- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 09 June 2017 16:15
- Hits: 1051
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ระยะสั้นซื้อเก็งกำไร ระยะกลาง-ยาว Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบแคบตามคาดโดยช่วงบ่ายสามารถแกว่งตัวไต่ระดับขึ้นมาได้พอควรหลังจากที่อ่อนตัวลงไปก่อนในช่วงเช้าเนื่องจากยังจับตาดูความชัดเจนของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติยังชะลอการไหลเข้าในตลาดทุน และขายค่อนข้างหนักในตลาดพันธบัตรเกือบ 1 หมื่นลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index จะปรับตัวในแดนบวกได้หลัง ECB ยังคงนโยบายการเงินตามคาด ขณะที่การเลือกตั้งอังกฤษ พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์มีคะแนนเสียงนำแม้อาจต้องตั้งรัฐบาลผสม ส่วนฝั่งสหรัฐฯ คำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ต่อวุฒิสภาไม่ได้สร้างความกังวลแก่นักลงทุนในเรื่องความมั่นคงของตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ขณะทีด้านเทคนิคหลังจากที่ไต่ระดับขึ้นมาได้ในช่วงบ่ายวานนี้ ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1575 จุดได้เช่นกัน
กลยุทธ์ : ระยะสั้น ซื้อเก็งกำไร ระยะกลาง-ยาว ถือต่อหลังซื้อไปแล้วตามแนวรับ
แนวรับ 1568-1565 , 1563-1560 จุด
แนวต้าน 1573-1575 , 1580 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : KCE, PSL, STPI (short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$380ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$308ล้าน และไต้หวัน US$52ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$6ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$3ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดคลายกังวลหลังคำให้การของโคมีย์ และการประชุม ECB ที่ไม่มีอะไรที่น่ากังวล
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) Exit poll ชี้นางเทเรซาเมย์อาจไม่ได้เสียงข้างมาก อาจทำให้กระบวนการเจรจา Brexit และการออกกม.ต่างๆ ทำให้ล่าช้าออกไป ค่าเงินปอนด์ร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน และอาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าแต่เป็นระยะสั้น ผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนมีจำกัดเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เกินคาด
(+) ECB มีโอกาสต่ออายุ QE โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% คงดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.4%คงดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.25% และคงวงเงิน QE 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนตามเดิม และอาจขยายอายุในการใช้ QE ที่จะหมด ธ.ค. นี้ออกไป และมีการเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้เป็น 2% เป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
(0) กลุ่มเหล็ก หุ้นเหล็กหลายตัวปรับขึ้นอย่างโดดเด่นวานนี้ หลังทิศทางการลงทุนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่นรถไฟฟ้าทางคู่, สุวรรณภูมิเฟส 2, ทางด่วน มีความชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับยอดนำเข้าเดือน พ.ค. ของจีนพุ่ง 22.1% Y-Y ดีขึ้นจาก เม.ย. ที่ +18.6% Y-Y โดยเฉพาะสินแร่เหล็ก แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทในกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับสต็อกสินแร่เหล็กของจีนที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 130 ล้านตัน และความต้องการที่ลดลง ทำให้ราคาสินแร่เหล็กที่ปรับลงแล้ว 36% จากจุดสูงสุดในเดือน ก.พ. เหลือ US$55/ตัน มีทิศทางลดลงต่อ เราไม่แนะนำซื้อลงทุน แต่หากจะเก็งกำไร แนะนำเพียง TSTH, BSBM, CITY
(+) กลุ่มรับเหมา งานก่อสร้างกำลังเริ่มมีมากขึ้น AOT รายงานว่าผู้ซื้อซองประมูลงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินและส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ทิศใต้ของสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท มี 8 รายได้แก่ ITD, STEC, CK, UNIQ, PLE, CNT และอีก 2 บริษัทนอกตลาดฯ วันประกวดราคาคือ 2 ส.ค. และประกาศผล 11 ส.ค. นี้ คาดเริ่มก่อสร้าง ก.ย. 2017 ข่าวนี้เป็นประเด็นในการเก็งกำไรกลุ่มรับเหมา โดยหุ้นที่เราชอบที่สุดคือ CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท)
(+) AIT ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้ทำได้ตามเป้า 5 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่สูง 3.27 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อและรอประมูลอีกกว่า 1 พันล้านบาท งานส่วนใหญ่ 70% เป็นงานภาครัฐ แม้จะให้อัตรากำไรต่ำกว่างานภาคเอกชนแต่มีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก เรายังมั่นใจกับคาดการณ์กำไรปีนี้เติบโต +30% Y-Y ฟื้นตัวเป็นปีแรกในรอบ 3 ปี ยังแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 31 บาท จุดเด่นคือ Dividend yield ที่คาด 7% ต่อปี จ่ายปีละ 2 ครั้ง
(0) FTSE SET Index ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่มีผล 19 มิ.ย. นี้
FTSE SET Large Cap Index ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อ
FTSE SET Mid Cap Index มี 6 หุ้นใหม่ที่เข้าคำนวณคือ BPP, EA, KSL, TPIPP, VNT, WHAUP ไม่มีหุ้นเอาออก
FTSE SET Shariah Index มี 15 หุ้นใหม่ที่เข้าคำนวณคือ ADVANC, BCPG, BPP, CMR, CTW, LANNA, MACO, NWR, ORI, PYLON, SCI, SQ, TKS, TNR, UTP เอาออก GUNKUL, BA, ANAN, SVI, JWD, HFT, CFRESH, UMI, ABC