- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 29 May 2017 17:17
- Hits: 866
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
คาดตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้หลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธแบบพิสัยสั้นซึ่งตกลงในทะเลใกล้ญี่ปุ่นเมื่อเช้าวันนี้ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจะตอบสนองเรื่องดังกล่าวเพียงเล็กน้อย แต่สถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านยังคงตึงเครียด และสหประชาชาติและสหรัฐอาจเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น อีกปัจจัยลบหนึ่งคือ จุดยืนของทรัมป์ที่แข็งกร้าวต่อพันธมิตรยุโรปในระหว่างการเยือน NATO ดูไม่ค่อยดีกับการค้าและการเมืองโลกเท่าไหร่นัก ปัจจัยภายในประเทศค่อนไปทางลบ นายกฯ กล่าวว่าการเลือกตั้งปีหน้าอาจเลื่อนออกไปอีกเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่อัตราการว่างงานไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.2% จาก 1% ในไตรมาส 4/59
หุ้นเด่นวันนี้ : AMATA (16.80บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 20.90 บาท)
บมจ. อมตะคอร์ปอเรชั่น จะเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยตรงจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาลไทยซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าเงินลงทุนร่วมทั้งภาครัฐบาลและเอกชนรวม 1.5 ล้านล้านบาท โดย EEC จะเป็นแรงปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับการเติบโตของรายได้และกำไรของ AMATA ในช่วงปี 2560-2563 หลังจากผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวในปี 2556-2559 เนื่องจากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDl) ต่ำจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศช่วงที่ผ่านมาและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวย การฟื้นตัวของผลกำไร และทิศทางธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมชของ AMATA เพิ่งชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4/59 ภายใต้ ECC ซึ่งให้สิทธิประโยชน์พิเศษด้านการลงทุน ในสามจังหวัดภาคตะวันออกที่สำคัญ ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เนื่องจาก AMATA ดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สองแห่งในประเทศ คือ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี และอมตะซิตี้ จ.ระยอง เราเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของ AMATA จะสดใสในอีกหลายปีข้างหน้า AMATA มีเป้าหมายที่จะขายที่ดินในปี 2560 และ 2561 ปีละประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งเป็นมากกว่า 638 ไร่ที่ขายได้ในปี 2559 ที่ดินของ AMATA ที่มีไว้เพื่อขายมีรวม 14,137 ไร่ เพียงพอสำหรับการสร้างรายได้นานกว่า 10 ปี
เราคาดว่าราคาที่ดินจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาและความคืบหน้าของ EEC เราคาดว่ากำไรของ AMATA จะเพิ่มขึ้น 18% ในปี 2560 และ 17% ในปี 2561 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PER ในอนาคตเพียง 10.8 เท่าในปี 2560 ซึ่งจะลดลงเหลือ 8.9 เท่าในปี 2561 ซึ่งถือว่าต่ำเกินไป เราให้ราคาเป้าหมาย 20.90 บาท โดยอิง PER เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 13.4 เท่าและมีส่วนต่างจากราคาปัจจุบันที่ 24% Price Pattern ของ AMATA มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ก็จะยืนยันถึงแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหากปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 17.80 บาท ก็จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ทันที เป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 17.20 บาท ซึ่งหากสามารถ Break ระดับดังกล่าวขึ้นไป จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 19.20 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 21.20 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 14.90 บาท (Resistance: 17.00, 17.20, 17.40; Support: 16.70, 16.50, 16.30)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
การเลือกตั้งไทยส่อเลื่อนไปอีก นายกฯ กล่าวในรายการโทรทัศน์วันศุกร์ว่าการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าอาจต้องเลื่อนไปจนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะสงบเนื่องจากเหตุระเบิดที่ รพ.พระมงกุฎ (Bangkok Post)
อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นไตรมาส 1/60 สภาพัฒน์ระบุว่าอัตราการว่างงานในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้นสู่ 1.2% หรือราว 4 แสนคน เพิ่มจาก 0.97% ในไตรมาส 1/59 และ 1% ในไตรมาส 4/59 เป็นเพราะการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้นในภาคการเกษตรรวมถึงจากภัยแล้ง และมีการจ้างงานที่ลดลงในภาคการส่งออกที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงภาคการก่อสร้างด้วย (Bangkok Post)ความเห็น: เราคาดว่าหน้าฝนที่มาเร็วกว่าปกติและส่งออกที่ฟื้นตัวน่าจะช่วยหนุนตัวเลขให้กลับมาในภายหลังได้
ICBC และสมาคมธนาคารไทยเซ็นต์ MoU ธนาคารไอซีบีซี สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกได้ลงนาม MoU เพื่อให้การช่วยเหลือและสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเร่งการลงทุนใน EEC การลงนาม MoU ดังกล่าวคาดว่าจะช่วยหนุนนักลงทุนทั้งไทยและจีนที่ต้องการลงทุนใน EEC (Bangkok Post)
'สมคิด'บินกล่อมญี่ปุ่นดึงลงทุนEECเชื่อมเส้นทางสายไหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปโรดโชว์ประเทศต่างๆ เพื่อชักจูงการลงทุนในไทย ล่าสุดกำลังจะเดินทางไปญี่ปุ่นวันที่ 4-8 มิถุนายน 2560 โดยไทยจะชี้แจงให้นักลงทุนเห็นว่าการมาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี (Eastern Economic Corridor : EEC) สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการ "วันเบลท์วันโรด" (One Belt One Road - OBOR) หรือเส้นทางสายไหมของจีนได้ เพราะไทยเป็นศูนย์กลางการคมขนคมขนส่ง และโลจิสติกส์ในภูมิภาค (แนวหน้า)
ต่างประเทศ :
ผู้นำของชาติที่ร่ำรวยประสบกับความยุ่งยากในการเจรจากับทรัมป์ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ในซิซิลีเมื่อวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐตำหนิพันธมิตร NATO อย่างรุนแรงและประนามเยอรมันเกี่ยวกับนโยบายทางการค้า (Reuters)
เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยสั้นเมื่อเช้านี้ ซึ่งตกลงในทะเลด้านชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ ขีปนาวุธดังกล่าวเชื่อว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยสั้น Scud ซึ่งพุ่งไปไกลราว 450 ก.ม. (280 ไมล์) เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธหลายสิบครั้งและทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ 2 ครั้งนับแต่ต้นปี 2559 สวนกับมติของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ จากการปรับตัวเลข GDP สหรัฐในไตรมาส 1/60 และข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนเม.ย. ลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีลดลง 2 bps อยู่ที่ระดับ 2.236% ส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี ลดลงสู่ระดับแบนราบมากที่สุดในรอบ 7 เดือน (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อวันศุกร์ หลังการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่คาดในขณะที่เงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงหลังมีผลสำรวจชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนนำลดลงก่อนการเลือกตั้งในเดือนหน้า ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.11% สู่ระดับ 97.357 หลังจากที่ปรับตัวขึ้นถึงระดับ 97.512 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่วันที่ 19 พ.ค. (Reuters)
ตลาดการเงินในสหรัฐและอังกฤษปิดทำการในวันนี้ เนื่องจากเป็นวันรำลึกทหารผ่านศึกและวันหยุดธนาคารฤดูใบไม้ผลิของสหราชอาณาจักร ส่วนจีนหยุดทำการในวันจันทร์และอังคารเนื่องในเทศกาลเรือมังกร (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ ก่อนวันหยุดยาวเนื่องในวันรำลึกทหารผ่านศึก แต่ดัชนี S&P500 และดัชนีแนสแดคปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีหลักทั้งสองหยุดการปรับตัวลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่สอง (Reuters)
เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.2% YoY ในไตรมาส 1/60 ดีกว่าประมาณการการขยายตัวที่ 0.7% และสูงกว่าประมาณการของตลาดที่ 0.9% ซึ่งเป็นประมาณการครั้งที่สอง ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวต่ำสุดในรอบ 1 ปี แต่ยังคงดีกว่าตัวเลขประมาณการการขยายตัวในไตรมาสแรกก่อนหน้านี้ซึ่งอ่อนแอที่สุดในรอบ 3 ปี (Tradingeconomics.com)
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐลดลง 0.7%MoM ในเดือนเม.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.2% หลังจากที่มีการปรับตัวเลขในเดือนมี.ค. เป็นเพิ่มขึ้น 2.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในปีนี้ เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องจักรลดลง 0.8% และยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนหดตัว 9.2% นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อรถยนต์และชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน (Tradingeconomics.com)
สัญญาฟิวเจอร์สที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสหรัฐบ่งบอกนักลงทุนมองว่ามีโอกาส 88% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมระหว่างวันที่ 14-15 มิ.ย. เทียบกับก่อนหน้านี้ที่มองว่ามีโอกาส 83% ก่อนการเผยแพร่ตัวเลข GDP ล่าสุดและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จากข้อมูลของ CMGroup,s FedWatch (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารปรับตัวลง ทำให้ตัวเลขดัชนีทั้งสัปดาห์ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับตัวลงหลังจากโพลสำรวจเผยคะแนนความนิยมของนายกฯ เทเรซา เมย์ จากพรรคอนุรักษ์นิยมที่นำพรรคแรงงานตกฮวบลง ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ (Reuters)
โพล YouGov เผยคะแนนนำของเทเรซา เมย์ ลดลง 5% ทำให้กระทบต่อสมมติฐานที่ว่าเมย์จะชนะการเลือกตั้งแบบท่วมท้นและจะช่วยหนุนกระบวนการ Brexit ให้ง่ายขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงปรับตัวลงเกือบ 4% นับตั้งแต่เมย์ประกาศเรื่องการเลือกตั้ง (Reuters)
เอเชีย :
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Shinzo Abe ประณามการเปิดตัวขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ และสาบานว่าจะดำเนินการพร้อมกับประเทศอื่น ๆ เพื่อยับยั้งการยั่วยุซ้ำ ๆ ของเกาหลีเหนือ(Reuters)
การชะลอการจำนองของฮ่องกง: ธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามมาตรการควบคุมความจำนองล่าสุดของ Hong Kong Monetary Authority (HKMA) ธนาคารพาณิชย์ต้องระดมทุนมากขึ้นเมื่อพวกเขาให้ยืมหลังจากที่ HKMA ปรับเพิ่มระดับความเสี่ยงจาก 10% เป็น 25% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังจำกัดจำนวนเงินกู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์บางราย และปรับลดอัตราส่วนการให้สินเชื่อ(Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดีดกลับวันศุกร์ แต่รายสัปดาห์แล้ว Brent ปิดลบเกือบ 3% หลังการตัดสินใจขยายการลดกำลังการผลิตเมื่อวันพฤหัสไม่คืบหน้าเท่ากับที่นักลงทุนคาดนัก น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 69 เซนต์ (+1.3%) ปิด 52.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะจุดต่ำสุดที่ 50.71 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 90 เซนต์ (+1.8%) ปิด 49.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะจุดต่ำสุดที่ 48.18 ดอลลาร์ (Reuters)
ทองคำบวกสู่จุดสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์วันศุกร์ เพราะความไม่แน่นอนในสหรัฐและท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ต่อ NATO และพันธมิตรในยุโรป ทำให้นักลงทุนหันมาต้องการทองมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น ทองคำตลาดจรบวก 1.1% ปิด 1,268.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สูงสุดนับแต่ 1 พ.ค. ทองคำสหรัฐล่วงหน้าปิดลบ 0.9% ที่ 1,268.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042