WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ทิศทางตลาด
  ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับลดลงตามตลาดต่างประเทศภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 8/6/60 นี้ รวมถึงประเด็นที่กลุ่มชาติอาหรับตัดความสัมพันธ์ทางการฑูตกับการ์ต้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่ปรับลดปริมาณการผลิต เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน  นอกจากนี้ยังมีความกังวล หลังสหรัฐฯ มีความพยายามถอนตัว ออกจากข้อตกลงปารีสฯ ซึ่งเป็นการเปิดทางให้ ผู้ผลิตน้ำมัน/ก๊าซ ในสหรัฐฯ เร่งผลิตกันมากขึ้น และภาพรวมยังเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันและคาดยังมีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
  ขณะที่มีการเข้าให้ปากคำของนายโคมีย์ (อดีต ผอ.FBI) ต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 8/6/60 เช่นกัน คาดยังเป็นปัจจัยที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาด (แม้กรณีเลวร้ายเราคาดว่าจะไม่ถึงขั้นถอดถอน นายโดนัล ทรัมป์) คาดข้อมูลที่นายโคมีย์ เปิดเผย อาจจะสร้างผลกระทบทั้งทางด้านกฎหมายและการเมืองต่อ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐ และอาจส่งต่อค่าเงินสหรัฐฯ
  นอกจากนี้ยังแนะติดตาม (1) การประชุม ECB ในวันที่ 8/6/60 ที่คาดมีส่งการสัญญาณทิศทางมาตรการ QE? และ (2) การประชุมเฟด 13–14/6/60 คาดน้ำหนักต่อประเด็นที่เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ล่าสุด Fed Fund Future สะท้อนโอกาส 94% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้)  รวมถึงประเด็นที่เฟด ส่งสัญญาณทยอยลดงบดุล ปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ภายในปีนี้ ที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป 
  ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำ คาดได้รับปัจจัยเข้ามาบ้างจาก Fund Flow ภายใต้แรงซื้อสุทธิของต่างชาติ แม้มูลค่ายังไม่มากนัก และยังมีความผันผวนอยู่ 
  ยังแนะติดตามกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น

SET SET50 SET100
1,566.85    -0.75 988.36     -1.86 2,230.87     -3.24

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -22.25, NASDAQ -10.11, S&P -2.97, FTSE -21.87, CAC -35.52 และ DAX +158.02
ภายใต้ความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ (1) การโจมตีกรุงลอนดอน ก่อนการเลือกตั้งของอังกฤษจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (8/6/60) ขณะที่คะแนนนิยมพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกฯ ลดลงอีก และ (2) ชาติอาหรับ เช่น บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการฑูตกับกาตาร์ โดยอ้างเหตุผลว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
  และยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (1) ดัชนีภาคบริการของ ISM – พ.ค. อยู่ที่ 56.9 ลดลงจาก 57.5 เมื่อเม.ย. และต่ำกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 57.0 และ (2) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน – เม.ย. ลดลง 0.2% ซึ่งปรับลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อมี.ค.
  ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) จะแถลงต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 8/6/60 เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ และรัสเซีย
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป อยู่ระหว่างรอการประชุมนโยบายการเงินของ ECB  (8/6/60) ว่า ECB จะส่งสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่?

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.24 1.88 3.11
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,672.90
สถาบัน  -1,749.47
บัญชีหลักทรัพย์  +626.96
ต่างประเทศ  +490.08
ในประเทศ  +632.43

  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$0.26 อยู่ที่US$47.40 ต่อบาร์เรล หลังชาติอาหรับได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ข้างต้น ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และความกังวังต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ตั้งแต่กลางปี’59 อยู่ที่ 9.34 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเป็นใกล้เคียงกับระดับของซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. +US$2.5 อยู่ที่ US$ 1,282.7 ต่อออนซ์ ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองทั้งของต่างประเทศข้างต้น ส่งผลให้เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +490 ล้านบาท สะสม YTD +13,829 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 6 - 9 มิ.ย. 2560 
  6/6/60 ไม่มีเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
  7/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   สต็อกน้ำมัน
  8/6/60 ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และเลือกตั้งอังกฤษ
สหรัฐฯ เปิดเผย
   ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

9/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
   สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย. 

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.18%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.32 อยู่ที่ 10.07

หุ้นแนะนำ : LPH
 นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์      โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!