WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1575'

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE (จากถือเป็นซื้อ), TASCO (จากซื้อเป็น Fully Valued)
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้บวกต่อ 3.25 จุด ปิดที่ 1585.61 การซื้อขายไม่มาก หุ้นบวก/ลบกระจายตัวประเมินว่าสัปดาห์นี้มี Downside ไม่มากเพราะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของสิ้น 2Q60 นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิต่อ 1.3 พันล้านบาท
  # สำหรับปัจจัยภายนอก ราคาน้ำมันดิบบวก 30-40 เซนต์เป็น 43-46 US$/bbl เนื่องจากมีพายุโซนร้อนก่อตัวในอ่าวเม็กซิโกและแรงขึ้นจนเป็นเฮอริเคนก็อาจกระทบการผลิตน้ำมันได้ แต่ก็เป็นเพียงปัจจัยหนุนชั่วคราว และอุปทานที่สูงยังคงกดดันราคาน้ำมันต่อ ส่วนค่าเงิน US$ แข็งขึ้นหลังประธานเฟดนิวยอร์กและซานฟรานซิสโกหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อในช่วงที่เหลือปีนี้ และพยุงให้ดัชนี DJIA บวกได้เล็กน้อยแม้ผิดหวังตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนเดือนพ.ค.ที่ -1.1%MoM ปัจจัยจับตาคือ การกล่าวสุนทรพจน์ประธานเฟดที่กรุงลอนดอนคืนนี้
  # ส่วนปัจจัยในประเทศ ผลจับสลากโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์อย่างไม่เป็นทางการพบว่าผ่าน 38 รายจำนวน 171.52 MW จะประกาศทางการอีกครั้ง 28 มิ.ย.นี้ เรามองว่าการที่โครงการมีขนาดเล็กต่ำกว่า 10 MW และมี Feed-in-tariff ไม่สูงมากที่ 4.12 บาท/หน่วยทำให้มีผู้ได้งานก็ทำกำไรเพิ่มได้ไม่มากนัก
  # หุ้นปรับคำแนะนำวันนี้เป็น TASCO (ปรับจากซื้อเป็น Fully Valued) เนื่องจากปรับลดคาดการณ์กำไรปี 60-61 ลง 21%/20% สะท้อนการลดลงของราคาน้ำมันที่ทำให้มีขาดทุนจากสต็อก การแข่งขันตัดราคาทำให้ราคายางมะตอยลดลง ปรับ TP เป็น 23 บาท (เดิม 35 บาท)
  # กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ แม้ว่าจะถูกกระทบจากเงินบาทแข็ง แต่ยอดขายรูป US$ ยังโตได้ดีตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในตลาดโลก เราชอบ KCE (TP 123 บาท) ที่มีสัดส่วนสินค้าด้านยานยนต์ซึ่งโตแกร่ง และ HANA (TP 58 บาท) ที่งบดุลแข็งแรงเป็นเงินสดสุทธิ 12.5 บาท
  # MTLS การเติบโตแกร่ง คาด 2Q60 โตราว 80%YoY จากสินเชื่อสาขาเดิมขยายตัวและเปิดสาขาใหม่ และการเข้าคำนวณใน SET50 ทำให้นักลงทุนสถาบันสนใจเข้าซื้อมากขึ้น NPL ratio ต่ำที่ 1.1% ในสิ้นมี.ค.60 คาด EPS ปี 60-62 โตเฉลี่ย 39% ต่อปี แนะซื้อ ให้ TP 42 บาท
  กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy & Re-balancing เป็นระยะ หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น MTLS
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1575 ต่ำกว่าควร Wait & See แนวต้าน 1590-1600 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น ECL, CKP, BJC, STAR, MCOT หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ PACE, AMATA, UNIQ, PSL หุ้นที่หลุด List เป็น ANAN, LPN และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ GFIT, TPOLY, BCPG, EA, STEC, GCAP, NETBAY

 

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ เยอรมนี : ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนมิ.ย.
  ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.1 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากระดับ 114.6 ในเดือนพ.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 124.1 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 123.3 ในเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจอยู่ที่ระดับ 106.8 จากระดับ 106.5 ในเดือนพ.ค.


• สหรัฐ : ประธานเฟดซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กหนุนให้ขึ้นต่อดอกเบี้ยต่อในปีนี้
  # นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายวิลเลียมส์ ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กต่างก็ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ เพื่อหนุนการขยายตัวอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจสหรัฐ
  # จับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธานเฟดในการประชุม "Global Economic Issues" ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยนักวิเคราะห์คาดว่านางเยลเลนจะเน้นย้ำถึงจุดยืนของเฟดที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปหรือการเริ่มปรับลดงบดุลของเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
- สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพ.ค.ลดลง และการผลิตเดือนมิ.ย.ขยายตัวน้อยลง
  # ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 1.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนเม.ย.
  # ดัชนีภาคการผลิตร่วงลงสู่ระดับ 12.3 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 23.3 ในเดือนพ.ค.


• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวกเล็กน้อย
  หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) ปรับขึ้น และหุ้นกลุ่มการเงินที่บวกสะท้อนความเห็นประธานเฟดสาขานิวยอร์กและซานฟรานซิสโกซึ่งสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ ช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดบวก 14.79 จุด และ S&P500 บวก 0.77 จุด แต่ Nasdaq ลดลง 18.10 จุดจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นเพราะมีพายุโซนร้อนก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก
  สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 43.38 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 45.83 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีพายุโซนร้อนดอร่าที่ก่อตัวในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งอาจกระทบการผลิตน้ำมันถ้าทวีความรุนแรงเป็นเฮอร์ริเคน แต่ก็เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเพียงชั่วคราวเท่านั้นความกังวลเรื่องอุปทานสูงยังคงมีอยู่ต่อไป
- สัญญาทองคำ : ร่วงลง
  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 10 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ระดับ 1,246.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นหลังประธานเฟดอย่างน้อย 2 สาขาหนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้

ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
- กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ : เงินบาทแข็งค่ากระทบรายได้และกำไร
  # เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 9.5%YTD ซึ่งกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรในรูปบาทของกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกสุทธิสูง ทาง DBSV ปรับสมมติฐานค่าเงินบาทในประมาณการปี 60-61 จาก 36.6 เป็น 34.6 และ 35 บาท/US$ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ยอดขายรูป US$ ยังเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ในตลาดโลก มูลค่าส่งออกสินค้าประเภทนี้ของไทย +8.5%YoY ในงวด 4M60
  # หุ้นเด่นเป็น KCE (ยอดขายอิเลคทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับยานยนต์เติบโตแกร่ง ประสิทธิภาพเครื่องจักรดีขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 123 บาท) และ HANA (งบดุลแข็งแกร่ง ยอดขายเติบโตตามเซมิคอนดัคเตอร์โลก และ Valuation ไม่แพงให้ราคาพื้นฐาน 58 บาท)
• ผลจับสลากโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์อย่างไม่เป็นทางการผ่าน 38 รายจำนวน 171.52 MW
  โฆษกกกพ.เปิดเผยผลการจับสลากโซลาร์ฟาร์มหน่วยราชการและสหกรณ์การเกษตรว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกที่มีสิทธิยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าอย่างไม่เป็นทางการทั้งสิ้นจำนวน 38 ราย หรือคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้าที่รวมทุกพื้น รวม 171.52 MW (จากเป้าหมายรวมไม่เกิน 219 MW) โดยจะประกาศผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ โดยรูปแบบเป็น Feed-in-tariff 4.12 บาท/หน่วย อายุสัญญา 25 ปี กำหนด COD ไม่เกิน 30 มิ.ย.61
  ความเห็น DBSV Retail Research : เรามองว่าขนาดและรูปแบบของโครงการ (ขนาดไม่ใหญ่และ Feed-intariff ไม่ได้สูงมาก) ทำให้อัตราผลตอบแทน (IRR) ของโครงการจะไม่ได้ดีมากนัก จึงเป็นลักษณะเก็งกำไรตามข่าวมากกว่า

นักกลยุทธ์&นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค& Reseach Team – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!