐานปริมาณขายลง 2.6% และ 1.5% เป็น 303 และ 306 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (KBOED) หลังมีแนวโน้มทำได้ต่ำกว่าเป้า ในด้านบวกเราปรับลดต้นทุนผลิตต่อหน่วยลง 9.7% และ 8.9% เป็น 29.9 และ 31.5 เหรียญต่อบาร์เรล จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นเราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2561 ลง 8.5% และ 13.2% เป็น 24,521 และ 26,719 ล้านบาท ตามลำดับ
คาดผลประกอบการ 2Q60 ชะลอตัวลง : เราคาดกำไรจากการดำเนินการ 2Q60 จะอ่อนตัวลง 15.1% QoQ เป็น 6,329 ล้านบาท (+16.1% YoY) ผลประกอบการที่อ่อนตัวลง QoQ เกิดจากปริมาณขายที่คาดจะลดลง 2% QoQ เป็น 298 KBOED จากผลกระทบการหยุดผลิต 23 วันบนพื้นที่ สปก. ในโครงการ S1 การรับก๊าซฯ ลดลงโดยเฉพาะโครงการ Contract 4 และโครงการ MTJDA รวมถึงต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้น 5.3% QoQ เนื่องจากค่าเสื่อมราคืที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยคาดทรงตัวที่ 38 เหรียญต่อ BOE (ราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้น ถูกชดเชยจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง) หากรวมรายการพิเศษส่วนใหญ่เป็นผลจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนไตรมาสนี้มีผลสุทธิเป็นบวก 1,530 ล้านบาท (จาก +4,830 ล้านบาทใน 1Q60) เราคาดกำไรสุทธิ 7,859 ล้านบาท (-36% QoQ)
ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 90 บาท คงคำแนะนำ ถือ : จากการปรับลดประมาณการข้างต้น ราคาเป้าหมาย (DCF, WACC 12%) ถูกปรับลดลงเป็น 90 บาท (จาก 101 บาท) คงคำแนะนำ ถือ
TTCL Update BUY
คงคำแนะนำ ซื้อ : เราชอบและคงคำแนะนำ ซื้อ TTCL โดยคาดว่าในจุดเด่นของ 2Q-3Q คือการชนะงานใหม่มูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท และคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการจะดีขึ้นเป็นลำดับใน 2Q-4Q จาก 3 ปัจจัยคือการเริ่มกลับมาก่อสร้างของโครงการใน สปป.ลาว การเดินเครื่องที่ดีขึ้นของ Ahlone และงานใหม่ที่เริ่มสร้างรายได้ เราให้ราคาเป้าหมายที่ 23.00 บาท/หุ้น
เราคาดเห็นการชนะงาน 1-2 งานเร็วๆ นี้และเป็นมูลค่าที่สูงกว่าเราคาด : เราคาดว่าจะเห็น TTCL ชนะงานใหม่ประมาณ 1-2 งาน งานแรกเป็นงานปิโตรเคมีในประเทศ 2Q60 มูลค่างานประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 9,000 ล้านบาทและอีกงานใน 3Q60 นี้ที่ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นงานปิโตรเคมีในต่างประเทศ โดยในปีนี้ TTCL มี Bidding Proposal ในมือประมาณ 1.7 แสนล้านบาทเป็นงานปิโตรเคมี 65% ไฟฟ้า 32% ซึ่งหาก TTCL ได้งานตามที่คาดไว้จะเป็นมูลค่ารวม 16,000 ล้านบาทมากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้ที่ 12,000 ล้านบาท และในปีนี้ TTCL คงเป้าการชนะงานที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 24,500 ล้านบาทซึ่งคาดว่า 65% ของเป้าทำได้แล้ว โดยในประมาณการเราไม่รวมงานโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 2 โรงคือ 1200 MW และ 1280 MW และงานที่รอเซ็นสัญญาคืองานก่อสร้างโรงปุ๋ยในเติร์กเมนิสถานมูลค่า 8,500 ล้านบาท (ยังไม่อยู่ใน Backlog) เราคาดจะเห็นความคืบหน้าใน 2H60 นี้
คาด Backlog จะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ : เราคาดว่ามีโอกาสที่ ณ สิ้น 2Q60 Backlog ในมือของ TTCL จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ล้านบาทจากที่ ณ 1Q60 อยู่ที่ 11,000 ล้านบาท โดยเราคาดว่าประมาณ 8,500 ล้านบาทจะบันทึกรายได้ในปีนี้ ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ในปี 2561-2563 และเราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการของ 2H60 จะดีกว่า 1H60 จาก 3 เหตุผลคือ 1) การเดินเครื่องที่เต็มกำลังของโรงไฟฟ้า Ahlone 2) งานใหม่ที่ได้รับ และ 3) การกลับมาเริ่มก่อสร้างของโครงการ Rock Salt ใน สปป.ลาว เราคาดรายได้ของปีนี้ที่ 21,639 ล้านบาท (+8% YoY) มี Secured Revenue ประมาณ 58% และคาดกำไรสุทธิของปีนี้จะเท่ากับ 463ล้านบาท (+16% YoY)
แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 23.00 บาท/หุ้น : เราคงคำแนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายของปีนี้ที่ 23.00 บาท/หุ้น จุดอ่อน หากงานปัจจุบันหรืองานในอนาคตทำได้ช้ากว่าเป้าคาดจะมีผลลบต่อประมาณการรวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่าย จุดแข็ง ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่ TTCL มีจะเป็นแรงหนุนต่อโอกาสการได้งานใหม่เหนือคู่แข่ง รวมทั้งการนำบริษัทลูกซึ่งเป็นธุรกิจไฟฟ้าเข้าจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์จะเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ Research Department Tel. 02-658-6300