- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 June 2017 17:56
- Hits: 11789
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อค่าบวก/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1560'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ตลาดปิดลดลงเล็กน้อย 3.63 จุดที่ 1566.65 หุ้นกลางเล็กปรับขึ้นเป็นรายบริษัท แต่หุ้นใหญ่ในกลุ่มแบงค์และพลังงานส่วนใหญ่ลดลง ค่าเงินบาททรงตัวที่ 34+/- บาท/US$ ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อนแต่ก็ไม่มากล่าสุด Dollar index อยู่ที่ 97.2+/- เมื่อวันศุกร์ต่างชาตินำขายสุทธิ
• จับตาการประชุม FOMC 13-14 มิ.ย.60 ล่าสุด CME Group FedWatch ระบุโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในรอบนี้อยู่ที่ 95.8%...ด้าน BOE และ BOJ ก็มีกำหนดประชุมในสัปดาห์นี้เช่นกัน ประเมินว่าจะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ตามเดิม
+ ERW : รายได้และมาร์จิ้นโรงแรมเติบโตดีในปีนี้ ทั้งจากประสิทธิภาพที่เพิ่มและการขยายโรงแรม Hop Inn ใหม่ 8 แห่ง ธุรกิจอาหารมีกำไรดีขึ้นเป็นลำดับ คาดกำไรปี 60 ขยายตัว 15% จากที่บวกกระโดด 88% ในปีก่อน แนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท
- KTB : มีกระแสข่าวว่าเป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ของ EARTH ทำให้อาจต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้นถ้า EARTH กลายเป็นหนี้เสีย ทั้งนี้เรามีการประเมินไว้อยู่บ้างแล้วว่าแบงค์ต้องตั้งสำรองสูงมากต่อ เพราะ Coverage ratio สิ้น 1Q60 ต่ำสุดในกลุ่มที่ 112% (เฉลี่ยของกลุ่ม 130-140%) และ NPL ยังเพิ่มขึ้น ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 19 บาท
- KCE : ราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักหนึ่งของบริษัทปรับขึ้นเกือบ 3%WoW ในสัปดาห์ก่อนเพราะสภาพอากาศที่ย่ำแย่กระทบผลผลิตเหมือง ขณะเดียวกันเงินบาทที่แข็งค่าก็กดดันด้วย (มีรายได้ส่งออกสุทธิ 30-35%) คาดว่ากำไร 2Q60 จะฟื้นตัว QoQ ได้ไม่ดีนัก แต่จะดีขึ้นใน 3Q60 ที่เป็น High season ของส่งออก กลยุทธ์ : ซื้อใหม่เน้นเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
- ปัจจัยที่กังวลและติดตามใกล้ชิด คือ การเบี้ยวหนี้ของบางบริษัทอาจทำให้ความเชื่อมั่นในหุ้นขนาดเล็กลดลง อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานรายบริษัทเป็นสำคัญเพราะหุ้นเล็กแต่ดีก็มีอยู่มาก จึงไม่ควรตกใจกับเรื่องนี้เกินไป
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น ERW
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ แนวต้าน 1570-1580, 1590 Stop loss 1560 แนวรับ 1550, 1530-1520 เน้นซื้อค่าบวก สำหรับการ SCAN หุ้น New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น TPIPL, AMATA, TPIPP, ERW, EA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น UTP, BTS, SAMART, JAS, SIS หุ้นที่หลุด List คือ TISCO, AUCT, TWP ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ THANI, SENA, PSL
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• สหรัฐ : จับตาผลประชุม FOMC, BOJ, BOE สัปดาห์นี้
# จับตาการประชุม FOMC 13-14 มิ.ย.60 ล่าสุด CME Group FedWatch ระบุโอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 14 มิ.ย.60 อยู่ที่ 95.8%
# ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็มีกำหนดประชุมในสัปดาห์นี้เช่นกัน โดยประเมินว่าน่าจะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ก่อน
+/- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนี DJIA ปิดบวกแต่ Nasdaq ร่วงจากขายทำกำไร
# แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและพลังงานหนุนดัชนี DJIA แต่การขายทำกำไร (Re-balancing) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฉุดดัชนี Nasdaq และ S&P500 ให้อ่อนลง
# ปิดตลาดวันศุกร์ดัชนี DJIA อยู่ที่ 21,271.97 จุด +89.44 จุด หรือ +0.42% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,431.77 จุด -2.02 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,207.92 จุด -113.85 จุด หรือ -1.80%
• สัญญาน้ำมันดิบ : ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. +19 เซนต์ หรือ +0.4% ปิดที่ 45.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ตลอดสัปดาห์ -3.8% ด้าน BRENT ส่งมอบส.ค. +29 เซนต์ หรือ +0.6% ปิดที่ 48.15 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับทั้งสัปดาห์สัญญา BRENT -3.6%
# ปัจจัยกดดันคือ อุปทานน้ำมันดิบที่สูงจากสหรัฐ (แท่นขุดเจาะน้ำมันกลับมาเพิ่มขึ้นอีก 8 แท่นสู่ระดับ 741 แท่นในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่ม 21 สัปดาห์ต่อเนื่อง) รวมทั้งมีข่าวว่าไนจีเรียกลับมาส่งออกน้ำมันหลังหยุดไป 16 เดือน และลิเบียจะกลับมาผลิตน้ำมันปกติภายใน 3 วันจากก่อนหน้าที่ปิดบ่อน้ำมันชาราราซึ่งมีกำลังการผลิต 270,000 บาร์เรล/วันเพราะเหตุคนงานประท้วง
- สัญญาทองคำ : ร่วงลงหลังจบความไม่แน่นอน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. -8.10 ดอลลาร์ หรือ -0.63% ปิดที่ระดับ 1,271.40 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับการประชุม FOMC สัปดาห์นี้ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
- KTB (ราคาปิด 18.80 บาท) : คาดยังคงต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงมากต่อ
# มีกระแสข่าวว่า KTB เป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ EARTH รายใหญ่ที่สุด โดยให้สินเชื่อหลายพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ EARTH มีปัญหาผิดนัดชำระตั๋ว B/E มูลค่า 90 ล้านบาท จะมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระใน 2 เดือนข้างหน้ามูลค่า 500 กว่าล้านบาทที่อาจไม่สามารถชำระได้โดยให้เหตุผลว่าถูกระงับวงเงินกู้จากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร & นโยบายของธนาคารที่ใช้อยู่ และกำลังหาวงเงินกู้จากธนาคารอื่น ทั้งนี้ EARTH มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2562 อีก 5.5 พันล้านบาทด้วย
# เราประเมินไว้ว่า KTB จะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่สูงในปีนี้ ซึ่งหากกรณีนี้เป็นจริงก็อาจทำให้แบงค์จะต้องตั้งสำรองสูงขึ้นไปอีก เพราะสิ้นมี.ค.60 ธนาคารมี Coverage ratio อยู่ที่ 112% ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เราวิเคราะห์และน้อยกว่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 130-140% ด้าน NPL ในไตรมาส 1/60 เพิ่ม 10%QoQ เป็น 1 แสนล้านบาท คิดเป็น 4.36% ของสินเชื่อรวม ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่ากำไรสุทธิ KTB ปีนี้จะลดลง 6% จากปี 59 เพราะการตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง และคิดว่าประมาณการดังกล่าวมี Donside risk เมื่อมีกรณีลบของ EARTH เข้ามา ด้านราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 19 บาท
- KCE (ราคาปิด 107 บาท) : ราคาวัตถุดิบทองแดงยังกดดันในช่วงสั้น
# สภาพอากาศที่ย่ำแย่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในเหมืองทองแดงบางแห่งในอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมถึงเหมืองทองแดงขนาดใหญ่ของเอสคอนดิดาของบริษัทบีเอชพี บิลลิตัน และเหมืองซัลดิวาร์ของบริษัทอันโตฟากัสตาด้วยสัญญาทองแดงตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ในสัปดาห์ก่อนปรับขึ้น 2.9%WoW เป็น 2.65 ดอลลาร์/ปอนด์
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV Retail Research : ราคาทองแดงที่ปรับขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของ KCE เพราะเป็นวัตถุดิบหลักรายการหนึ่ง ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2/60 บริษัทถูกกระทบจากเงินบาทแข็งค่าด้วย ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากการส่งออกสุทธิ (ส่งออก-นำเข้าวัตถุดิบ) อยู่ที่ 30-35% ของรายได้รวม สำหรับประสิทธิภาพของโรงงานใหม่คาดว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบจากราคาวัตถุดิบและเงินบาทแข็งค่าได้ส่วนหนึ่งแต่คงไม่ทั้งหมด ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2/60 อาจจะไม่ได้ดีขึ้นมากเมื่อเทียบ QoQ อย่างไรก็ดี คาดว่าไตรมาส 3/60 จะมีกำไรดีขึ้นเพราะเป็น High season ของการส่งออก กลยุทธ์ ซื้อใหม่เน้นเมื่อราคาอ่อนตัว
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]