WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  คาดยังผันผวน? หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนพ.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ขณะที่เฟดจะมีการประชุมในเดือนมิ.ย. (13-14/6/60) คาดยังเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาดจนถึงวันประชุม รวมถึงประเด็นที่เฟดส่งสัญญาณทยอยปรับลดงบดุล ปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้านUSD ภายในปีนี้
  
  พร้อมแนะติดตามการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันนี้ (25/5/60) ในประเด็นที่จะพิจารณาขยายระยะเวลาปรับลดปริมาณการผลิตออกไปอีก 9 –12 เดือน จากเดิมครบกำหนดในเดือนหน้า คาดอาจมีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน (sell on fact) หลังการประชุมฯ แล้วเสร็จ และเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด 
  ส่วนประเด็นในประเทศ คาดยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow ภายใต้แรงซื้อสุทธิของต่างชาติ
ในช่วงที่ผ่านมา แม้มูลค่าอาจไม่มากนัก ขณะที่มีการประชุม กนง. วานนี้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ 1.50% ตามคาด
  นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
  ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น จากการขายซองประมูลราคา โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. มูลค่า 7,305 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดซองราคาในวันที่ 27/7/60 คาดมีแรงเก็งกำไรในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจนถึงวันประมูล โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ซื้อซองราคา เช่น ITD, CK, STEC, NWR, UNIQ และ PLE เป็นต้น

SET SET50 SET100
1,566.15 +1.46 991.62 +0.93 2,236.58 +1.60

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +74.51, NASDAQ +24.31, S&P +5.97, FTSE +29.61, CAC -6.82 และ DAX -16.28 หลังเฟดเปิดเผยรายงานประชุมประจำเดือนพ.ค. (2 –3/5/60) ออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ โดยเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น ตัวเลขการจ้างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้และความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน 
  ขณะเดียวกันได้หารือกันเกี่ยวกับแผนการปรับลดงบดุลบัญชีของเฟด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.5 ล้านล้านUSD โดยเห็นตรงกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาล และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ในปีนี้
  
  ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันจาก (1) Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินหยวนและสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของจีน ลงสู่ระดับ A1 จากระดับ Aa3 และ (2) ยอดขายบ้านมือสอง – เม.ย. ของสหรัฐฯ ลดลง 2.3%MoM อยู่ที่ 5.57 ล้านยูนิต มากกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง 1.1%
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปิดทำการก่อนทราบรายงานการประชุมของ เฟดข้างต้น โดยการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.26 1.88 3.13

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 39,943.89
สถาบัน 360.08
บัญชีหลักทรัพย์ -28.58
ต่างประเทศ 107.26
ในประเทศ -438.75

   ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. -US$0.11 อยู่ที่US$51.36 ต่อบาร์เรล อยู่ระหว่างรอประชุมผู้ผลิตน้ำมันในวันนี้ คาดหารือเกี่ยวกับข้อเสนอในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไป 9 -12 เดือน จากเดิมครบกำหนดมิ.ย.’60 
  ขณะที่ EIA เปิดเผย สต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด ลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$2.4 อยู่ที่ US$ 1,253.1 ต่อออนซ์ หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของเฟด คาดเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. 
(13 –14/6/60)
  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +107 ล้านบาท สะสม YTD +8,861 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
  
  (0) กนง. มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ 1.50%ต่อปี ตามคาด พร้อมระบุเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นหลังส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะผลของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจีน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก 

ประเด็นที่ต้องติดตาม 25 - 26 พ.ค. 2560 
  25/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
  26/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.ประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP –1Q/60
  
  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนพ.ค. 

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
  
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AOT ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.27%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.70 อยู่ที่ 10.02
  หุ้นแนะนำ : LIT

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!