- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 June 2017 17:00
- Hits: 1142
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1590 แนวรับ 1570
SET Index: 1577.69 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1580 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานออกมากดภาพรวมเอาไว้ ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 1575 จุดขึ้นไปได้ จะทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1590 จุด และมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1570 จุด
แนวต้าน : 1580 และ 1582
แนวรับ : 1577 และ 1575
MINT = 38.50/40.00, KTB = 18.60 / 18.80, TASCO = 23.50 / 23.80, PTTEP = 87.00 / 88.00, BANPU = 17.80/18.20
Ananda Development (ANAN TB; THB 5.55) -ซื้อ
แนวต้าน : 5.80 และ 6.00
แนวรับ : 5.55 และ 5.45
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านที่ 5.50 ขึ้นไปทำจุดสูงสูดใหม่ ทาให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ ANAN โดยมีแนวรับที่ 5.55 และ 5.45 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 5.80 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.40 ลงไป
SCI Electric (SCI TB; THB 9.40) -ซื้อ
แนวต้าน : 9.80 และ 10.00 / แนวต้านสำคัญ 10.50
แนวรับ : 9.40 และ 9.30
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ SCI โดยมีแนวรับที่ 9.40 และ 9.30 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 9.80 และ 10.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 9.15 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…จำนวนหุ้นที่ขึ้นสูงสุดรอบ 1 ปียังต่ำ
ผลการประชุม FOMC ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ย้ำการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐหลังจากนี้จะยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกมาก อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับแนวโน้มการแถลงนโยบายการลดงบดุลของสหรัฐว่าจะเป็นเมื่อไร สำหรับบรรยากาศการลงทุนหลัง FED ขึ้นดอกเบี้ยในตลาดหุ้นเอเชียกลับพบว่าดัชนีในแต่ละตลาดแกว่งตัวกว้างขึ้นและต่างตอบสนองในเชิงบวก แม้จะมีแรงขายออกมาบ้างตลาดแต่ไม่มาก
ดัชนี SET สามารถขึ้นมายืนเหนือ 1570 จุดได้ หลังเริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกกับตลาด ดังนั้นหลังจากนี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนี SET จะขึ้นอยู่กับ งบ Q2/17 ของกลุ่มสถาบันการเงิน ดัชนีในต่างประเทศ และราคาน้ำมัน เรามองว่า เมื่อตลาดรับทราบข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ ทิศทางของดัชนีจะชัดเจนขึ้น เพราะปัจจัยที่จะใช้ในการเทรดหลังจากนี้จะเป็นการประกาศงบ Q2/17 ของแต่ละตลาดเป็นหลัก หากดูเปอร์เซ็นการขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีของหุ้นใน SET 100 พบว่าเริ่มมีเพิ่มขึ้นแต่ไม่สูง ขณะที่หุ้นที่สร้างสถิติต่ำสุดในรอบ 1 ปี ลดลง สะท้อนตลาดยังมีช่องให้ขึ้นได้อีกรวมทั้ง Sentiment การลงทุนที่ดีขึ้น จากรูปด้านซ้าย
หุ้นใหญ่ที่มีระดับราคาแกว่งตัวสูงๆ ในรอบนี้ คือ BDMS และ DTAC โดย BDMS ปรับตัวลงแรง โดยในรอบ 1 ปี หากวัดผ่านค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ในระดับ +/1 +/-2 และ +/-3 SD จะพบว่า BDMS ลงไปถึง -3SD แล้วดีดกลับ ส่วนล่าสุด คือ DTAC ขึ้นไปเล่นใกล้ค่า +3SD เราจึงมองว่าในระดับดังกล่าว การที่จะผ่านขึ้นไปยังคงยากและใช้เวลา แต่อาจจะมีแรงขายสลับออกมา จนกว่าจะเห็นงบ Q2/17 (ดูรูปด้านขวา)
ทิศทางดัชนี SET ใกล้สิ้นสัปดาห์ คาดยังมีแรงหนุน แต่อาจจะปรับฐานระหว่างวันได้ หลังขึ้นมาตลอด ช่วงที่ตลาดขึ้นมาใกล้ 1580+/- จุด กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังประคับประคองดัชนี คือ ธนาคารพาณิชย์ รับเหมา พลังงาน-ปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะเริ่มนิ่งๆ คือ โรงพยาบาล สื่อสารใหญ่ และชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ ดังนั้นประเด็นที่จะเป็นตัวชี้ทิศทางดัชนี คือ งบกลุ่มสถาบันการเงินที่คาดว่าปลายสัปดาห์หน้า คงจะมีการ Preview งบ
วันนี้มองดัชนี SET มีโอกาสรีบาวน์ต่อเนื่อง ขึ้นไปทดสอบระดับ 1580 จุด จากแรงซื้อของกองทุนในประเทศซึ่งมีการซื้อสุทธิมาต่อเนื่อง 3 วันกว่า 5,738 ล้านบาท แต่คาดว่าดัชนีจะไปได้ไม่ไกลนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศยังเป็นฝ่ายขายสุทธิออกมา 4 วันติดต่อกันรวม 4,242 ล้านบาท กดดันตลาดอยู่ หากพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ แล้วจะพบว่าราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรง -3.7% เมื่อคืนนี้น่าจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E ที่ทยอยเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ นับจากต้นปี จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร (เข้มงวดการปล่อยกู้ทาให้สินเชื่อไม่โตและตั้งสำรองกรณีมีการปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่ผิดนัดชำระหนี้) และเป็นการเพิ่มต้นทุนการเงินระยะสั้นให้กับบริษัทขนาดกลางและเล็ก (นักลงทุนต้องการส่วนชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น) ส่งผลให้งบการเงินอาจจะออกมาไม่ดีได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1570-1573 จุดและแนวต้านที่ 1580-1585 จุด หุ้นแนะนำคือ BANPU KSL IVL และ TASCO
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,577.68 จุด เพิ่มขึ้น 0.68 จุด (+0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 19,039.09 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นในกรอบแคบ หลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดและส่งสัญญาณปรับลดงบดุลปีนี้ ด้านตลาดภูมิภคแกว่งทั้งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของเฟด หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งขึ้น ภาพรวมตลาดในช่วงเช้าเกิดแรงขายทำกำไรออกมา หลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด อย่างไรก็ตามเนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในกลุ่มที่ Index ปรับตัวขึ้นมาน้อยกว่าตลาดอื่นๆ ทำให้เริ่มมีแรงซื้อสวนกลับขึ้นมา โดยมองว่าตลาดยังมีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นต่อได้ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1580-1585 จุด แนวรับ 1572 จุด ระยะสั้นยังเน้นไปที่การเก็งกำไรในหุ้นรายกลุ่มที่มีประเด็น เราแนะนำให้เลือกเก็งกำไรในกลุ่มที่ผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่องหรือมีสัญญาณฟื้นตัว อย่างเช่น กลุ่มเช่าซื้อ ท่องเที่ยว และสายการบิน เราแนะนำ MTLS SAWAD ECL BA THAI MINT CENTEL
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Ananda Development (ANAN TB; THB 5.55) - ซื้อ
SCI Electric (SCI TB; THB 9.40) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : RS-W3
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]