- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 June 2017 17:03
- Hits: 1769
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET เหนือ 1570 ได้...เลือกซื้อ/ถือต่อ
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index บวกขึ้น 8.55 จุดปิดที่ 1572.36 ซึ่งเป็นการปิดเหนือ 1570 ได้หลังจากทดสอบมาหลายรอบ กลุ่มที่ปรับขึ้นนำตลาด คือ พลังงาน, สื่อสาร นักลงทุนสถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิต่อ 2 พันล้านบาท ต่างชาตินำขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ส่วนอีกสองกลุ่มขายสุทธิแต่ไม่มาก
• รอผลประชุม FED และถ้อยแถลงคืนนี้ (14 มิ.ย.60) ซึ่งตลาดประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในรอบนี้ และจะทยอยลดงบดุล
• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อย สัญญาทองคำทรงตัว ก่อนรู้ผลการประชุม FOMC แต่ตลาดหุ้นค่อนไปทางบวก
+/• ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพราะคาดหวังว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง แต่ก็เพิ่มจำกัดเพราะกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันดิบเพิ่มในเดือนพ.ค. กลยุทธ์ ยังเป็นการเล่นรอบ โดยซื้อจังหวะราคาน้ำมันและหุ้นพักฐาน เพื่อขายรีบาวด์ ที่น่าสนใจช่วงนี้เป็น PTTEP, PTT, PTTGC
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ประเด็นเรื่อง NPL ยังกดดันเป็นระยะ และกรณีของ EARTH ก็อาจทำให้แบงค์ที่ปล่อยสินเชื่อต้องกันสำรองฯเพิ่มใน 3Q60 (KTB ปล่อยกู้รายใหญ่สุด และมี KBANK & BAY ปล่อยกู้ระยะสั้นด้วย) เน้นซื้อจังหวะอ่อนตัว ไม่ซื้อไล่เมื่อราคาหุ้นปรับขึ้นแล้ว
• วันนี้ (14 มิ.ย.) ลุ้นว่าบริษัทใดจะผ่านคุณสมบัติโครงการโซลาร์สหกรณ์ฯ&ราชการรวม 219 MW บจ.ที่สนใจทำโครงการ เช่น SUPER, GUNKUL, RATCH, BCPG, PSTC เป็นต้น...ซึ่งในหุ้นเหล่านี้เราชอบ BCPG ที่มีการเติบโตที่ต่อเนื่อง และจ่ายเงินปันผลดี (Yield ราว 4%)
+ SAMART : คาดกำไรปี 60 จะเติบโตสูงเพราะฐานกำไรที่ต่ำเพียง 71 ล้านบาทในปีก่อน โดยการขยายตัวหลักมาจาก SAMTEL ซึ่ง SAMART ถือหุ้นอยู่ 70.14% ซึ่งได้งานใหม่เพิ่มและกำไรโตก้าวกระโดดปีนี้ รายได้และกำไรของ OTO โตดีขึ้นเพราะได้งานใหม่ ธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟใต้ดินก็ไปได้ดีขึ้น ในทางเทคนิคแนะนำซื้อค่าบวก โดยให้แนวต้านระยะสั้น 17-18 บาท
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SAMART
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1575-1580, 1590 แนะ Stop loss ถ้าหลุด 1565 แนวรับ 1550, 1530-1520 เน้นซื้อตามค่าบวก สำหรับการ SCAN หุ้น New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น UNIQ, BCPG, RS, PSL, TIPCO, BR, IHL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น UTP, SPALI, RCL, MC หุ้นที่หลุด List คือ KSL ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ Take Profit ได้แก่ EA
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• จับตาผลประชุม FED, BOJ, BOE สัปดาห์นี้
# จับตาการประชุม FOMC 13-14 มิ.ย.60 ซึ่งตลาดเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 0.25% โดย CME Group FedWatch ระบุโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 99.6% แล้ว รวมทั้งจะทยอยลดงบดุลขนาด 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีอยู่ในขณะนี้ลงด้วย
# ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็มีกำหนดประชุมในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยประเมินว่าน่าจะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ก่อน
+ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : พุ่งขึ้นหลังกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 21,328.47 จุด เพิ่มขึ้น 92.80 จุด หรือ +0.44% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,440.35 จุด เพิ่มขึ้น 10.96 จุด หรือ +0.45% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,220.37 จุด เพิ่มขึ้น 44.90 จุด หรือ +0.73% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
+/• สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อ ลุ้นสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 46.46 ดอลลาร์/บาร์เรล และBRENT ส่งมอบส.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 48.72 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดคาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 2 ล้านบาร์เรลในการรายงานสัปดาห์นี้
# แต่...ราคาน้ำมันยังเพิ่มไม่มาก เพราะมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่ม 336,100 บาร์เรลในเดือนพ.ค.60 เป็น 32.1 ล้านบาร์เรล/วัน (นำโดยลิเบียที่ได้รับข้อยกเว้นเรื่องลดการผลิตจากกลุ่มโอเปก ตามมาด้วยไนจีเรีย ส่วนประเทศที่ผลิตน้ำมันลดลงมากกว่าข้อตกลงคือ ซาอุฯ คูเวต กาตาร์ และแองโกลา)
• สัญญาทองคำ : ทรงๆ รอผลประชุมเฟด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,268.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
•/+ นายกฯจะใช้ม.44 แก้ปัญหาปมที่ดินส.ป.ก.ผลิตปิโตรเลียม & รถไฟไทย-จีนในสัปดาห์หน้า
# นายกรัฐมนตรีกล่าวหลังประชุมครม.ว่าจะออกคำสั่งมาตรา 44 แก้ปัญหากรณีการใช้ที่ดินส.ป.ก.ในการผลิตปิโตรเลียมในสัปดาห์หน้าหลังหารือกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทที่อยู่ในข่าย ได้แก่ PTTEP (บางส่วนของโครงการ S1) และอีก 6 บริษัทที่ไม่ได้เป็นบ.จดทะเบียน
# และจะใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาความล่าช้าของโครงการรถไฟไทย-จีน (กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) เรื่องกำหนดเวลาการทำโครงการให้เร็วขึ้น
- EARTH & กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : เงินกู้แบงค์รวมกันราว 1.9 หมื่นล้านบาท
# หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจระบุว่า EARTH มีการกู้เงินกับ KTB มากที่สุด 1.2 หมื่นล้านบาท (ระยะสั้น 8 พันล้านบาท ระยะยาว 4 พันล้านบาท) กู้ระยะสั้น KBANK 3.8 พันล้านบาท กู้ระยะสั้น BAY 1.2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทกู้ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจถ่านหินที่ซบเซา มีโอกาสสูงที่ธนาคารต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ในช่วง 3Q60 นี้
# ความเห็น DBSV Retail Research : ประเด็นเรื่องหนี้ด้อยคุณภาพยังกดดันกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ และกรณีของ EARTH กระทบต่อ KTB มากที่สุด ซึ่งอาจกดดันให้ธนาคาร KTB ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงมาก/เพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตาม ในประมาณการของ DBSV ได้สะท้อนความเสี่ยงเรื่องนี้ไว้ส่วนหนึ่งตั้งแต่ก่อนมีกรณี EARTH แล้วยังผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ของเราต่ำกว่าตลาดประมาณ 4-5% เราแนะนำถือ KTB ให้ราคาพื้นฐาน 19 บาท
ส่วนกลยุทธ์ลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ยังคงเป็นการซื้อ/ขายตามรอบไปก่อนในระหว่างที่ประเด็น NPL ยังไม่นิ่งและเข้ามากวน Sentiment การลงทุนเป็นระยะ โดยหุ้นเด่นในแบงค์ใหญ่ยังคงให้เป็น KBANK (ราคาพื้นฐาน 208 บาท) หุ้นเด่นในแบงค์เล็กเป็น TISCO (ราคาพื้นฐาน 82 บาท) และหุ้นปันผลสูงเป็น KKP (ราคาพื้นฐาน 74 บาท)
• ลุ้นวันนี้ (14 มิ.ย.) กกพ.ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์ฯ&ราชการ 219 MW
# วันนี้ (14 มิ.ย.60) ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะประกาศคุณสมบัติผู้ประกอบการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการสหกรณ์การเกษตรและหน่วยราชการระยะที่ 2 รวม 219 MW (สหกรณ์เกษตร 119 MW และหน่วยราชการ 100 MW) และจับสลากเพื่อได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (รูปแบบ Feed-in-tariff 4.12 บาท/หน่วย อายุสัญญา 25 ปี กำหนด COD ไม่เกิน 30 มิ.ย.61) ในวันที่ 26 มิ.ย.60 ซึ่งหลักทรัพย์ที่สนใจทำโครงการได้แก่ SUPER, GUNKUL, RATCH, BCPG, PSTC เป็นต้น
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]