- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 June 2017 16:23
- Hits: 1566
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงที่ยืนในแดนบวกและลบตลอดเกือบทั้งวัน โดยมีจุดต่ำสุดของวันที่ 1563.31 จุด ลดลง 3.27 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร แบงก์และอสังหาฯ กลับเข้ามาชม.สุดท้ายก่อนปิดตลาดดันดัชนีขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1571.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.20 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันอยู่ที่ 8.47 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ TRUE, DTAC, SCC, IVL, AOT, HANA, TYCN, MEGA ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1570.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด (+0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 42,839 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้ยังไม่ไปไหน แกว่งตัวอยู่ในกรอบเดิม 1558-1574 จุด รวมแล้ว 13 วัน ซึ่งยังไม่เลือกทิศทางที่ชัดเจน ขณะที่วานนี้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1563-1571 จุด พร้อมกับทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1570 จุด และเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันตัด 10 วันขึ้นมา ประกอบกับเครื่องมือชี้ทิศทางพร้อมใจกับอยู่ในเชิงบวก ทำให้แนวโน้มดัชนีน่าจะวในกรอบเดิม ที่ขึ้นทดสอบ 1574 จุด และคาดหวังการเบรกผ่าน เพื่อทดสอบ 1580 จุด ระยะสั้นมองแนวรับ 1560-1565 จุด แนวต้าน 1574-1577 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Company Update & News Comment
(+) HELTH : ปรับประมาณการกำไรสุทธิสำหรับ รพ.ในเครือประกันสังคม
ปัจจัยและทิศทางตลาดหุ้นไทย
3 เหตุการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา คาบเกี่ยวมาถึงเช้านี้ มีความชัดเจนไปแล้ว 2 เรื่อง เรื่องแรกจะเป็น คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ที่ตลาดตีความว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในวันข้างหน้า เรื่องที่สอง คือผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่คงอัตราดอกเบิ้ย และการใช้ QE วงเงิน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ที่จะสิ้นสุด ธ.ค.60 อาจยืดเวลาออกไปอีก สองเรื่องนี้ ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น
อย่างไรก็ตาม ผมการเลือกตั้งของอังกฤษ ที่คาดจะทราบผลทางการในวันนี้ ผลสำรวจหรือ Exit Poll ช่วงเช้า (8.00 น.) ออกมาว่าพรรคแรงงานมีคะแนนนำพรรคอนุรักษ์นิยม ของนางเทเรซา เมย์ อยู่ ซึ่งหากผลเลือกตั้งจริงออกมาแบบนี้ จะเป็นลบต่อตลาด ค่าเงินปอนด์เช้านี้ ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ จากผลของ Exit Poll
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดวานนี้ ที่ $45.64 เหรียญ และยังปรับตัวลงต่อในช่วงเช้า จากการแข็งค่าของเงินดอลล่าร์ จากความเสี่ยงการเมืองสหรัฐฯที่ลดลง และ Exit Poll เลือกตั้งอังกฤษ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ ยังถูกกดดันจากปริมาณผลิตและ stock น้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง
เราประเมินปัจจัยต่างประเทศวันนี้ แม้จะบวกในฝั่งของสหรัฐฯ และผลประชุม ECB แต่ความกังวลต่อผลเลือกตั้งของอังกฤษ อาจกระทบต่อตลาดในช่วงเช้า ซึ่งจะต้องไปดูที่ผลที่เป็นทางการว่าจะออกมาเหมือน Exit Poll หรือไม่
ปัจจัยในประเทศ จากการทยอยอนุมัติโครงการด้านคมนาคมของรัฐบาล ส่งผลบวกทางจิตวิทยาต่อการลงทุนในช่วงนี้ ขณะที่ประเด็นของการใช้พื้นที่ สปก. ที่มีผลต่อ PTTEP และผู้ผลิตไฟฟ้าบางราย ยังเป็นประเด็นที่มีผลต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นได้ทั้งบวกและลบ
ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ แม้น้ำหนักของ การแถลงของอดีตผู้อำนวยการ FBI และผลประชุม ECB จะเป็นบวกต่อตลาด แต่ผลการเลือกตั้งอังกฤษซึ่งยังไม่ทราบผล จะเป็นตัวแปรที่อาจพลิกตลาดหุ้นได้ โดยเฉพาะถ้าพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้ง ทำให้เราประเมินว่าดัชนีฯ จะมีความผันผวนสูงโดยเฉพาะเมื่อทราบผลการเลือกตั้งของอังกฤษ
กลยุทธ์การลงทุน เรายังมองตลาดหุ้นไทยว่ายังมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป จากปัจจัยภายใน คือ มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยดีขึ้น แต่การเลือกเข้าลงทุน ยังคงต้องเน้นไปที่หุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือ Defensive เนื่องจาก สัปดาห์หน้า (13-14) จะมีการประชุม FOMC ………… สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น ADVANC , PSH , BCH , BANPU, DELTA , BA
* เป็นหุ้นที่แนะนำในเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
ประเด็นสำคัญ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 มิ.ย.) - SET Index ปิดที่ระดับ 1,570.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.70 จุด +0.24% มูลค่าการซื้อขาย 42,838.51 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนยังรอดู 3 เหตุการณ์สำคัญจากต่างประเทศ ทั้งอดีตผู้อำนวยการ FBI ที่จะเข้าให้การต่อวุฒิสภาในประเด็นรัสเซีย,การเลือกตั้งอังกฤษ และการประชุม ECB คาดน่าจะรู้ผลได้ในวันพรุ่งนี้ทั้งหมด
ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 21,182.53 จุด เพิ่มขึ้น 8.84 จุด หรือ +0.04% เนื่องจากนักลงทุนมองว่า คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในวันข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นักลงทุนจะทราบผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ โดย ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.09% ปิดที่ 389.15 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI - สัญญาน้ำมันดิบ ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง
เศรษฐกิจสหรัฐ - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 245,000 ราย แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 240,000 ราย โดยตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 118 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
เศรษฐกิจยุโรป - ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับได้ยกเลิกการระบุถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB และประกาศปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนสู่ระดับ 1.5% ในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 1.7% ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.3% จากเดิมที่ระดับ 1.6%
เศรษฐกิจยุโรป - นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB ได้ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของยูโรโซน โดยอยู่ที่ระดับ 1.9% ในปีนี้, 1.8% ในปีหน้า และ 1.7% ในปี 2019 เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมี.ค. โดย ความเสี่ยงต่อแนวโน้มการขยายตัวในยูโรโซนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสมดุล
กลุ่มรับเหมาฯ - AOT - นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทเปิดขายเอกสารประกวดราคางานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (CC1/2) ราคากลาง 16,176 ล้านบาท ปรากฎมีผู้เข้าซื้อซองประกวดจำนวน 8 ราย ได้แก่ 1. บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) 2. บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) 3.บมจ.ช.การช่าง (CK) 4.บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) 5. บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) 6.บมจ.คริสเตียนีและนีลเส็น(ไทย) (CNT) 7.ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น และ 8.รวมนครก่อสร้าง ทั้งนี้ AOT จะเปิดให้ยื่นเอกสารประกวดราคาในวันที่ 2 ส.ค.นี้ จากนั้นจะประกาศผลผู้ชนะการประมูลได้ในวันที่ 11 ส.ค.60 ก่อนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทอนุมัติผลการประมูล ซึ่งคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ในเดือน ก.ย.60
พลังงาน Solar Roof - นายสุรีย์ จรูญศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ให้ พพ.และสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เร่งสรุปผลศึกษาข้อดีข้อเสียโครงการนำร่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอย่างเสรี (โซลาร์รูฟท็อปเสรี) ให้เสร็จภายในเดือน สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะประกาศให้ประชาชนทั่วไปขอติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ภายในสิ้นปีนี้ แต่ต้องพิจารณาความพร้อมของสายส่งที่ 3 การไฟฟ้า คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้ดูแล
News Release :
EARTH ชี้เงินจมถ่านหิน กลต.จี้ชี้แจงภายใน 7 วัน จับตาเส้นตาย 12 ก.ค.นี้ หนี้เกิน 300 ล้าน
- "EARTH" ยอมรับขาดสภาพคล่อง หลังใช้เงินซื้อสินค้า แต่ยังขายไม่ได้ เป็นเหตุทำให้ต้องผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E มูลค่ารวม 90 ล้านบาท พร้อมเร่งเจรจาแบงก์เพื่อหาทางออก ฟากก.ล.ต.จี้แจงข้อมูลเพิ่มภายใน 7 วัน ด้านบลจ.วรรณ ยัน EARTH เบี้ยวรอบนี้ไม่กระทบ จับตา 12 ก.ค.นี้หากหนี้เกิน 300 ล้านบาท มีสิทธิ์ถูกเรียกชำระหุ้นกู้ก่อนกำหนดได้(ข่าวหุ้น)
WICE ส่งซิก Q2 โตไม่หยุด เล็งซื้อกิจการจีน-ฮ่องกง
+ "WICE" แย้มผลงาน Q2 โตไม่หยุด บุ๊ครายได้เพิ่มขึ้น ลั่นครึ่งปีหลังเด่นเข้าไฮซีซั่น ล่าสุดคว้างานลูกค้าจีน 60 ล้านบาท ย้ำรายได้ปีนี้พุ่ง 1,300 ล้านบาท ทำนิวไฮรอบ 24 ปี ซุ่มเจรจาซื้อกิจการพันธมิตร 2-3 ราย ในจีน-ฮ่องกง คาดสรุปปีนี้ (ข่าวหุ้น)
ซื้อหุ้น BCPG วันนี้ รับปันผล 15 สต. ก่อน XD 12 มิ.ย.
+ วันนี้โอกาสสุดท้ายซื้อ BCPG ได้รับเงินปันผลหุ้นละ 0.15 บาท ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 มิ.ย.นี้ โบรกฯแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท/หุ้น เด่นสุดหุ้นกลุ่มพลังงานหมุนเวียน แถมน่าสนใจในแง่ปันผล คาดยีลด์ปีนี้ 4.70% (ข่าวหุ้น)
WHAUP ลุยแตกพาร์ต่อ ไม่หวั่น"ตลท."ท้วงติง
+ WHAUP เดินหน้าแตกพาร์จาก 5 บาท เหลือ 1 บาท ย้ำผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์-ช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น ฟากตลท.เตือนผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลก่อนโหวตอนุมัติ 30 มิ.ย.นี้ ระบุพาร์ไม่ใช่ตัวชี้วัดสภาพคล่อง-ราคาปัจจุบันไม่ได้ต่างจากราคาไอพีโอ(ข่าวหุ้น)
เปิดโผหุ้นเหล็กพื้นฐานแกร่ง 'BSBM-PAP-TMT' น่าสะสม
+ เปิดโผหุ้นเหล็ก P/E ต่ำกว่ากลุ่มพื้นฐานดีราคาถูกผลงานเด่น อนาคตเติบโตต่อเนื่อง ชู AMC-BSBM-CSP-LHK-MCS-PAP-PERM-TMT เข้าวิน ด้าน CITY-MAX-SAM-TGPRO-TSTH ราคายังต่ำบุ๊กแวลู ช็อปเข้าพอร์ตโกยเงิน(ทันหุ้น)
TSR ลุยขายตรงดัน Q2 เด่น เพิ่มช่องออนไลน์พารวย
+ TST โชว์ยอดขาย 2 เดือนแรก (เม.ย.-พ.ค. 60) โตเด่น ชี้ช่วงหน้าร้อน-หน้าฝน หนุนเครื่องใช้ไฟฟ้าขายดี ผลักดันให้งบทั้ง Q2/2560 สดใส ชูแคมเปญเด็ด "ผ่อนสบาย" เพิ่มช่องจำหน่ายผ่านออนไลน์ดันยอดขายพุ่ง ส่วนธุรกิจเครื่องกรองน้ำสดใส มั่นใจปี 2560 รายได้เข้า 2 พันล้านบาท(ทันหุ้น)
EPG ดีลควบรวมกิจการ เหินฟ้าโรดโชว์สิงคโปร์
+ EPG เดินหน้าควบรวมกิจการใหม่ เสริมแกร่งธุรกิจระยะยาว หวังชัดเจนปีหน้า ส้มหล่น! รับราคาน้ำมันในตลาดโลกหลุด 46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หนุนต้นทุนลดเพียบ "รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์" เล็งเหินฟ้าโรดโชว์สิงคโปร์ โชว์แกร่งดึงดูดต่างชาติเพิ่ม คาดชัดเจนครึ่งหลังปีนี้ ฟากโบรกแนะนำ "ซื้อ" เคาะเป้า 15.40 บาท ดีดลูกคิดปีนีกำไรทะยาน 16.4% (ทันหุ้น)
DRT รักษาฐานมาร์จิ้น 27% มั่นใจรายได้ปีนี้วิ่งเข้าเป้า
+ DRT เน้นขายสินค้าไฮมาร์จิ้น หวังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25-27% ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/2560 อาจต่ำกว่าไตรมาส 1/2560 เล็กน้อย เหตุช่วงโลว์ซีซัน มั่นใจว่ารายได้โตตามเป้าที่ 5% เดินตามแผนปี 2561 ดันสัดส่วนรายได้ ตปท. เป็น 20% จากปัจจุบัน 18% (ทันหุ้น)
นักวิเคราะห์ : มงคล พ่วงเภตรา
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
License No: 001937 Tel: 02-648-1123 และทีมวิเคราะห์