WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)

SET Index : Sideway
      SET Index เช้านี้ปิดที่ 1575.47 จุด ลดลง 3.15 จุด (-0.20 %) มูลค่าการซื้อขาย 19,319 ล้านบาท โดย SET แกว่งตัวลงในกรอบ 1573-1578 จุด ทิศทางในช่วงบ่าย คาดว่า Sideway ในทิศทางเดียวกับช่วงเช้า ยังคงมองกรอบการเคลื่อนไหว 1570-1580 จุด


แนวต้าน : 1580 และ 1585
แนวรับ : 1573 และ 1570

PTT = 377 / 382 CPF = 25.50/ 26.25 PTTEP = 86.75 / 88.50 BANPU = 17.30 / 18.00 TASCO = 23.40 /24.20

Regional Container Lines (RCL TB; THB 7.60) - ซื้อ

 

แนวต้าน : 7.80 และ 8.00
แนวรับ : 7.55 และ 7.50
ราคาหุ้นเริ่มรีบาวด์หลังเกิดสัญญาณการกลับตัว ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 7.80-8.20 บาท หากยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 7.55 บาท


RSI มีสัญญาณฟื้นตัว
แนะนำซื้อ RCL โดยมีแนวรับที่ 7.55 และ 7.50 และมีแนวต้านที่ 7.80 และ 8.00 เป็นจุดขายทำกำไรในเบื้องต้น
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.40 ลงไป
Thanapiriya (TNP TB; THB 3.02) - ซื้อ

 

แนวต้าน : 3.08 และ 3.16
แนวรับ : 3.00 และ 2.96
ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่องด้วยวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้น คาดว่าราคามีโอกาส
ปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 3.08-3.20 บาท หากราคาปิดเหนือระดับ 2.96 บาท
RSI แกว่งขึ้น
แนะนำซื้อ TNP โดยมีแนวรับที่ 3.00 และ 2.96 และมีแนวต้านที่ 3.08 และ 3.16 เป็นจุดขายทำกำไรในเบื้องต้น
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.94 ลงไป

Analysts : Pornvilai Santusatharom +662 761-9230 - [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

 

SET…ราคาน้ำมันน่าจะเห็นทิศทางในเดือน ก.ค.
  ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมา เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากเรามาดูว่าราคาน้ำมันจะมีผลต่อจำนวนหัวขุดเจาะอย่างไร จากการศึกษาของ John Kemp นักวิเคราะห์น้ำมันของ Thomson Reuters ที่นำเอาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนหัวขุดเจาะกับราคาน้ำมัน WTI ของสหรัฐ มาวิเคราะห์ โดยเขาสรุปว่า ในช่วงกลางเดือน มิ.ย หรือเดือน ก.ค.2017 จำนวนหัวขุดเจาะของสหรัฐจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งก็หมายถึงราคาน้ำมันน่าจะค่อยๆปรับตัวขึ้น


  จากรูปด้านซ้าย เป็นการแสดงตัวเลขจำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐ เทียบกับราคาน้ำมันล่วงหน้า WTI นับตั้งแต่ปี 2014 ถึงปัจจุบัน จากรูปพบว่าราคาน้ำมันจะเป็นตัวชี้นำ (Lead) ที่ทำให้จำนวนหัวเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงต่อมา โดยในรอบแรกจะมี Time lagged 16 สัปดาห์ รอบที่ 2 19 สัปดาห์และรอบปัจจุบันตั้งแต่เดือน ก.พ. 2017 ที่ 17 สัปดาห์ และเพื่อให้ทั้ง 2 ตัวแปรนี้ขึ้นและลงเหมือนกัน เขาจึงให้ช่วงเวลาของราคาน้ำมันLagged จำนวนหัวเจาะที่ 19 สัปดาห์ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดของทั้ง 2 สอดคล้องกัน
  จากรูปด้านขวา คือ % การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและจำนวนหัวเจาะ จะพบว่าเมื่อทั้ง 2 ตัวแปรถูกเลื่อนเวลาให้เท่ากัน จะพบว่า ในอีกประมาณ กลางเดือนนี้ หรือเดือน ก.ค. จำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐจะค่อยๆ ลดลงเพราะตอนนี้ตัวนำคือ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงไปแล้วการศึกษานี้จะถูกจะผิด ยังต้องติดตามดูกันต่อ หากถูก เรามองว่าในเดือน ก.ค 2017 (นับจากเดือน ก.พ.2017 ไปอีก 19 สัปดาห์) ราคาน้ำมันจะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นจากการที่จำนวนหัวขุดเจาะของสหรัฐลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานของไทย น่าจะเห็นภาพชัดขึ้นนอกจากนั้นในช่วงดังกล่าวจะมีการรายงานงบ Q2/17 ของหุ้นในกลุ่ม


  ผลการประชุม ครม. ทั้งเรื่อง สปก. และรถไฟความเร็วสูง ที่รัฐบาลใช้ ม.44 ได้ผ่านไปด้วยดีเหลือเพียงรายละเอียดบางอย่างที่ยังต้องติดตาม แต่ในภาพกว้างๆ น่าจะส่งผลดีกับตลาดในแง่ความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะเร่งให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปตามแผน หากไม่มีอะไรติดขัดเรามองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นเหนือ 1600+/- จุด


  ทิศทางดัชนี SET ในช่วงสั้นๆ นี้ อาจจะมีแรงกดดันบ้างแต่ไม่มากจากราคาน้ำมันและการปรับตัวลงของดัชนีในต่างประเทศ นอกนั้นอาจเป็นผลกระทบทางอ้อมจากการที่ MSCI ประกาศให้หุ้น A-share ของจีน 169 บริษัทเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI EM ซึ่งอาจจะส่งผลให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่หลักๆ อย่าง เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ลดลง อย่างไรก็ตามผลดังกล่าวจะมีผลบังคับในเดือน มิ.ย.ปีหน้า สำหรับทิศทางดัชนีในวันนี้คาดจะยังแกว่งในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบหลังรับข่าว ม.44 แต่อาจจะมีแรงซื้อหุ้นรับเหมา พลังงาน และธนาคาร เข้ามา วันนี้มองแนวต้านที่ 1584-1588 และแนวรับที่ 1576-1572 วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร WORK PTT IRPC และ UNIQ

Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]


บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM) 21/06/60

Morning Market Summary…
        SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,575.47 จุด ลดลง 3.15 จุด (-0.20%) มูลค่าการซื้อขาย 19,319.34 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นลบ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดจากมีรายงานการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐ ขณะเดียวกันการปรับลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้น หลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Shares ของจีนเข้ามาในการคำนวณ MSCI EM

 

Afternoon Perspective…
       แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งตัวลงกรอบ 1571-1575 จุด ช่วงเช้าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงรับข่าวลบ 2 ปัจจัย คือ 1) การเพิ่มหุ้น A-share ของประเทศจีนเข้าสู่ MSCI EM ซึ่งจะมีผลให้สัดส่วนน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยใน MSCI EM ลดน้ำหนักลง 2) การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะกดดันหุ้นขนาดใหญ่ให้ปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม เรื่องการเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-share จีน จะมีผลในเดือนมิ.ย.ปีหน้า ทำให้มองการปรับลดลงในช่วงนี้เป็นแค่ผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น เรายังมองภาพ SET Index หากยังไม่ปรับตัวต่ากว่าระดับ 1570 จุด ถือว่ายังดูปลอดภัย โดยยังมีโอกาสดีดตัวกลับไปทดสอบกรอบแนวต้านเดิมที่ 1580 จุด และหาก SET สามารถยืนเหนือ 1580 จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้เกิดสัญญาณซื้อเก็งกำไรรอบใหม่ที่มีเป้าด้านบนที่ระดับ 1600 - 1635 จุด ยังแนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร เน้น KBANK BBL

 

Technical Pick (PM) & Cash Balance ...

Regional Container Lines (RCL TB; THB 7.60) - ซื้อ
Thanapiriya (TNP TB; THB 3.02) - ซื้อ
Cash Balance preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : ETE, KWG, ECL*, ECF*, 2S-W1*, JMART-W2* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์ และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)

Analysts : Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 - [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 - [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS

 
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM) 21/06/60
 
SET Index : Sideway   
          SET Index เช้านี้ปิดที่ 1575.47 จุด ลดลง 3.15 จุด (-0.20 %) มูลค่าการซื้อขาย 19,319 ล้านบาท โดย SET แกว่งตัวลงในกรอบ 1573-1578 จุด ทิศทางในช่วงบ่าย คาดว่า Sideway ในทิศทางเดียวกับช่วงเช้า ยังคงมองกรอบการเคลื่อนไหว 1570-1580 จุด   
          แนวต้าน : 1580 และ 1585 
          แนวรับ  : 1573 และ 1570
 
          PTT = 377 / 382 CPF = 25.50/ 26.25 PTTEP = 86.75 / 88.50 BANPU = 17.30 / 18.00 TASCO = 23.40 /24.20
 
Regional Container Lines (RCL TB; THB 7.60) - ซื้อ
 
แนวต้าน : 7.80 และ 8.00   
แนวรับ  : 7.55 และ 7.50  
ราคาหุ้นเริ่มรีบาวด์หลังเกิดสัญญาณการกลับตัว  ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 7.80-8.20 บาท หากยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันที่ 7.55 บาท
RSI มีสัญญาณฟื้นตัว     
แนะนำซื้อ RCL โดยมีแนวรับที่ 7.55 และ 7.50 และมีแนวต้านที่ 7.80 และ  8.00 เป็นจุดขายทำกำไรในเบื้องต้น 
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 7.40 ลงไป
Thanapiriya (TNP  TB; THB 3.02) - ซื้อ
 
แนวต้าน : 3.08 และ 3.16   
แนวรับ  : 3.00 และ 2.96
ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่องด้วยวอลุ่มซื้อขายที่เพิ่มขึ้น  คาดว่าราคามีโอกาส 
ปรับตัวขึ้นต่อทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 3.08-3.20 บาท หากราคาปิดเหนือระดับ 2.96 บาท
RSI แกว่งขึ้น      
แนะนำซื้อ TNP โดยมีแนวรับที่ 3.00 และ 2.96 และมีแนวต้านที่ 3.08 และ  3.16 เป็นจุดขายทำกำไรในเบื้องต้น 
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.94 ลงไป       
    
Analysts :   Pornvilai Santusatharom  +662 761-9230  - [email protected]      
          Line ID : @CIMBS  Youtube : CIMBS
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM) 
 
SET…ราคาน้ำมันน่าจะเห็นทิศทางในเดือน ก.ค.
  ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมา เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากเรามาดูว่าราคาน้ำมันจะมีผลต่อจำนวนหัวขุดเจาะอย่างไร จากการศึกษาของ John Kemp นักวิเคราะห์น้ำมันของ Thomson Reuters ที่นำเอาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนหัวขุดเจาะกับราคาน้ำมัน WTI ของสหรัฐ มาวิเคราะห์ โดยเขาสรุปว่า ในช่วงกลางเดือน มิ.ย หรือเดือน ก.ค.2017 จำนวนหัวขุดเจาะของสหรัฐจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งก็หมายถึงราคาน้ำมันน่าจะค่อยๆปรับตัวขึ้น
  จากรูปด้านซ้าย เป็นการแสดงตัวเลขจำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐ เทียบกับราคาน้ำมันล่วงหน้า WTI นับตั้งแต่ปี 2014 ถึงปัจจุบัน จากรูปพบว่าราคาน้ำมันจะเป็นตัวชี้นำ (Lead) ที่ทำให้จำนวนหัวเจาะในสหรัฐเพิ่มขึ้นในช่วงต่อมา โดยในรอบแรกจะมี Time lagged 16 สัปดาห์ รอบที่ 2 19 สัปดาห์และรอบปัจจุบันตั้งแต่เดือน ก.พ. 2017 ที่ 17 สัปดาห์ และเพื่อให้ทั้ง 2 ตัวแปรนี้ขึ้นและลงเหมือนกัน เขาจึงให้ช่วงเวลาของราคาน้ำมันLagged จำนวนหัวเจาะที่ 19 สัปดาห์ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดของทั้ง 2 สอดคล้องกัน
  จากรูปด้านขวา คือ % การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันและจำนวนหัวเจาะ จะพบว่าเมื่อทั้ง 2 ตัวแปรถูกเลื่อนเวลาให้เท่ากัน จะพบว่า ในอีกประมาณ กลางเดือนนี้ หรือเดือน ก.ค. จำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐจะค่อยๆ ลดลงเพราะตอนนี้ตัวนำคือ ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงไปแล้วการศึกษานี้จะถูกจะผิด ยังต้องติดตามดูกันต่อ หากถูก เรามองว่าในเดือน ก.ค 2017 (นับจากเดือน ก.พ.2017 ไปอีก 19 สัปดาห์) ราคาน้ำมันจะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นจากการที่จำนวนหัวขุดเจาะของสหรัฐลดลง ซึ่งจะส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานของไทย น่าจะเห็นภาพชัดขึ้นนอกจากนั้นในช่วงดังกล่าวจะมีการรายงานงบ Q2/17 ของหุ้นในกลุ่ม
  ผลการประชุม ครม. ทั้งเรื่อง สปก. และรถไฟความเร็วสูง ที่รัฐบาลใช้ ม.44 ได้ผ่านไปด้วยดีเหลือเพียงรายละเอียดบางอย่างที่ยังต้องติดตาม แต่ในภาพกว้างๆ น่าจะส่งผลดีกับตลาดในแง่ความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะเร่งให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นไปตามแผน หากไม่มีอะไรติดขัดเรามองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นเหนือ 1600+/- จุด
  ทิศทางดัชนี SET ในช่วงสั้นๆ นี้ อาจจะมีแรงกดดันบ้างแต่ไม่มากจากราคาน้ำมันและการปรับตัวลงของดัชนีในต่างประเทศ นอกนั้นอาจเป็นผลกระทบทางอ้อมจากการที่ MSCI ประกาศให้หุ้น A-share ของจีน 169 บริษัทเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI EM ซึ่งอาจจะส่งผลให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่หลักๆ อย่าง เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ลดลง อย่างไรก็ตามผลดังกล่าวจะมีผลบังคับในเดือน มิ.ย.ปีหน้า สำหรับทิศทางดัชนีในวันนี้คาดจะยังแกว่งในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบหลังรับข่าว ม.44 แต่อาจจะมีแรงซื้อหุ้นรับเหมา พลังงาน และธนาคาร เข้ามา วันนี้มองแนวต้านที่ 1584-1588 และแนวรับที่ 1576-1572 วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร WORK PTT IRPC และ UNIQ
 
Analysts : 
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
 
 
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM) 21/06/60
 
Morning Market Summary… 
          SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,575.47 จุด ลดลง 3.15 จุด (-0.20%) มูลค่าการซื้อขาย 19,319.34 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นลบ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปทานล้นตลาดจากมีรายงานการเพิ่มกำลังการผลิตของสหรัฐ ขณะเดียวกันการปรับลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้น หลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Shares ของจีนเข้ามาในการคำนวณ MSCI EM  
 
Afternoon Perspective…
          แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งตัวลงกรอบ 1571-1575 จุด  ช่วงเช้าตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงรับข่าวลบ 2 ปัจจัย คือ 1) การเพิ่มหุ้น A-share ของประเทศจีนเข้าสู่ MSCI EM ซึ่งจะมีผลให้สัดส่วนน้ำหนักในตลาดหุ้นไทยใน MSCI EM ลดน้ำหนักลง 2) การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยจะกดดันหุ้นขนาดใหญ่ให้ปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม เรื่องการเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-share จีน จะมีผลในเดือนมิ.ย.ปีหน้า ทำให้มองการปรับลดลงในช่วงนี้เป็นแค่ผลเชิงจิตวิทยาเท่านั้น เรายังมองภาพ SET Index  หากยังไม่ปรับตัวต่ากว่าระดับ 1570 จุด ถือว่ายังดูปลอดภัย โดยยังมีโอกาสดีดตัวกลับไปทดสอบกรอบแนวต้านเดิมที่ 1580 จุด และหาก SET สามารถยืนเหนือ 1580 จุดได้ต่อเนื่อง จะทำให้เกิดสัญญาณซื้อเก็งกำไรรอบใหม่ที่มีเป้าด้านบนที่ระดับ 1600 - 1635 จุด ยังแนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร เน้น  KBANK BBL
 
Technical Pick (PM) & Cash Balance ...
 
Regional Container Lines (RCL  TB; THB 7.60) - ซื้อ
Thanapiriya (TNP  TB; THB 3.02) - ซื้อ
Cash Balance preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า :  ETE,  KWG,  ECL*,  ECF*,  2S-W1*, JMART-W2* (* ดูรายละเอียดของเงื่อนไขในบทวิเคราะห์  และกรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
         
Analysts :   Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 - [email protected] 
          Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 - [email protected] 
          Line ID : @CIMBS  Youtube : CIMBS
 
 
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!