WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

รอบด้านตลาดหุ้น
หุ้นไทยเตรียมตัวขึ้นทะลุผ่านแนวต้านระยะสัปดาห์ (SET Decoupling)
  คาดดัชนีฯ Sideways up แนวรับ 1,565 ต้าน 1,575 จุด คงคาดปัจจัยการเมืองต่างประเทศไม่มีผลต่อ
หุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นการเมืองสหรัฐฯ ที่อดีต FBI แถลงต่อสภาฯ, เลือกตั้งอังกฤษ
  (+) ส่วนผลประชุม ECB คาดมีผลบ้าง Neutral to Slightly positive เมื่อวาน ECB แจงลดกรอบเงิน
เฟ้อลง ปี 2017-18 ลงเหลือ 1.5-1.3% (จากเดิมคาด 1.7-1.6%) สะท้อนโอกาสยืด QE 6 หมื่นล้านยู
โร/เดือน ออกไปเกินกว่ากรอบเดิมคือสิ้นปีนี้ ส่งผลเมือวานดอลล์สหรัฐแข็งค่าจากยูโรอ่อน และสินค้า
โภคภัณฑ์ น้ำมัน ทองคำ ลงต่อ


  ปัจจัยที่ต้องตาม (0) ประชุมเฟด 14-15 มิย. คาดขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 1%-1.25%
ที่เราคาดปัจจัยต่างประเทศ แทบไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยเพราะ เห็นได้จากการเคลื่อนไหวของราคา
หุ้นในแต่ละกลุ่มขึ้นอยู่กับ พื้นฐานในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลเล็กที่ขึ้นรับข่าว สปส.ใน
สัปดาห์นี้ กลุ่มอสังหาฯที่แนวโน้มกำไรผ่านจุดต่ำสุด โดยราคาขึ้นแรงเมื่อวานหลัง BLS กลับมา
Overweight, กลุ่มเช่าซื้อ ปล่อยเช่า ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยไทยคงที่อีกนาน, หุ้นที่นักลงทุนมี
มุมมองเชิงบวกหลังพบผู้บริหาร เป็นต้น


  โดยหุ้นรายตัวเหล่านี้ไม่ได้สนว่าปัจจัยต่างประเทศจะมีผลต่อ ภาวะการลงทุนอย่างไร ขณะที่พบว่า
ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมาหุ้นไทยแทบไม่ได้เคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ต่างประเทศเลย เราจึง
ไม่ได้ให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศ...


  แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาดเริ่มรีบาวด์-ผันผวนน้อยลง แต่ Upside ดัชนีฯคาดยังติดแถว 1,575/1,580 จุด
อย่างไรก็ตาม...คาดมีโอกาส ที่ดัชนีฯ จะผ่านแนวต้านนี้ขึ้นไปได้ เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มไปเล่นเหนือ
1,600 จุด Timing คาดเกิดภายในครึ่งแรกของเดือนนี้...
  โดยฝากความหวังไว้กับกลุ่ม ที่ Laggard เช่น สถาบันการเงิน (แนะนำ แบงก์เช่าซื้อ, สินเชื่อบุคคล,
ธูรกิจให้เช่า เช่นให้เช่ารถยนต์, เช่า-ขายผ่อน สินค้า IT เพราะได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ถูก
ไปอีกนานจากดอกเบี้ยในประเทศที่คาดคงไปถึงกลางปีหน้า หลังเงินเฟ้อล่าสุดยังพลาดเป้าไปมาก
กลุ่ม Laggard play แนะ อสังหาฯ ค้าปลีก โรงพยาบาล และกลุ่มได้ประโยชน์จากน้ำมันลง
หุ้นแนะนำวันนี้ JMART (TP 16) JMT (TP 31.5) เราเริ่มต้นคำแนะนำซื้อทั้งคู่ ดูรายงาน

 

รายงานวันนี้
  (+) JMART เราเริ่มคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท (อิง P/E 26.8 เท่า จาก ค่าเฉลี่ยใน
อดีต +1SD; Fully diluted EPS) เรามอง JMART เป็นกลุ่มบริษัทที่มีจุดเด่นด้านการทำธุรกิจ Retail
โดยเฉพาะกับตลาด Mass และมี Synergy ด้านการใช้ฐานข้อมูลร่วม และหน้าร้านของ JMART ที่มี
กว่า 200 สาขาทั่วประเทศ เราคาดกำไรจะเติบโตสูงเฉลี่ย 27%/ปี ในช่วง 2016-19 (CAGR) ...
(1) JMART เป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ, สมาร์ทโฟน รายใหญ่ของประเทศที่มุ่งทำตลาด
หลากหลายยี่ห้อ มุ่งเน้นตลาด Mass ซึ่งอยู่ในช่วงที่เติบโตสูง และมีมาร์จิ้นสูง (2) JMT ธุรกิจ
ติดตามและบริหารหนี้เสีย เป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวสูง และมีความเสี่ยงต่ำเพราะการซื้อหนี้มา
บริหารในราคาที่มีส่วนลดสูง (3) บริษัทในเครืออื่นๆ เช่น SINGER (ขายสินค้า Households ที่มีทั้ง
ระบบขายตรงและเงินผ่อน), J (พัฒนาอสังหาฯ และศูนย์การค้า) และ J-Fintech (ให้บริการทาง
การเงิน รวมถึงการเงินออนไลน์) ที่มี Synergy ในการเป็นทั้งช่องทางจัดจำหน่าย, จัด finance
ให้กับสินค้าของ JMART ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของกลุ่ม JMART


  (+) JMT เราเริ่มคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท (อิง PEG 1 เท่า การเติบโตของกำไร
ปี 2017-18 CAGR ที่ 39%) หนุนโดยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก (1) บริการติดตามหนี้เสีย
ให้กับสถาบันการเงิน (2) ธุรกิจบริหารหนี้เสีย โดยบริษัทซื้อหนี้มาในราคาส่วนลดสูงถึง 95% (คาด
จะให้ผลตอบแทนราว 24-25% ในช่วง 2017-19) และ (3) ยังมีโอกาสในการซื้อหนี้เข้ามาบริหาร
เพิ่มอีกมาก เพราะ JMT มี D/E เพียง 1.2 เท่า เทียบกับ debt covenant ที่เปิดกว่างสำหรับการ
เติบโตได้ถึง 3 เท่า


  เราคาดกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 41%/ปี ในช่วง 2017-19 (CAGR) ปัจจุบันหนี้ที่ไม่
ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในส่วนของลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นล้านบาท (ใน 1Q13) มาเป็น
1.1 แสนล้านบาท (ใน 1Q17) หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 22%/ปี เพราะการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ ซึ่งสถานการณ์นี้หนุนให้ธุรกิจของ JMT ทั้งในส่วนของรับติดตามหนี้
และส่วนของการซื้อหนี้มาบริการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน JMT มี backlog 2.3 หมื่นล้าน
บาท สำหรับธุรกิจรับติดตามหนี้ และมีพอร์ตหนี้เสียที่บริษัทซื้อเข้ามาบริหารอยู่ราว 1.15 แสนล้าน
บาท (ต้นทุนที่บริษัทซื้อเข้ามาอยุ่ที่ 3.7 พันล้าบบาท หรือมีส่วนลดราว 95-96%) คาดทั้ง 2 ส่วน
ธุรกิจจะให้ผลตอบแทนที่ดีกับบริษัทได้ โดยที่เรายังไม่รวมโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ CLMV ซึ่ง
เป็นโครงการในแผนของบริษัท


  (-) กลุ่มอาหาร (น้ำตาล) จากข้อมูลสภาพอากาศล่าสุดบ่งชี้ว่าโอกาสในการเกิดสภาพอากาศเป็น
กลาง หรือ ENSO-neutral เพิ่มสูงขึ้นจากรายงานครั้งก่อนราว 9-10% มาที่ 51-55% และโอกาส
ของการเกิด El Niño ลดลง 9-11% มาที่ 33-37% ในช่วง ก.ย. 2017 – ก.พ. 2018 (เราคาดก่อน
หน้าว่า El Niño มีโอกาสเกิด 60% ในช่วง ก.ย.-ธ.ค. 2017) จากข้อมูลดังกล่าว เรามีการปรับกล
ยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Soft commodity ออก (น้ำตาล ปาล์ม ยาง) จาก First-tier เนื่องจาก
ภาวะ ENSO จะหนุนให้อัตราผลผลิตออกมาสู่ตลาดมาก และเรามีการปรับ GFPT ขึ้นมาเป็นกลุ่ม
First-tier แทนไปจนถึง 3Q17 สำหรับ CPF และ TU เวลาที่เหมาะสมคาดจะอยู่ในช่วงหลังผล
ประกอบการ 3Q17 ประกาศ

 

หุ้นมีข่าว/ประเด็น
  (+) FTSE Index ประกาศหุ้นเข้าคำรนวณดัชนีรอบใหม่ มีผล 19 มิย.นี้ หุ้น FTSE Large Cap ไม่มีการ
เปลี่ยนแปลง ส่วน Mid Cap มี BPP EA KSL TPIPP VNT WHAUP เข้าคำนวณ
FTSE Small Cap index เข้า ORI CMR SQ LANNA TNR FN GLAND UTP MACO CTW TKS ออก
VNT Chukai PRIN ABC SOLAR MAX metal
FTSE Fledgling Index: Amata Summit Growth Freehold and Leasehold REIT, Mahachai
Hospital, ASAP, MODERN, RPH, Chukai, PRIN, ABC, SOLAR, MAX, APX (ที่มา FTSE)
  (+/-) Opportunity day และการประชุมนักวิเคราะห์: คาดหุ้นที่กำไรออกมาดีในไตรมาสแรก และ
Consensus จะมีโอกาสปรับประมาณการณ์ขึ้นได้หลังประชุมกับผู้บริหารคาดจะเป็นหุ้นที่ Outperform

 

ตลาด
  พุธ 7 มิย. INET ANAN SEAFCO ETE BTS SGP / พฤหัส 8 มิย. DRT EPG WICE AIT TKT / ศุกร์ 9
มิย. SAWAD MM COL ASN / อังคาร 13 มิย. PJW NVD ECF / พุธ 14 มิย. ASIAN / พฤหัส 15 มิย.
TCJ SCN / ศุกร์ 16 มิย. AOT CHEWA

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
  (0/+) ศุกร์ US Wholesale inventories คาด 0.3% จาก -0.3% m-m. UK Industrial production
เมย. คาด +0.8% จาก -0.5%, ฟิลิปปินส์ ส่งออกเดือน เมย. คาด +19% จาก21% y-y. จีน รายงาน
เงินเฟ้อ CPI พค. คาด 1.5% y-y. จาก +1.2% y-y. มาเลเซีย Industrial production เมย.คาด +4.6% คงที่ (y-y.)

(ที่มา Bloomberg)

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!