- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 June 2017 00:16
- Hits: 5459
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นกดดันต่อโภคภัณฑ์และสินทรัพย์เสี่ยง
MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนใน MSCI EM Index แต่ไม่มีผลกับตลาดเอเชียในระยะสั้น เนื่องจากการดำเนินการทยอยแบ่งเป็น 2 ครั้ง มีผลในช่วง มิ.ย.60 และก.ย.60 ขณะที่การแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ กดดันต่อโภคภณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ และอาจชะลอบรรยากาศเชิงบวกของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยเคยปรับขึ้นแม้เงินเหรียญสหรัฐฯแข็งค่าได้ หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลง (ซึ่งจะทำให้หุ้นน่าสนใจกว่าพันธบัตรมากขึ้น) แต่ด้วยระดับของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯในปัจจุบันที่ต่ำเพียง 2.1-2.2% ทำให้มีโอกาสปรับลงไม่มากนัก จึงเป็นเหตุที่ทำให้อัพไซด์ของตลาดหุ้นยังคงจำกัดเช่นกัน เราคงภาพรวมกลยุทธ์การเน้นหุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ อาทิ MINT, ERW, CENTEL, MAKRO*, CPN, AMATA, ROJNA*, STEC ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น 18% YoY ส่งผลบวกกับหุ้นบริโภคในประเทศ อาทิ TK*, S11*, GCAP*, AMANAH* เป็นต้น / กลุ่มเน้นปัจจัยภายนอกไม่โดดเด่น แม้มีปลดล็อกประเด็นสปก.โดย ม.44 โดยเราแนะนำเพียง selective buy ปิโตรเคมี IRPC, IVL // ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1570-1580 จุด การเก็งกำไรควรเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ RATCH, TSR, MINT
ประเด็นการลงทุน
ปลดล็อคส.ป.ก. - คสช.อนุมัติ ม.44 ปลดล็อกที่ดิน ส.ป.ก.ครอบคลุมที่ดิน 3.6 พันไร่ ใน 3 กิจการปิโตรเลียม กังหันลม และกิจการเหมืองแร่เฉพาะที่มีสัญญาการใช้ที่ดินภับรัฐ ส่วนที่ดินที่จะขออนุญาตใช้ประโยชน์ในอนาคตให้คำนึงถึงความสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ โดยเลขาฯ ส.ป.ก.เตรียมเสนอกฎกระทรวงรองรับ ส่งผลบวกต่อการกลับมาผลิตแหล่ง S1 ของ PTTEP และหุ้นหลังงานทดแทนที่มีโครงการพลังงานลม อาทิ EA, DEMCO, EGCO, RATCH และ SUPER
ผู้ค้าน้ำมันเพิ่มเพิ่มสต็อค - ที่ประชุมกรมการค้าภายใน กรมธุรกิจพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันเก็บสต๊อกน้ำมันไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 90 ล้านลิตร จากปัจจุบันที่เก็บสต๊อกเดือนละ 50 ล้านลิตร ซึ่งจะช่วยดึงผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) ออกจากตลาดได้เพิ่มขึ้นเป็น 76,000 ตัน จากเดิมที่ 40,000-50,000 ตัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคาผลปาล์มสดปรับตัวดีขึ้น ระยะสั้นคาดเป็นผลลบ เนื่องจากเป็นภาระต่อผู้ค้าน้ำมันไบโอดีเซลอย่าง GGC, EA, BCP และ UAC
รับเหมา- คาดราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว ตอบรับประเด็นจีนยอมบรรจุเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีลงในสัญญาโครงการรถไฟไทย-จีนทั้ง 3 ฉบับ ขณะทั้ภาครัฐระบุผู้รับเหมาไทยได้ประโยชน์ 75% ของมูลค่าโครงการ 1.79 แสนล้าน ขณะฝ่ายจีนได้ 25% คาด โดยจะเสนอครม.อนุมัติไม่เกินต้นเดือนก.ค. ส่งผลบวกต่อกลุ่มรับเหมา อาทิ STEC, CK, UNIQ และฐานรากอย่าง SEAFCO, PYLON
EARTH -แจ้งรายละเอียดการผิดนัดชำระแล้ว ทั้งนี้การถูกระงับวงเงินจากทุกสถาบัยการเงิน ขณะที่ไม่สามารถเข้าถึงตลาดตราสารหนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเพิ่มทุน นอกจากนี้หากตลาดหลักทรัพย์ไม่ปลดเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขาย อาจจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลักทรัพย์ เนื่องจากการชำระราคา (settlement) ของ SSF หุ้น EARTH ด้วยราคาซื้อขายสุดท้ายก่อนหยุดซื้อขาย จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์ที่ถือหุ้นมีความเสี่ยงขาดทุน หากหุ้นกลับมาซื้อขายด้วนราคาที่ลดลง ดังนั้นเราแนะนำ **หลีกเลี่ยงการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ในช่วงนี้**
สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 22-23 มิ.ย. -ตลท.จัดงาน Thailand Big Strategic Move / ก.ค. – อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ให้กรีซ
แนวรับ 1570/แนวต้าน : 1580-1585 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)