- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 06 June 2017 16:54
- Hits: 1700
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET lndex: แนวต้านสำคัญ 1575 แนวรับ 1560 และ 1550
SET lndex: 1566.78 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่ำกว่าระดับ 1570 จุด หลังจากถูกขายออกมาที่บริเวณแนวต้านสำคัญ 1575 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1560 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด แต่ถ้าสามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1575 จุดขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1590 จุดตามโครงสร้างในระยะยาวเป็นแนวต้านสำคัญ
แนวต้าน : 1567 และ 1570
แนวรับ : 1564 และ 1560
ADVANC = 170/172, PTT = 380/385, lNTUCH = 54.00/55.00, PTTEP = 85.50/86.50, DTAC = 44.50/46.00
Thai Airways International (THAI TB; THB 19.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 21.00 และ 21.50 / แนวต้านสำคัญ 22.00
แนวรับ : 19.90 และ 19.70
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างต่อเนื่องเพื่อสร้างฐาน ล่าสุด ราคาหุ้นสามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ THAI โดยมีแนวรับที่ 19.90 และ 19.70 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21.00 และ 21.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 19.20 ลงไป
Tata Steel (Thailand) (TSTH TB; THB 0.94) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.00 และ 1.05 / แนวต้านสำคัญ 1.15
แนวรับ : 0.94 และ 0.92
ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 50
แนะนำซื้อ TSTH โดยมีแนวรับที่ 0.94 และ 0.92 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1.00 และ 1.05 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.90 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…รับเหมา-พลังงาน
ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ยังต้องติดตามดูผลการเลือกตั้งในอังกฤษและการประชุม ECB ในวันที่ 8 มิ.ย. นอกนั้นจะเป็นราคาน้ำมันสภาพตลาดหุ้นโดยทั่วๆไป คาดจะยังเทรดในกรอบแคบ หลังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ซึ่งยังต้องรอไปถึงปลายเดือนหรือต้นเดือนหน้า ที่จะเริ่มมีการเก็งเรื่องงบ Q2/17 ส่วนผลการแถลงของผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องค่าเงินบาท ส่วนใหญ่มุ่งแก้กฎระเบียบให้นักธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยค่าเงินบาทยังเทรดบริเวณ 34 บาท/ดอลลาร์ ส่วนความกังวลเรื่องการแข็งตัวของค่าเงินบาท ยังต้องติดตามดูกันต่อ โดยหากค่าเงินบาทไม่แข็งตัวขึ้นต่อหรือเริ่มอ่อนตัวลง ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นว่า ธปท.เริ่มที่จะเข้าไปจัดการกับการแข็งตัวของค่าเงิน
สัญญาณในเชิงบวกอีกประการ คือ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มมีให้เห็นชัดเจนขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจภายในส่งสัญญาณการฟื้นตัว หากเริ่มซื้อต่อเนื่องก็น่าที่จะพยุงดัชนีได้ อย่างไรก็ตามแรงซื้อของต่างชาติที่เป็นอยู่ยังถือว่าน้อย แต่มีทิศทางที่ดี กลุ่มที่คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาน่าจะเป็นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์สร้างบ้าน ค้าปลีก รับเหมา และโรงพยาบาล เนื่องจากเป็นกลุ่มที่กำลังส่งสัญญาณการฟื้นตัว ต่างชาติถือหุ้นน้อยและราคาไม่แพง อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้แม้จะมีแรงขายหุ้นพลังงาน PTT PTTEP แต่ดัชนีก็ไม่ลง เนื่องจากมีแรงซื้อหุ้นธนาคารเข้ามาค้ำ โดยประเด็นที่ทำให้เกิดแรงขายหุ้นพลังงานใหญ่ มาจากแหล่งผลิตน้ำมัน S1 ของ PTTEP ถูกระงับไม่ให้ผลิต โดยปริมาณการผลิตของแหล่งดังกล่าวอยู่ที่ 15,000 บารเรล์ต่อวัน ซึ่งคาดกันว่าจะกระทบกับราคาหุ้น PTTEP ประมาณ 5-7 บาท จากรูปด้านซ้าย ราคาหุ้น PTTEP ในรอบ 1 ปีลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
สัญญาณในเชิงบวกของกลุ่มนับเหมา คือ รัฐบาลเร่งการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า ล่าสุดได้อนุมัติการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองนอกจากนั้นเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบในการก่อสร้าง อย่าง ราคาเหล็กและปูนซีเมนต์ ปรับตัวลดลง ส่งผลให้มาร์จิน ของบริษัทรับเหมาเพิ่มขึ้นที่สำคัญที่สุดในแง่การลงทุนคือ ราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ ยังไม่ขึ้น หากดูดัชนีกลุ่ม 8 บริษัทอย่าง ITD STEC CK UNIQ SRICHA TTCLSYNTEC และ TRC ในช่วง 5 ปี เทียบ +/-1 และ +/-2 SD พบว่ากำลังเทรดที่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น ภาพตรงนี้กำลังสะท้อนให้เห็นว่า หากกลุ่มเริ่มมีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนขึ้น ราคาหุ้นน่าจะขึ้นได้มากกว่านี้
นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน จากรูปด้านขวา พบว่า หุ้นในกลุ่มนี้ลดลงจากต้นปีประมาณ -10% เทียบกับ SET +3% โดย STEC ขึ้นได้มากสุดแต่ยังติดลบ เมื่อเทียบต้นปี ส่วนที่ขึ้นน้อยสุด คือ UNIQ CK และ ITD หุ้นในกลุ่มนี้ คาดน่าจะเริ่มมีแรงซื้อลงทุนเข้ามา อย่างช้าๆ ตามพื้นฐานของแต่ละบริษัท โดยที่เด่นสุดทางพื้นฐานตอนนี้ คือ STEC ทั้งเป็น Net cash (ไม่มีหนี้) และมี Backlog สูงสุด ส่วนในแง่ราคาที่ยังต่ำและมีโอกาศดีดตัวขึ้นตามหุ้นใหญ่ได้มาก คือ UNIQ
วันนี้มองทิศทางดัชนี SET อาจผันผวนบ้าง จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่น่าจะมีแรงซื้อหุ้นที่โตจากภายในเข้ามาค้ำตลาด นอกจากนั้นมองว่าแรงขายหุ้นพลังงานที่ออกมาเมื่อวานนี้น่าจะเริ่มหยุดหลังประเมินความเสียหายของ PTTEP มีไม่มาก โดยดัชนีวันนี้น่าจะแกว่งทั้งแดนบวกและลบ โดยมีแนวต้านที่ 1572-1576 และแนวรับที่ 1562-1558 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CPN BCH UNIQ และ PTTEP
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,566.78 จุด ลดลง 0.07 จุด (-0.00%) มูลค่าการซื้อขาย 20,319.88 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งในกรอบ 1564-1569 จุด โดยมีแรงขายในหุ้น Big Cap.ในกลุ่มสื่อสาร พลังงานและธนาคาร ติดตามการประชุม ECB (8 มิ.ย.) และการประชุมของเฟดในสัปดาห์หน้า (13-14 มิ.ย.)
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ผันผวน ในการซื้อขายช่วงเช้าเริ่มมีแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน สื่อสารและธนาคาร ออกมาบ้าง ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันในประเทศ และหากแรงขายยังคงหนาแน่นต่อในภาคบ่ายจะมีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลงแรงได้ โดยเฉพาะหาก SET ต่ำกว่าระดับ 1565 จุดลงไป จากมุมมองดังกล่าวเรามองว่ามีความเสี่ยงที่ SET อาจจะปรับฐานตามมาหลังจากนี้ได้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นก่อนในทุกๆรอบที่เฟดมีแนวโน้มที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนแนวต้านหลักยังอยู่ในระดับ 1572 จุด ระยะสั้นยังเน้นเก็งกำไรรายตัว เราแนะนำ IRPC, CPF, BR
Technical Pick (PM)...
Thai Airways International (THAI TB; THB 19.90) - ซื้อ
Tata Steel (Thailand) (TSTH TB; THB 0.94) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]