- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 June 2017 17:10
- Hits: 779
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway Up? คาดดัชนียังมี Momentum เชิงบวกต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน แต่ด้วยแรงที่อ่อนลง โดยแม้ตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลกยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ (สหรัฐ รวมถึงตลาดหลักอย่าง DAX ในยุโรป) แต่ประเด็นความไมแน่นอน ทั้งจากการเข้าให้ปากคำของนายโคมีย์ ต่อสภาสหรัฐ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดบ้างในช่วงกลางสัปดาห์ (แม้กรณีเลวร้ายเราคาดว่าจะไม่ถึงขั้นถอดถอน นายโดนัล ทรัมป์) ขณะที่ กลุ่มพลังงานเริ่มมีความกังวลกันว่า การพยายามถอนตัวของสหรัฐ ออกจากข้อตกลงปารีสฯ จะเปิดทางให้ ผู้ผลิตน้ำมัน/ก๊าซ ในสหรัฐ เร่งผลิตกันมากขึ้น โดยประเมินกันว่า สหรัฐจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้าอีกราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนั่นเป็นจำนวนพอๆ กับที่กลุ่ม OPEC-NonOPEC ช่วยกำลังลดการผลิตอยู่ที่ราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในดัชนี
กลางสัปดาห์นี้แนะติดตาม การให้ปากคำของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ต่อคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรอง ของวุฒิสภาสหรัฐ (Senate Intelligence Committee) ในวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งคำกล่าวหรือข้อมูลที่นายโคมีย์เปิดเผย อาจจะสร้างผล กระทบทั้งทางด้านกฎหมายและการเมืองต่อ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐ และส่งผลกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์
ทั้งนี้เพิ่มน้ำหนักต่อประเด็นที่เฟดพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14 มิ.ย. นี้ (ล่าสุด Fed Fund Future สะท้อนโอกาส 94% ที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้) รวมถึงประเด็นที่เฟด ส่งสัญญาณทยอยลดงบดุล ปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ภายในปีนี้ ที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ไป
พร้อมแนะติดตาม ประเด็นต่างประเทศ (1) การประชุม ECB ในวันที่ 8/6/60 ที่คาดมีส่งการสัญญาณทิศทางมาตรการ QE อย่างไรก็ตามล่าสุดประธาน ECB ระบุว่ายังมีความจำเป็นใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
และ (2) การเลือกตั้งในอังกฤษ วันที่ 8/6/60
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการขายซองประมูลราคา โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น
SET SET50 SET100
1,567.60 +4.49 990.22 +2.43 2,234.11 +6.66
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +62.11, NASDAQ +58.97, S&P +9.01, FTSE +3.86, CAC +24.74 และ DAX +158.02
ตลาดหุ้นสหรัฐ ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่เป็นวันที่ 2 โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ แม้ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์ก็ตาม
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขยอดขายรถยนต์ที่ดีเกินคาด แต่หุ้นกลุ่มพลังงานถูกกดดัน หลังจากสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงเรื่องการรักษาสภาพอากาศปารีส (Paris Deal) ทำให้เกรงกันว่าสหรัฐจะผลิตเชื่อเพลิงฟอสซิลมากขึ้นและกดดันราคาในตลาดโลก
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -70 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 47.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ผลจากการที่สหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปารีส และตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มขึ้น เป็นสัปดาห์ที่ 20 ติดต่อกัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 10.1 ดอลลาร์ หรือ 0.80% ปิดที่ 1,280.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำเกินคาดของสหรัฐ และกดดันดอลลาร์ให้ร่วงลง และทำให้นักลงทุนมีความกังวลลดลง จากเดิมที่คาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปี
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,234 ล้านบาท สะสม YTD +13,340 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.20 1.88 3.11
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,052.01
สถาบัน +307.97
บัญชีหลักทรัพย์ -834.23
ต่างประเทศ +1,233.50
ในประเทศ -707.25
ประเด็นที่ต้องติดตาม 5 - 9 มิ.ย. 2560
5/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
ข้อมูลที่มีการปรับแก้ไขของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 1Q/60
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.
ดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนพ.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนเม.ย.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.
6/6/60 ไม่มีเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
7/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
8/6/60 ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และเลือกตั้งอังกฤษ
สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
9/6/60 สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.0542 อยู่ที่ 2.159%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.14 อยู่ที่ 9.75
หุ้นแนะนำ : WORK
นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค โทร .02-684-8796