- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 June 2017 17:03
- Hits: 1075
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ไซด์เวย์ ปัจจัยภายนอกยังไม่ฟื้นเต็มที่
KGI คาด SET วันศุกร์แกว่งกรอบแคบ หลังจิตวิทยาหุ้นโลกยังไม่ฟื้น + ราคาน้ำมันลงต่อ ถ่วงหุ้นพลังงาน (วานนี้ดัชนีลบกรอบจำกัด ตามคาด) ปัจจัยต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัว หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป เผชิญแรงขายต่อเนื่อง (หลังปรับขึ้นมาแรงหลายเดือน) ขณะที่ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ลงต่อ 1.0% สู่ระดับปิดต่ำสุดใหม่รอบ 7 เดือน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่าการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 32.08 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นพลังงานตัวหลักๆ อย่างไรก็ดีปัจจัยภายในยังมีข่าวบวกให้เก็งกำไรได้ ล่าสุดเวบไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ปลดล็อกกรณีรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน น่าจะยังสร้างความคึกคักให้กับหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องเช่นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น สำหรับในสัปดาห์หน้า ปัจจัยที่น่าติดตามได้แก่การประกาศผลตัดสินใจของ MSCI ว่าจะเพิ่มหุ้น A-share ของจีนเข้าในการคำนวณดัชนี MSCI Emerging markets หรือไม่ ทั้งนี้ consensus คาดว่าหุ้น A-share ของจีนจะได้รับการเพิ่มน้ำหนักไปเพียง 1% ในรอบนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะมีผลกระทบน้อยมากต่อตลาดหุ้นไทย
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร IHL, ECL / สะสม CPALL*
IHL (เป้า Consensus 10.5 บาท) 1) ประเด็นสำคัญฯจากการ Company visit วานนี้ i) ปัญหาสิ่งแวดล้อมในจีน ทำให้โรงงานฟอกหนังหลายแห่งปิดตัวลง ส่งผลให้งานรับจ้างฟอกหนังในไทยมีดีมานด์ที่สูงขึ้นมาก ii) IHL เตรียมขยายกำลังการผลิต (สำหรับงานฟอกฯ) รองรับดีมานด์ใน 3Q60 ราว +15%, อีก +100% ในกลางปี 2561 และอีก +100% ในกลางปี 2562 (รวมกำลังการผลิตจะเพิ่มจากปัจจุบัน 8.4 แสนตัว หนังวัว/ปี เป็น 3 ล้านตัน หนังวัว/ปี) iii) ออเดอร์ส่วนเพิ่มทั้งหมดสำหรับกำลังการผลิตใหม่เป็นการรับจ้างฟอกฯ ทำให้ IHL ไม่ต้องแบกรับภาระการบริหารจัดการต้นทุนหนังฯ 2) Consensus คาดกำไรโต 26% CAGR 2559 – 2562 ซึ่งเราประเมินว่า มีโอกาสที่ Consensus จะปรับประมาณการฯขึ้น 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q60 โต YoY แต่จะลดลง QoQ เพราะเป็นช่วง Low season (วันหยุดสงกรานต์) และจะกลับมาโตเด่นใน 3Q60 ต่อเนื่อง 4Q60 (ลุ้นกำไรทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q60) จากออเดอร์ใหม่ที่จะเข้ามาใน 3Q60 ไตรมาสนี้จึงเป็นโอกาสซื้อ 4) ประเมินกรอบ Uptrend line channel 8.65 – 9.30 บาท หากทะลุผ่านแนวต้าน 9.30 บาทได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 10.3 บาท แต่หากไม่ผ่านฯ แนะนำ “ซื้อแนวรับ”
ECL (เป้าพื้นฐาน 3.64 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้นพักฐานบริเวณใกล้ ±3 บาทแล้วฟื้นตัว คาดพักฐานจบ แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 3.26 บาท หากวันนี้ทะลุผ่านได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±3.5 บาท แต่หากยังไม่ผ่านแนะนำ “สะสม” แนวรับ 3.10 บาท 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q60 จะโต QoQ ต่อเนื่องจากฐานลูกค้าสินเชื่อรถมือสองและบิ๊กไบค์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจะ Turnaround จากขาดทุนสุทธิใน 2Q59 (ประเมินแนวโน้มกำไรจะโตในรูปแบบ Snowball effect แบบไตรมาสต่อไตรมาส) 3) DE ณ สิ้น 1Q60 ยังต่ำเพียง 1.6 เท่า เทียบกับอุตสาหกรรมฯที่สูงราว 4 – 5 เท่า ประเมินยังมีโอกาสในการขยายสินเชื่อเชิงรุกได้อีก ทำให้คาดแนวโน้ม EPS จะเติบโตได้ตามที่เราประมาณการฯได้ คือ 22.5% CAGR 2560 - 63
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 80 บาท) 1) ประเมินแนวโน้มการบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 4Q60 และ 1Q61 ซึ่งจะเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มค้าปลีก ดังนั้นราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมา (คาดเป็นผลจากเข้า Low season + ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ชะลอตัวชั่วคราว) เป็นโอกาสสะสม 2) ราคาหุ้นพักฐานใกล้บริเวณ แนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (SMA) ที่ 61 บาท แนะนำ “สะสม” และแนะนำ “เก็งกำไร” หากราคาหุ้นดีดตัวพ้นแนวต้าน 62.25 บาท ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 64 บาท และ 65.75 บาท (Stop loss 61 บาท) ... วันนี้ฝ่ายวิจัยฯ ออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกลุ่มค้าปลีก
หุ้นมีข่าว
(0) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม: กระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าของการร่างกฏหมายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตกลุ่มเครื่องดื่ม ที่จะมีผลบังคับใช้ใน 16 ก.ย.60 ว่าการจัดการเก็บภาษีสูงสุดจะอยู่ที่ 20% โดยมีการคำนวณภาษีโดยใช้ราคาขายปลีก (เปลี่ยนจากเดิมที่คำนวณภาษีโดยใช้ราคาหน้าโรงงาน) และอัตราภาษีจะเก็บแตกต่างกันขึ้นอยู่ระดับความหวานที่กรมฯกำหนดไว้ 3 ระดับ 1.) 10-14% 2.) 14-18% 3.) >18% ความเห็น: ปัจจุบันเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดงของ CBG มีระดับความหวาน 18% และบริษัทได้เสียภาษีในอัตรา 20% แล้ว แต่ผลกระทบที่มีบริษัทอยู่ที่ฐานราคาในการคำนวณภาษีซึ่งเปลี่ยนจากราคาหน้าโรงงานเป็นราคาขายปลีก ในขณะที่สินค้าหลักของ MALEE ประมาณ 90% ไม่มีการเสียภาษีเพราะสินค้าเป็นเครื่องดื่มจากน้ำผลไม้ อย่างไรก็ตามอัตราภาษีใหม่จะกระทบกับลูกค้าที่ MALEE รับจ้างผลิต ในกลุ่มกาแฟกระป๋อง ซึ่งสินค้านี้ได้รับการยกเว้นภาษีความหวานในช่วงที่ผ่านมา และหากนำมาใช้ก็จะมีผลต่อกำลังซื้อที่มีต่อสินค้า
(+) ธอส.อัดสินเชื่อบ้านเพิ่ม 4 หมื่นลบ.ช่วยคนรายได้น้อยมีบ้าน ทั้งนี้ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยเพียง 3% ในช่วง 3 ปีแรก โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหลังธนาคารพาณิชย์หลายแห่งค่อนข้างระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าดังกล่าวหลังพบหนี้เสียปรับเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2559 อย่างไรก็ดีแผนการอัดฉีดสินเชื่อบ้านดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากทางครม.ก่อนเริ่มมาตรการ (โพสต์ทูเดย์) เรามองว่ามาตรการช่วยปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กลุ่มคนรายได้น้อยจากทางธอส.เป็นบวกต่อตลาดและบริษัทในกลุ่มอสังหาฯ โดยเฉพาะ LPN, PSH และ SPALI พิจารณาจากกลุ่มเป้าหมายลูกค้าหลัก โดยมาตรการทางสินเชื่อดังกล่าวจะช่วยบรรเทาการฟื้นตัวที่ไม่เทียมกันของกลุ่มตลาดระดับบนและระดับล่าง หลังกลุ่มตลาดระดับบนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างชัดเจนต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดกลุ่มระดับล่างหรือกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยยังคงไม่ค่อยได้รับอนิสงค์จากฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจภาพรวมมากเท่าที่ควร หลังด้านระดับราคาที่อยู่อาศัยเองก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกดดันต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของคนในกลุ่มนี้ กอปรกับด้านธนาคารพาณิชย์ก็มีค่อนข้างระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าระดับล่าง การมีมาตรการทางสินเชื่อจากธอส.เข้ามาช่วยตรงนี้จะช่วยลดช่องว่าของการฟื้นตัวทำให้อุปสงค์ที่อยู่อาศัยฟื้นตัวขึ้นในลักษณะวงกลางมากขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำและเข้าถึงประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น
(+ CHO) ขสมก.เปิดใช้อี-ทิกเก็ต 1 ตค.นี้ (ข่าวสด) นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ลงนามในสัญญาเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) จำนวน 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาท ระยะสัมปทานรวม 5 ปี กับนิติบุคคลร่วมทำงานโดยบริษัทช ทวีจำกัด (มหาชน) ระยะแรกจะติดตั้งบนรถประจำทาง ขสมก.ทั้งรถร้อนและรถปรับอากาศรวม 800 คัน ที่รัฐบาลจะเริ่มต้นโครงการในวันที่ 1 ต.ค.นี้
(0) BBL* ปล่อยกู้ซื้อหุ้นมิลล์คอน 2.2 พันล. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) แบงก์กรุงเทพ อนุมัติวงเงินกู้ 2,200 ล้าน แก่นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล เพื่อทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนจากผู้ถือหุ้นของ "มิลล์คอน สตีล" จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,215,919,539 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 29.99% ของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิที่จำหน่วยแล้วทั้งหมดของบริษัท
(+) TK ปรับเป้าให้กู้ โต 10% รับศก.ฟื้น (โพสต์ทูเดย์) ฐิติกรปรับเป้าสินเชื่อเช่าซื้อโตเพิ่ม 10% เล็งขยายสาขาในกัมพูชาเพิ่มอีก 3 แห่ง นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทมียอดลูกหนี้เช่าซื้อ 8,051 ล้านบาท โต 4.2% เกือบเท่าเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี จึงปรับเป้าสินเชื่อปีนี้โตเพิ่มเป็น 10% จากเดิม 5% โดยสินเชื่อเติบโตดีจากเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น พืชผลเกษตรมีผลผลิตดีและราคาเพิ่มขึ้น
(+) “คสช.”ใช้ม.44แน่! ปลดล็อกที่ดินส.ป.ก. เล็งผ่อนเกณฑ์เปิดทางใช้ประโยชน์ 3 ด้าน (ข่าวหุ้น) จับตาสัปดาห์หน้า “คสช.” ใช้คำสั่งตามม.44 แก้ปัญหาพื้นที่ ส.ป.ก. “วิษณุ” เผยเล็งพิจารณาผ่อนปรนหลักเกณฑ์เพื่อใช้ประโยชน์ 3 ด้าน “พลังงาน-ทรัพยากรธรรมชาติ-สาธารณูปโภค” ฟาก PTTEP* ลุ้นรับข่าวดีปลดล็อกโครงการเอส 1
(0) THAI* รอพิจารณาแผนเพิ่มทุนของ NOK รอบใหม่ (บางกอกโพสต์) หลังจากที่ THAI ไม่ได้ใช้สิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ NOK ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ THAI ลดลงเหลือ 21.57% (จาก 39.2% ก่อนหน้านี้) อย่างไรก็ตาม ประธานบอร์ด THAI ยังคงให้ความร่วมมือกับ NOK เพื่อให้บริษัทอยู่รอดได้ นอกจากนี้ NOK ยังคงอยู่ในช่วงเจรจาหาพันธมิตรต่างชาติรายใหม่เข้ามาแทนส่วนของ THAI ที่ไม่ใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ซึ่งหากสำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อการได้เงินทุนส่วนเพิ่มในอนาคต ขณะที่มีความเป็นไปได้ว่า NOK จะมีการนำเสนอแผนปรับโครงสร้างที่น่าสนใจสำหรับการเพิ่มทุนรอบใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมและพันธมิตรใหม่ เรายังคงแนะนำ “ถือ” ทั้ง THAI และ NOK โดยมีราคาเป้าหมาย 19.09 และ 5.35 บาท ตามลำดับ
(+) ASAP ต่อยอด asap Auto Park สู่รูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์หนุนโต (ข่าวหุ้น) ASAP เดินหน้าต่อยอดพัฒนา asap Auto Park ย่านบางนาตราด สู่รูปแบบคอมมูนิตี้ มอลล์ เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าแบบครบวงจร พร้อมเปิดให้บริการได้ไตรมาส 1/61 เล็งขยายเพิ่มอีก 4-6 จุดตามหัวเมืองท่องเที่ยว
(+) BEAUTY* โฟกัสกลุ่มรีเทล เติมไซซ์มินิปูพรมเซเว่น (ทันหุ้น) BEAUTY รู้ทางตลาด เล็งปรับสินค้าไซส์มินิลงร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น 1,100 สาขา ตอบโจทย์กำลังซื้อกลุ่มลูกค้ารีเทล จากเดิมเน้นไซซ์ใหญ่จับกลุ่มนักท่องเที่ยว ปูทางอนาคตกระจายครบทุกสาขาทั่วไทย แถมซุ่มศึกษาตลาดแดนมังกรมั่นใจผลงานโค้งหลังพีค อานิสงส์ไฮซีซันหนุน
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
COM7* (เป้า Consensus 12.7 บาท ... สูงสุด 15 บาท) ประเมินแนวรับ 11.4 บาท แนวต้าน 13 บาท โดยมีแนวต้านจิตวิทยาที่ 12 บาท (Trailing stop 11.2 บาท) … คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ COM7* ทั้งจาก Organic growth ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง + Inorganic growth ที่จะเริ่มใน 2Q60 และคาดเห็นผลใน 2H60 จากการเข้าซื้อกิจการ U-store + เข้าบริหารพื้นที่ขายในเทสโก้ โลตัส + การเปิดร้านใหม่ (Oppo / หัวเว่ย / กล้องดิจิตอล)
MONO (เป้าพื้นฐาน 3.98 บาท) ยืนเหนือแนวต้านเทรนไลน์ที่ 3.40 บาทได้ ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±3.80 บาท / แนวรับ 3.40 บาท (Stop loss 3.30 บาท)
VNT (เป้า Consensus 24.5 บาท) ประเมินแนวต้าน 20.4 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้าน ถัดไปที่ 21.1 บาท และถัดไปที่ 23 บาท / แนวรับ 19.6 บาท (Stop loss 19.3 บาท)
ASAP (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 6.5 บาท) สำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ ”Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 6.35 บาท
TWPC (เป้า Consensus 10.7 บาท) ประเมินแนวรับ 9.65 บาท แนวต้าน 10 บาท และถัดไป 10.3 บาท (Stop loss 9.4 บาท)
GUNKUL* (เป้าพื้นฐาน 5 บาท) ประเมินราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวด์ ทดสอบแนวต้านเทรนไลน์ขาลงที่ 4.4 บาท กำหนด Stop loss 4.10 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มค้าปลีก น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” แนวโน้มรายได้ภาคเกษตรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและหนี้ครัวเรือนที่ลดลง น่าจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกำลังซื้อให้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ จึงมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับแนวโน้มการฟื้นตัวของการบริโภค ซึ่งจะทำให้ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เลือก CPALL* และ HMPRO* เป็นหุ้นเด่น
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้ --- นัยรับ 1573 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1573 จุด อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1573-1584 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1573 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1573-1555 จุด
แนวรับวันนี้: 1573/1559 แนวต้านวันนี้: 1579/1583
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]