- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 June 2017 18:09
- Hits: 2323
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมการปฏิรูปภาษีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่กล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ที่ประเทศอังกฤษ ไม่มีการกล่าวถึงนโยบายการเงินตามที่ตลาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม คาดอาจมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมัน ที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังก่อนหน้านี้ลดลงไปอยู่ที่ ประมาณ 42.50USD โดยล่าสุด อยู่ที่ 44.24USD แต่คาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาด Sentiment ในระยะสั้น ยังเป็นบวก จากการทำ Window Dressing (30/6/60) และการกลับเข้ามาซื้อสุทธิของต่างชาติ กว่า 1,700 ล้านบาท นอกจากนี้คาดเริ่มมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q60 โดยหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q/60 ดีต่อเนื่อง เช่น TOP, SPALI , MTLS และ WORK เป็นต้นพร้อมแนะติดตามการประชุม กนง. (5/7/60)
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น CK, STEC และ UNIQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
SET SET50 SET100
1,586.45 +0.84 999.60 +2.16 2,258.00 +3.36
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดต่างประเทศ DJIA -98.89, NASDAQ -100.53, S&P -19.69, FTSE -12.44, CAC -37.17 และ DAX -99.81 หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ตัดสินใจเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ หรือ "อเมริกันเฮลธ์แคร์" ออกไปเป็นช่วงหลังวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งเป็นวันชาติสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับของรัฐบาลอดีตปธน.บารัค โอบามา หรือ "โอบามาแคร์" ขณะที่วุฒิสมาชิกรีพับลิกันหลายคน แสดงความไม่เห็นด้วย ซึ่งจะทำให้พรรครีพับลิกันไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงสนับสนุนได้เพียงพอต่อการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการบังคับใช้มาตรการอื่นๆ รวมถึงมาตรการปฏิรูปภาษี
และยังได้รับปัจจัยกดดัน หลังคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งกำกับดูแลการแข่งขันในสหภาพยุโรป (EU) ประกาศปรับบริษัทกูเกิล จำนวน 2.42 พันล้านยูโร (หรือ ประมาณ 2.7 พันล้านUSD) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจากการให้บริการช้อปปิ้งในระบบออนไลน์ ซึ่งค่าปรับดังกล่าวถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในคดีต่อต้านการแข่งขัน
ทางด้านดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐฯ – เม.ย. เพิ่มขึ้น 5.5% น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9%
ส่วนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟด ที่กรุงลอนดอน วานนี้ ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมตลาด โดยประธานเฟดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาคธนาคารเป็นส่วนใหญ่ และไม่ได้กล่าวถึงนโยบายการเงินตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบหลังประธาน ECB ส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ทั้งการปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ และนโยบายซื้อพันธบัตรจำนวนมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น พร้อมส่งสัญญาณที่จะเริ่มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.45 1.91 3.07
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,501.94
สถาบัน -891.2
บัญชีหลักทรัพย์ -284.29
ต่างประเทศ 1,757.69
ในประเทศ -582.2
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.06 อยู่ที่ 2.20% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +1.16 อยู่ที่ 11.06
หุ้นแนะนำ : SPALI