- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 June 2017 16:53
- Hits: 1185
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้านสำคัญ 1575 แนวรับ 1560 และ 1550
SET Index: 1567.35 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 1570 จุด หลังจากถูกขายออกมาที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1575 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อวันก่อน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1560 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1575 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1590 จุดตามโครงสร้างในระยะยาวเป็นแนวต้านสำคัญ
แนวต้าน : 1568 และ 1570
แนวรับ : 1564 และ 1560
EARTH = 1.50/1.60, PTT = 380/385, TRUE = 5.90/6.10, CPALL = 62.00/63.00, NOK = 4.40/4.60
MC Group (MC TB; THB 19.70) -ซื้อ
แนวต้าน : 21.00 และ 21.50
แนวรับ : 19.70 และ 19.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานจากแรงขายทำกำไรไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ MC โดยมีแนวรับที่ 19.70 และ 19.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21.00 และ 21.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 19.30 ลงไป
T.C.J. Asia (TCJ TB; THB 9.70) -ซื้อ
แนวต้าน : 10.20 และ 10.50
แนวรับ : 9.70 และ 9.60
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้ม ขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ TCJ โดยมีแนวรับที่ 9.70 และ 9.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 10.20 และ 10.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 9.40 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…แรงซื้อต่างชาติยังต่ำ
ประเด็นที่ต้องติดตามในวันนี้คือ 1. ผลการเลือกตั้งของอังกฤษ 2. การประชุม ECB และ 3. ผลการไต่สวนนาย James Comey อดีต ผ.อ. FBI ผลประเด็นที่ 1 และ 2 ตลาดคาดว่าจะไม่มีผลอะไรกับตลาดมาก หากมีน่าจะออกมาในเชิงบวกหรือทรงๆตัว ส่วนประเด็นที่ 3 ยากแก่การคาดเดา ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ช่วงบ่ายๆ อาจจะผันผวนได้ทั้งเชิงบวกและลบ แต่ในวันพรุ่งนี้น่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจน ส่วนในสัปดาห์หน้า ถือเป็นสัปดาห์สำคัญที่ต้องติดตามผลการประชุม FOMC ที่คาดกันว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชียตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือน พ.ค. จากรูปด้านซ้าย พบว่าจะไหลเข้ามากในตลาดหุ้นไต้หวัน เกาหลีและอินเดีย ซึ่งเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ส่วนในตลาดหุ้นอาเซียน การลงทุนของต่างชาติยังต่ำมาก แต่มีทิศทางที่ดี โดยในตลาดหุ้นไทย ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่ปริมาณน้อยมาก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะต้องการรอดูกำไรของตลาดใน Q2/17 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรอดูมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ อย่างไรก็ตามการที่อัตราการทำกำไรของตลาดใน Q1/17 เริ่มทรงตัวไม่แย่ลง และเศรษฐกิจภายในเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นแบบอ่อนๆ น่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติ ค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหลังการประกาศงบ Q2/17 ในเดือน ก.ค.
กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ขึ้นได้ดีสุดในปี 2017 ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ขึ้นได้น้อยในปี 2016 และพื้นฐานเริ่มฟื้นตัว อย่าง บันเทิง อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และการบิน นอกนั้นจะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิงสงค์จากต่างประเทศ อย่าง ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนรถยนต์ และชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ ส่วนหุ้นใหญ่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พลังงาน ค้าปลีก ท่องเที่ยว อาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าเกษตรและโรงพยาบาล ดัชนีกลุ่มยังติดลบ (ดูจากรูปด้านขวา) เรามองว่าหลังจากนี้ ที่ตัวเลขเศรษฐกิจภายในค่อยๆ ฟื้นตัว หุ้นที่โตจากภายในและยังไม่ขึ้น น่าจะกลับมาโดดเด่น อย่าง ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว (การบิน) อาหารและโรงพยาบาล ส่วนพลังงานจะประคับประคองตัว จนกว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นใหม่
กลุ่มที่เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาอย่างชัดเจน คือ รับเหมา การบิน และโรงพยาบาล หลังมีข่าวหนุนและดัชนีกลุ่มทรงตัวในระดับต่ำในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนในช่วงที่ตลาดยังแกว่งในกรอบแคบแบบ Sideway up หุ้นที่กล่าวมาข้างต้นยังพอเล่นเก็งกำไรได้ ส่วนพลังงานหลังราคาหุ้น PTTEP ดีดตัวขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีแต่คงยังไปได้ไม่ไกล จนกว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวขึ้นรอบใหม่หรือรอให้งบ Q2/17 ออก
คาดทิศทางดัชนีในช่วงปลายสัปดาห์นี้ น่าจะมีโอกาสค่อยๆ ปรับตัวขึ้น หลังยังไม่เห็นปัจจัยเชิงลบที่จะเข้ามากระทบกับตลาด อย่างไรก็ตามดัชนีก็มีโอกาสที่จะเผชิญกับแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นได้เหมือนกันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันแต่คงไม่แรง วันนี้มองดัชนีเปิดขึ้นมาน่าจะลงไปในแดนลบ แล้วค่อยๆ เล่นขึ้น จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม การบิน ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และโรงพยาบาล วันนี้มองแนวต้านที่ 1570-1574 จุด ส่วนแนวรับที่ 1562-1558 จุด และแนะนำ ซื้อเก็งกำไร BA GLOBAL CPALL SPALI
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,567.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด (+0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 19,494.38 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบแคบ ขณะที่นักลงทุนยังรอดูปัจจัยจากต่างประเทศทั้งการเลือกตั้งในอังกฤษ การประชุม ECB และอดีต ผอ.FBI ให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐในประเด็นรัสเซียในวันนี้
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย แกว่งในกรอบ 1565-1572 จุด ภาพตลาดโดยรวมยังแกว่งตัวในกรอบเดิมๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่รอรับรู้ผลกระทบจากเหตุการณ์ใหญ่ 3 เรื่อง คือ 1) ผลการเลือกตั้งในอังกฤษ 2) ผลการประชุม ECB 3) ผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ทาให้นักลงทุนที่มีการลดพอร์ตไปก่อนหน้านี้จะยังไม่กลับเข้ามาจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ภาพรวมของตลาดจะมุ่งเน้นไปที่การเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่มีประเด็น เราแนะนำให้เลือกเก็งกำไรในกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q17 จะออกมาดี โดยกลุ่มที่เราชอบจะเป็นกลุ่มเช่าซื้อ แนะนำ SAWAD, ECL,THANI, KCAR
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
MC Group (MC TB; THB 19.70) - ซื้อ
T.C.J. Asia (TCJ TB; THB 9.70) - ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance สัปดาห์หน้า : NOK (กรณีหุ้นแม่ติด ฯ Warrant ทุกตัวของหุ้นนั้นจะติดตามด้วย)
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]