- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 June 2017 17:32
- Hits: 1125
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวาน SET ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยมีแรงขายหุ้น SCC, PTT และ DELTA ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,582 (-3.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่นล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ซื้อหุ้นไทยที่ 973 ล้านบาท และ short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 1,930 สัญญา
Investment theme
คาดตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่ช่วงปรับฐาน : ภายหลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นจากต้นปีเฉลี่ยประมาณ 10% ส่งผลให้เรามองว่ามีโอกาสเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ปัจจุบันซื้อขาย PER17 ในระดับสูงที่ 18 เท่า สูงสุดในรอบ 10 ปี (ค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 15 เท่า) คาดส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก fund flow แต่เรามองว่าปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่สนับสนุน โดยประเด็นหลักเกิดจาก ความล่าช้าของนโยบายต่างๆของ Trump ไม่ว่าจะเรื่องภาษี, Health care, Dodd frank หรือแม้กระทั่งเรื่องการเจรจาดุลการค้า ส่งผลให้นักวิเคราะห์รวมถึง IMF เริ่มมีการปรับประมาณการ GDP ปี2560/61 ลง และสำหรับ SET เรามีมุมมองคล้ายๆกัน โดยระยะกลางเรามองว่า SET มีโอกาสปรับฐาน สาเหตุจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะอ่อนตัว YoY และ QoQ นำโดยกลุ่มพลังงาน อีกทั้งหลายฝ่ายคาด GDP ไตรมาส 2 จะเติบโตลดลงจากไตรมาส1 ที่ 3.1% ส่งผลให้เรามองว่ามีโอกาสที่ SET จะปรับฐานในช่วงกลางเดือนกรกฏาคมในระดับ 1535,1550
Investment theme: เรามองว่า SET ขาดปัจจัยบวกที่ปรับตัวขึ้นเทียบเท่ากับภูมิภาคในระดับ 10% อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ เราคงคำแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรรายตัว เช่น BEM, GPSC, TPIPP, CENTEL /และ NOK ขณะที่หุ้นที่เก็งกำไรเรื่อง Window Dressing แนะนำเริ่มทยอยขายทำกำไร
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา บอร์ด PPP เห็นชอบนำ motorway 2 โครงการ (บางปะอิน-นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี) รวมมูลค่า 1.42 แสนล้านบาท คาดออก TOR ปลายปีนี้ / สหรัฐรายงานตัวเลข Crude oil inventory เพิ่มขึ้น 1.1แสนบาร์เรล อย่างไรก็ตามการผลิตในสัปดาห์นี้ลดลงเป็น 9.3ล้าน บาร์เรล/วัน ต่ำสุดในรอบ 1 ปี
เรื่องเด่นวันนี้
- บทวิเคราะห์ HMPRO (ซื้อ)
Stock pick : HMPRO
HMPRO: ซื้อสะสม @ THB12.20
- คาดกำไรสุทธิ 2Q60 เติบโต 6%QoQ ,12%YoY ที่ 1,110 ล้านบาท จากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ส่งผลให้ Gross profit margin เพิ่มขึ้นเป็น 26.0% (จาก 25.4%)
- กลยุทธ์ขยายสาขาและเพิ่ม margin : โดยเพิ่มสัดส่วน House brand (Margin 30-35% ในขณะที่ธุรกิจปกติ margin 20-25%) และ Home service (ขายสินค้าพ่วงบริการ) ส่งผลให้ทั้งในแง่ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นและ Margin ที่สูงขึ้น
- คาดกำไรปี 2560/61 จะเติบโต 11% ที่ 4.5 พันล้านบาท และ 10.8% ที่5.07 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมี yield 3.4%
Trading idea - ลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive & Dividend เช่น GPSC, TPIPP, BEM // เก็งกำไร ROBINS, SCB ประเด็น Window Dressing / การดีดของน้ำมันทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของราคายาง แนะนำเก็งกำไร STA (15.2-15.7, cut loss 14.90) // สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันดิบ เรือเทกอง (BDI) ราคายาง ปรับตัวขึ้น 1-3%
Technical view
ควร Rebound ที่แนวรับ ดัชนีพักเป็นวันที่ 2 ลงสู่แนวรับ Downtrend Line เดิม ซึ่งควรเริ่มหยุดลง เพื่อแกว่งออกข้างหรือ Rebound เพื่อยืนยันการ Break เส้น Downtrend Line วันนี้จึงมองว่าดัชนีจะ Rebound ตั้งแต่ต้นตลาด และแกว่ง 1580-1590 โดย Sentiment จะดูดีขึ้น หากระหว่างวันดัชนีผ่าน Neckline ที่ 1590 กลยุทธ์การลงทุน (1) Buy on Support บริเวณ 1580 เพื่อลุ้น Rebound กลับ (2) Trading ในกรอบ 1580-1590
แนวรับ : 1580 แนวต้าน : 1590, 1600
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : สหรัฐจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ Core-PCE ในวันศุกร์ที่ 30 มิ.ย. / พายุโซนร้อนก่อตัวในอ่าวแมกซิโก อาจส่งผลต่อการผลิตน้ำมันของสหรัฐ (เป็นบวกต่อราคาน้ำมัน )
ปัจจัยในประเทศ : การเริ่ม Preview งบ 2Q60 / ประชุมนัดแรกกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ในวันที่ 3 ก.ค.
หุ้นเทคนิค:
PTTEP (B 86.50, Tp 89.50, Cut 85.75)
BJC (B 47.00, Tp 50.00, Cut 4.60)
ข่าวเด่นเช้านี้
TPIPP มีลุ้น Q2 กำไรโตนิวไฮ ซื้อเป้า 9 บาท (ข่าวหุ้น)
"TPIPP" วิ่งรับราคาเป้าหมาย 9 บาท อัพไซด์เพียบ 25% จับตางบไตรมาส 2 กำไรโตนิวไฮ ขานรับปริมาณผลิตไฟฟ้าทะลัก โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" คาดปี 60 กำไรโต 70% ทะลุ 3,000 ล้านบาท ชี้ไตรมาส 4 ลุย COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 290 MW
ความเห็น : ผลประกอบการ 2Q60 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าดีขึ้น มีการเพิ่ม Boiler โดยเฉพาะในไตรมาส 4Q60 จะเติบโตแบบก้าวกระโดดเด่น จากโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิง RDF + ความร้อนทิ้ง ขนาด 100MW ได้ขายไฟให้ กฟผ. และ ได้ adder 3.50 บาท เราคงคำแนำ ซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 8.50 บาท
กลุ่มเดินเรือแรลลีดัก BDI TTA สวยพลิกกำไรรอบ 2 ปี (ทันหุ้น)
"TTA-RCL-PSL-JUTHA" นำทีมกลุ่มเดินเรือแรลลีตามค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำนิวไฮคาด BDI อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นหนุนด้วยฤดูกาล Grain Trading ของอเมริกาเหนือ และการนำเข้าถ่านหินของจีนก่อนเข้าฤดูหนาว ดันผลงานกลุ่มเดินเรือปรับเพิ่มขึ้นถึงไตรมาส 4/2560 ชู TTA เด่นลุ้นปีนี้พลิกเป็นกำไรในรอบ 2 ปี
ความเห็น : เราชอบ PSL ที่สุด เนื่องจากเป็น Pure play ที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งเราพบว่าระดับ stock สินแร่เหล็กของจีนเริ่มปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ส่งผลต่อการเก็งกำไรไปกับตัวเลข PMI ของจีนในวันศุกร์ อย่างไรก็ดีภาพในปีนี้ของ PSL ยังขาดทุน แต่สามารถเทรดในกรอบ 8.80-12.00 บาท/ หุ้น ได้ ราคาพื้นฐานปีนี้ 10.20 บนเรตติ้งระดับ ซื้อเก็งกำไร
BWG โค้งหลังฉายแววเด่น รับทรัพย์ขายไฟฟ้า 8 MW (ทันหุ้น)
BWG ครึ่งหลังฉายแววเด่น วงในชี้ชัดได้แรงหนุนจากจำนวนลูกค้ากำจัดขยะดีดตัวขึ้น บวกกับรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขนาด 8 เมกะวัตต์เข้ามาเสริม แถมได้อานิสงส์รัฐเร่งขับเคลื่อนนโยบาย EEC ดึงการลงทุนขยายฐานผลิตต่างชาติทำขยะอุตสาหกรรมขยายตัว
ความเห็น : เรามองว่าในภาพระยะสั้น ผลกำไรใน 1Q60 เป็นจุดต่ำสุด และค่อยๆทยอยไต่ขึ้นไป อีกทั้งยังได้ sentiment บวก จากประเด็น กรมโรงงานเข้าตรวจสอบบ่อบำบัดของโรงงาน 21,000 แห่ง ทั่วประเทศอีกด้วย ทำให้ BWG มีโอกาสได้งานเพิ่ม แนะนำ ซื้อสะสม 2.30 บาท/ หุ้น
GFPT ลุ้น Q2 ฟันกำไร 434 ล้าน ชูครึ่งหลังไฮซีซั่นดันยอดส่งออกโต หนุนรายได้พุ่ง 10% (ข่าวหุ้น)
GFPT ลั่นไตรมาส 2 ผลงานแจ่ม! ฟุ้งส่งออกโต ชูครึ่งปีหลังไฮซีซั่น มั่นใจปีนี้รายได้พุ่ง 5-10% ด้านกรณีอหิวาต์ไก่ คาดไม่ได้รับผลกระทบ ฟากโบรกฯ อัพเกรดเป็น "ซื้อ" เป้า 23 บาท ลุ้นไตรมาส 2 โกยกำไรสุทธิ 434 ล้านบาท
ความเห็น : คาดกำไร 2Q60 เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากการส่งออกไก่ขยายตัวดีเนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่น ราคาไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังต่ำ ส่วนการระบาดของอหิวาต์ไก่ไม่ได้กระทบต่อการเลี้ยงไก่ของ GFPT เนื่องจากอยู่คนละพื้นที่และบริษัทมีการเลี้ยงไก่แบบฟาร์มปิด เราแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 19.10 บาท
บีโอไอเข็น PTTGC ลุยโครงการ 2 หมื่นล.เขย่ารายได้โต 16% (ทันหุ้น)
"บีโอไอ" อนุมัติการลงทุนของ PTTGC จำนวน 2 โครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ชี้เป็น 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของภาครัฐ บิ๊ก "หิรัญญา สุจินัย" สั่งเร่งเครื่องธุรกิจ PTTGC เต็มสูบมั่นใจทั้งปี 2560 รายได้โตตามเป้า 16% พร้อมรับโอนธุรกิจปิโตรเคมีจากกลุ่ม ปตท.ภายในไตรมาส 3/2560 นี้ แย้มรับรู้กำไรเข้าพอร์ตทันที
ความเห็น : การได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของ PTTGC เป็นการตอกย้ำการเน้นการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีชนิดพิเศษ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นให้กับผลิตภัณฑ์ขั้นต้น อย่างไรก็ตามเราคาดผลบวกในด้านผลประกอบการในระยะกลางยังมีค่อนข้างจำกัด แนวโน้มผลประกอบการ 2Q60 อ่อนตัวเรา เชิงกลยุทธ์ แนะนำ ทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 82.00 บาท
Go with the Flow : กระแสเงินทุนต่างชาติ / ธุรกรรม Short-Selling / NVDR
กระแสเงินทุนต่างชาติ - กระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่เคลื่อนไหวชัดเจนนัก โดยในตลาดหุ้นไทย ยังซื้อต่อเนื่อง 973 ล้านบาท แต่ SET50 Index future เป็น short สุทธิต่ออีก 1,930 สัญญา ส่วนตลาดตราสารหนี้ซื้อสุทธิต่ออีก 4.2 พันล้านบาท
ธุรกรรม Short Selling - ปริมาณ short-sell เพิ่ม 52% เป็น 656 ล้านบาท แต่ก็พบว่า KBANK เกิด short sell สูงสุด 231 ล้านบาท ส่วน SCC ยอด short-sell ลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียง 7 ล้านบาท จาก 16 ล้านบาทในวันก่อน
การซื้อขาย NVDR - ปริมาณการซื้อขายเริ่มคึกคักมากขึ้น โดย KBANK มียอดเข้าซื้อสุทธิถึง 1.3 พันล้านบาท ทำให้ MTD หุ้น KBANK กลายเป็นซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท สูงสุดในตลาดฯ ขณะที่ PTTEP เป็นยอดพลิกกลับมาซื้อครั้งแรกในรอบ 5 วัน จำนวน 230 ล้านบาท ภายหลังราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่องตามที่มองไว้ ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการต้นน้ำ (upstream) ในด้านฝั่งขายพบว่า ผู้เล่นฝั่ง downstream อย่าง PTTGC โดนพลิกาขายสุทธิวันแรกในรอบ 5 วันทำการที่ 27 ล้านบาท ส่วน SCC ยังเป็นยอดขายสุทธิต่อกันอีก 310 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานเผยแพร่วันนี้
HMPRO Earnings Preview BUY
ประเด็นการลงทุน : คาดกำไรสุทธิ 2Q60 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไร ผลประกอบการมีแนวโน้มชะลอตัวใน 3Q60 แต่จะฟื้นตัวเด่นใน 4Q60 เรามีมุมมองบวกต่อ HMPRO โดยคาดอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงซึ่งรวมถึงสินค้า Direct sourcing อีกทั้งมีการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากบริการ Home service ซึ่งคาดจะช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าของ HMPRO ด้วย เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 12.20 บาท
คาด 2Q60 เติบโตจากการเพิ่มอัตรากำไร : เราประเมินกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6% QoQ และ 12% YoY เป็น 1,110 ล้านบาท คาด SSSG ติดลบมากขึ้นเป็น 3% (จากฐานสูงในปีก่อน ฝนตกบ่อย และ Cannibalisation ของบางสาขาในกรุงเทพฯ) เทียบกับ +3.7% ใน 2Q59 และ -2.5% ใน 1Q60 อย่างไรก็ดี ยอดขายจะถูกผลักดันจากการเปิดสาขา HomePro และ สาขามาเลเซียอย่างละ 1 สาขาใน 2Q60 โดยเมื่อเทียบ YoY มีสาขาเพิ่มขึ้นรวม 9 สาขา ได้แก่ HomePro 4 สาขา, Mega Home 3 สาขา และมาเลเซีย 2 สาขา อีกทั้งคาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 25.4% ใน 2Q59 มาเป็น 26% จากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและเพิ่มสัดส่วนสินค้า Direct sourcing
แนวโน้มชะลอตัวใน 3Q60 แต่จะฟื้นตัวดีใน 4Q60 : คาดผลประกอบการชะลอลงใน 3Q60 เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่น แต่ยังเติบโตเมื่อเทียบ YoY โดยมีปัจจัยผลักดันหลักจากการขยายสาขาและอัตรากำไรสูงขึ้น ส่วน 4Q60 จะเป็นช่วงที่กำไรสูงสุดของปี เนื่องจากผลของฤดูกาลและคาดว่าการจับจ่ายใช้สอยจะเพิ่มขึ้นหลังจากพระราชพิธีในเดือน ต.ค. เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลในช่วงปลายปี
เพิ่มสัดส่วนสินค้า Direct sourcing และสร้างรายได้จาก Home service : สัดส่วนสินค้า Direct sourcing จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจาก HMPRO มีการปรับปรุงสินค้า Direct sourcing ครั้งใหญ่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และได้ทยอยเปิดตัวสินค้าใหม่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ทำให้สัดส่วนสินค้าเพิ่มขึ้นและอัตรากำไรสูงขึ้น นอกจากนั้น HMPRO เริ่มเน้นธุรกิจ Home Service มากขึ้น ได้แก่ การติดตั้ง ซ่อมแซม และ ทำความสะอาด ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นยอดขายสินค้าของ HMPRO อีกด้วย
นักวิเคราะห์ : สุกิจ อุดมศิริกุล / สรพล วีระเมธีกุล / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์