- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 02 June 2017 17:14
- Hits: 30023
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET ยืนเหนือ 1560'
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้น 1.45 จุดปิดที่ 1563.11 สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท หลังขายสุทธิ 1.6 พันล้านบาทไปเมื่อวานนี้ ต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 1.5 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 1.7 พันกว่าล้านบาท กลุ่มแบงค์ใหญ่นำขึ้น
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนพ.ค.แกร่งเกินคาด (+2.53 แสนตำแหน่ง) และดัชนีภาคการผลิต ISM ขยายตัวต่อเป็นเดือนที่ 96
+/- การถอนตัวของสหรัฐจากข้อตกลงปารีส ทำให้กฎเกณฑ์เรื่องปล่อยมลพิษผ่อนคลายลง สหรัฐอาจใช้น้ำมันมากขึ้น แต่ไม่เป็นผลดีต่อการค้าการลงทุนของสหรัฐกับประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในข้อตกลงราว 200 ประเทศ
-/ ประเด็นติดตามเดือนมิ.ย. : 1) ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ค.ของสหรัฐ ตลาดคาด +185,000 ราย, 2) เลือกตั้งอังกฤษ 8 มิ.ย. เชื่อนางเมย์จะชนะเลือกตั้งแบบไม่ทิ้งห่างคู่แข่งมาก, 3) ประชุมเฟด 13-14 มิ.ย. โอกาสที่ปรับขึ้นยัง >80% ,4) ปัญหาคาบสมุทรเกาหลี
- การแข็งค่าของเงินบาทอาจยาวถึงเดือนก.ค.60 เพราะ CTBC จะนำเงินเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน LHBANK ถ้าผู้ถือหุ้นอนุมัติให้วันที่ 12 ก.ค.นี้ มูลค่าเม็ดเงินราว 488 ล้านUS$ ซึ่งมีข่าวว่าจะค่อยๆเข้ามา 7-10 วันเพื่อไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนกระเพื่อมมากเกินไป
+ กลุ่มท่องเที่ยว : จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไตรมาส 1 ปีนี้ +1.7%YoY, เม.ย.60 เพิ่มเป็น +7%YoY แนวโน้มดี...หุ้นเด่นเป็น MINT ที่คาดกำไรปีนี้บวกแกร่ง 23% แนะซื้อ ให้ TP 46 บาท รองลงมาเป็น ERW คาดกำไรโต 15% แนะซื้อ ให้ TP 5.80 บาท
+ SAMTEL:คาดกำไรปีนี้โต 147% เพราะได้งานใหม่เพิ่ม GPM ดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายน้อยลง โดยกำไร 2H>1H แนะซื้อ ให้ TP 14.7 บาท
+ หุ้นกลยุทธ์สำหรับเดือนมิ.ย.60 เราเลือกเป็น AMATA, SEAFCO, TISCO ส่วน Dark Horse คือ BIG, WHAUP (สำหรับเดือนพ.ค.60 หุ้นกลยุทธ์เราให้ Return +8.6% ดีกว่าตลาดที่ -0.2%)
สำหรับหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น SAMTEL
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ แนวต้าน 1570 หรือ 1575-1580 แนวรับ 1550, 1530-1520 เน้นซื้อตามค่าบวก
สำหรับการ SCAN หุ้น New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น SAMART, SAMTEL, PTG, CM ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น UTP, ROJNA, ANAN, BRR, WICE, BTS, HMPRO, TWP หุ้นที่หลุด List -ไม่มี- ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่ Take Profit -ไม่มี-
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.เพิ่มดีเกินคาดถึง 2.53 แสนตำแหน่ง
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 185,000 ตำแหน่ง และดีกว่า 174,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.60 ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.สหรัฐต่อในวันนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 1.85 แสนตำแหน่ง
+ สหรัฐ : ภาคการผลิตขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 96
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของ ISM ขยับขึ้นเป็น 54.9 ในเดือนพ.ค. จาก 54.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 54.5 โดยดัชนีภาคการผลิตขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 96
+/- ทรัมป์ทวีตว่าสหรัฐจะถอนตัวจากความตกลงปารีส
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความว่าเขาจะนำสหรัฐถอนตัวออกจาก "ความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาการแปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ" ตามที่เขาได้เคยสัญญาไว้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตลาดมองว่าการถอนตัวดังกล่าวจะทำให้มีการยกเลิกกฎระเบียบควบคุมการปล่อยมลพิษ และอาจทำให้สหรัฐใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเทศเกือบ 200 ประเทศได้ให้การสนับสนุนความตกลงนี้ที่กรุงปารีสในปี 2558 เพื่อลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล หากสหรัฐไม่เข้าร่วมก็อาจจะถูกต่อต้านจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นไม่ผลดีต่อการค้าการลงทุน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นแรง
ดัชนี DJIA ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 มิ.ย.) และดัชนี S&P 500 & Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค.พุ่งขึ้นดีเกินคาด ปิดตลาดดัชนี DJIA +135.53 จุด ดัช S&P 500 +18.26 จุด และดัชนี Nasdaq +48.31 จุด
สัญญาน้ำมันดิบ : ปิดทรงๆ ตัว
เมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ขยับขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 48.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 50.63 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย API รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 513.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว และ EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล
- สัญญาทองคำ : อ่อนตัวลงหลังตัวเลขแรงงานและการผลิตสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 5.3 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ระดับ 1,270.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
-/ อัตราเงินเฟ้อไทยเดือนพ.ค.กลับมาติดลบ…คาดไทยจะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป
# กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยดัชนี CPI เดือนพ.ค.ว่า -0.04%YoY (กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 14 เดือน) เนื่องจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารลดลง แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้ายัง +0.15%MoM สำหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 0.81% โดยหลักมาจากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น สำหรับ CPI พื้นฐานเดือนพ.ค.60 อยู่ที่ +0.46% ชะลอตัวจาก +0.50% ในเดือนเม.ย.60
# นักวิเคราะห์มีแนวโน้มที่จะปรับลดประมาณการอัตราเงินเฟ้อของไทยปีนี้ลง เนื่องจากเงินเฟ้อ 5 เดือนแรกปีนี้ต่ำกว่าคาด และแนวโน้มการปรับขึ้นน้อยลงหลังราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นช้าเพราะอุปทานสูง โดยปัจจุบัน DBS Bank คาดการณ์เงินเฟ้อของไทยปีนี้ไว้ที่ 1.6%
# คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ระดับ 1.5% ไปถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อกดดันน้อยลง ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
+ ธุรกิจท่องเที่ยว : เติบโตได้ใน 1Q60 และมีโมเมนตัมดีต่อใน 2Q60
# งวด 1Q60 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทย +1.7%YoY เป็น 9.2 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ เข้ามามากขึ้น ชดเชยการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนได้ ส่วนกำไรของหุ้นในกลุ่มโรงแรมที่ DBSV ทำการวิเคราะห์ (MINT, ERW, CENTEL) มีกำไรสุทธิเติบโต 11%YoY เพราะมีธุรกิจโรงแรมมี RevPar เพิ่มขึ้น ธุรกิจอาหารทำกำไรได้ดีขึ้นจาก SSSG ที่เป็นบวก, ขยายสาขาเพิ่ม และลดต้นทุนดำเนินงานได้ โมเมนตัมยังไปได้ดี โดยในเดือนเม.ย.60 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคง +7%YoY เป็น 2.8 ล้านคน
# โครงสร้างรายได้ของแต่ละบริษัท - MINT มีรายได้จากในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50%, ERW มีรายได้ในประเทศ 99% ต่างประเทศ 1% ส่วน CENTEL มีรายได้ในประเทศ 91% และต่างประเทศ 9%
# นักวิเคราะห์ DBSV คาด Core Profit ปี 60 ของกลุ่มจะเติบโต 18% นำโดย MINT (+23%), ERW (+15%) และ CENTEL (+7%) ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ MINT เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานให้ไว้ที่ 46 บาท ส่วน ERW ให้ราคาพื้นฐาน 5.8 บาท และ CENTEL ให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]