- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 May 2017 18:00
- Hits: 1444
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ร่างงบประมาณของ Trump เป็นไปตามที่หาเสียง
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้ตามหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกจากร่างงบประมาณของ Trump ที่ส่วนใหญ่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้ แม้ว่าอาจจะไม่ผ่านสภาในทุกประเด็นก็ตาม เรามองว่าตัวเลขเศรษฐกิจจากสหรัฐและยุโรปล่าสุดมีทั้งบวกและลบ แต่ทั้งหมดบ่งชี้การปรับตัวดีขึ้น Moody ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจีนลง ซึ่งอาจทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนลดลงอีก แต่เหตุผลมาจากการที่ทางการจีนเคร่งกฎระเบียบเพื่อลดความเสี่ยงถือว่าเป็นบวกในระยะยาว ภายในประเทศรัฐบาลใช้มาตรา 44 เร่งการลงทุน EEC ถือเป็นปัจจัยบวก
หุ้นเด่นวันนี้ : KTC (ราคาปิด 132.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 170.00 บาท)
บมจ.บัตรกรุงไทย เป็นหุ้นเด่นในวันนี้ด้วยกลยุทธ์ consumer play บวกกับแนวโน้มที่สดใสและคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าไตรมาส 2 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ แต่เรายังคงมุมมองบวกต่อ KTC ในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากเราคาดว่า KTC น่าจะได้รับประโยชน์จากการบริโภคภาคครัวเรือนที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเติบโต 3.2% YoY ในไตรมาส 1/60 อีกทั้ง บริษัทตั้งเป้าที่จะออกแคมเปญทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง แนะนำกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ๆ และขยายตลาดต่างจังหวัด เพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตและส่วนแบ่งทางการตลาด ในไตรมาส 1/60 ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตของ KTC เติบโต 8.0% YoY สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 3.9% บ่งบอกถึงกลยุทธ์แคมเปญทางการตลาดของบริษัทอันมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้นแล้ว เรายังชื่นชอบ KTC ตรงที่บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งมาก โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ลดลงสู่ 1.65% จาก 1.66% ณ สิ้นปี 59 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500.0% จาก 472.8% ทำให้บริษัทมีแรงกดดันน้อยลงในการตั้งสำรองในอนาคต เราประมาณการพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทในปี 60 จะเติบโต 12% สูงกว่าเป้าของ KTC เล็กน้อยที่ 10% และเราคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 19.5% ในปี 60 และ 21.9% ในปี 61 นอกจากนี้ หุ้นดังกล่าวยังให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ 3.6% Price Pattern ของ KTC กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ แต่เมื่อพิจารณาแนวโน้มหลักยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KTC จากการกลับมาเกิดความแข็งแกร่งครั้งใหม่ในระยะสั้น มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 132.50 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 136.00 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KTC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 128.50 บาท (Resistance: 132.50, 133.50, 134.50; Support: 131.00, 130.00, 129.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ออกมาตรา 44 เพื่อเร่งการพัฒนา EEC เมื่อวานนี้รัฐบาลเห็นชอบให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อเร่งการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยมาตราดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในอีก 2-3 วันข้างหน้าครอบคลุม 3 ประเด็นคือ 1) เร่งกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ElA) 2) ให้อำนาจแก่คณะกรรมการที่ดูแลนโยบายการพัฒนา EEC ในการอนุมัติโครงการ PPP ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการ PPP 3) เพื่ออนุญาตให้บริษัทการบินเอกชนต่างชาติถือหุ้นธุรกิจการบินที่ลงทุนใน EEC ได้มากกว่า 50% (BangkokPost/The Nation) ความเห็น: การพัฒนา EEC คาดว่าจะดึงเงินลงทุนได้ 1.5 ล้านล้านบาทจากทั้งภาครัฐและเอกชนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับทะเล การบิน ที่ดินและการเชื่อมต่อระบบราง เราคาดว่าน่าจะมีผลมากต่อธุรกิจยานยนต์และปิโตรเคมีด้วย หุ้นที่เข้าข่ายได้ประโยชน์ได้แก่ AOT (ปิด 42 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 46 บาท) AMATA (ปิด 16.80 บาท) WIIK (4.98 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท) ETE (ปิด 4.10 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท) IRPC (5.10 บาท) IVL (ปิด 36.25 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 46 บาท) และ KCE (ปิด 102.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 128 บาท)
ประชุม กนง. วันนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินจัดประชุมวันนี้ คนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าน่าจะคงดอกเบี้ยที่ 1.5% (ธปท./ข่าวหุ้น)
รองนายกฯ สมคิดนำเอกชนเยือนลาวหารือเพิ่มการค้าทะลุหมื่นล. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นาคณะตัวแทนรัฐและเอกชนเยือนนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2560 พบกับนายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีของลาว เพื่อหารือแนวทางการสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และกระชับความร่วมมือการค้าการลงทุนระหว่างภาครัฐของทั้งสองประเทศ ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มเป็น 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564 (มติชน)
ส่อเลื่อนไอพีโอ่พีทีทีโออาร่คาดระดมทุนปี2562 หุ้นพีทีทีโออาร์ส่อแววล่าช้าไปถึง ปี 2562 เหตุรอหน่วยงานรัฐอนุญาตโอนสัญญา และยังติดเงื่อนไข พ.ร.บ.ร่วมทุน ต้องรอคณะกรรมการร่วมทุนฯ พิจารณา (กรุงเทพธุรกิจ, Pressreader)
AMATA(ราคาปิด 16.80 บาท) รายงานแนวโน้มธุรกิจผ่าน Opportunity Day ว่า บริษัทมีเป้าหมายการขายที่ดินในปี 2560 เท่ากับ 1,000 ไร่ (เป้าหมายเท่ากับปี 2559) ทั้งที่ในไตรมาส 1/60 เพิ่งขายได้เพียง 63 ไร่ และรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212%YoY แต่ลดลง 66%QoQ จากกำไรไตรมาส 4/59 ที่มักจะเป็นฤดูกาลที่ยอดขายสูงสุด การที่รัฐบาลเร่งการจัดตั้ง EEC ให้เกิดผลภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยข้อเสนอ 2 ประการที่จูงใจมากคือ 1.การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเดิมของ BOl ให้ 8 ปี ในเขต EEC จะเพิ่มให้เป็น 15 ปี 2.การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากฐานภาษีปัจจุบันที่สูงสุดที่ 35% จะเหลือเพียง 17% (กรณีของชาวต่างชาติ) (Opportunity Day ที่ SET) ความเห็น : เราคาดว่า EEC ส่งผลดีทางตรงต่อ AMATA อีกทั้งเมื่อเราพิจารณาจากงบการเงินย้อนหลังของผู้ประกอบการในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ในช่วงปี 2559 และไตรมาส 1/60 แล้ว AMATA มีการเติบโตในลักษณะที่เพิ่มขึ้น YoY ได้เป็นอย่างดีที่สุดในกลุ่ม ในส่วนของ AMATA ยังมีที่ดินรอการพัฒนาในเขตจังหวัดภาคตะวันออกอีกราว 14,000 ไร่ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าเพียงพอพัฒนาไปได้อีก 10 ปี โดยที่ดินที่มีอยู่มีแนวโน้มได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย IAA consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ AMATA ที่ 18.20 บาท EPS เฉลี่ยปี 2560 อยู่ที่ราว 1.33 บาท หรือ 1,420 ล้านบาท เติบโต 18%YoY PER ปี 2560 อยู่ราว 12.6 เท่า คาดว่ายังมี Upside เหลืออีกและ Consensus อาจจะปรับราคาเป้าหมายขึ้นได้อีก
ต่างประเทศ :
ทรัมป์เตรียมปรับลดงบประมาณและมองเศรษฐกิจจะโตอย่างแข็งแกร่ง ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์เสนอแผนงบประมาณ ซึ่งรวมถึงงบการใช้จ่ายสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานในช่วงระยะเวลา 10 ปีจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนอีก 8 แสนล้านดอลลาร์ โดยที่ทรัมป์เตรียมปรับลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลลงเป็น 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะ 10 ปี และคาดการณ์เติบโต GDP จะอยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งการตัดงบประมาณดังกล่าวจะรวมถึงการลดงบกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการประกันสุขภาพ และการลดงบ 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสวัสดิการด้านอาหาร อีกทั้ง แผนดังกล่าวยังรวมการปรับลดงบช่วยเหลือต่างชาติ ลดภาษี และการเพิ่มงบใช้จ่ายทางการทหาร ทรัมป์วางแผนที่จะขาย 50% ของน้ำมันสำรองฉุกเฉิน และเปิดพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่าในอลาสก้าเพื่อการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซอีกด้วย (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนปรับลดสถานะการลงทุนในพันธบัตรเพื่อรอการประมูลพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ในสัปดาห์นี้ในขณะที่บางรายลดการถือครองพันธบัตรเพื่อลงทุนในหุ้นแทน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 2.287% เพิ่มขึ้น 3 bps จากเมื่อวันจันทร์ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นกว่า 3 bps อยู่ที่ระดับ 2.949% (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 1 ปีทำให้เกิดการทากำไร และนักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับรายงานการประชุมของเฟดที่จะออกในวันพุธนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.41% หลังจากที่ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันจันทร์ (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเมื่อวันอังคาร หลังการเผยแพร่ร่างงบประมาณของทรัมป์แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดยังได้รับผลกระทบจากหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและบันเทิงและหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ที่ปรับตัวลง ในขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศในวันอังคารออกมาเป็นทั้งบวกและลบ นักลงทุนรู้สึกโล่งใจเกี่ยวกับแผนงบประมาณฉบับแรกของทรัมป์ส่วนใหญ่เป็นไปตามคาดหมายแม้ยังไม่ชัดเจนว่ามันจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสหรือไม่ก็ตาม (Reuters)
ภาคเอกชนสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMl) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวดีขึ้นของการเติบโตทางกิจกรรมธุรกิจของภาคเอกชนในเดือนพ.ค. โดยอยู่ที่ระดับ 53.9 เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 53.2 ในเดือนเม.ย. และชี้ถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่สุดของผลผลิตของภาคเอกชนสหรัฐนับแต่เดือนก.พ. (lHS Markit)
ภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัวในเดือนพ.ค. ดัชนี PMl ภาคการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 52.5 ในเดือนพ.ค. ลดลงเล็กน้อยจากที่ระดับ 52.8 ในเดือนเม.ย. แสดงถึงสภาวะทางธุรกิจของภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นในอัตราชะลอตัวมากที่สุดนับแต่เดือนก.ย. 59 (lHS Markit)
ภาคบริการสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนพ.ค. ดัชนี PMl ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ระดับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 53.1 ในเดือนเม.ย. แสดงถึงผลผลิตของภาคบริการขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดนับแต่เดือนม.ค. (lHS Markit)
ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลงจากใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีครึ่งในเดือนเม.ย. โดยลดลง 11.4% YoY สู่ระดับ 569,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. ยอดขายในเดือนมี.ค. มีการปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 642,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนต.ค. 50 นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่ซึ่งคิดเป็น 9.8% ของยอดขายบ้านรวม จะลดลง 1.5% สู่ระดับ 610,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้ หนุนโดยหุ้นโนเกียที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 6% มาแตะจุดสูงสุดในรอบมากกว่า 1 ปี รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกช่วยหนุนอารมณ์ตลาดเช่นกัน โดยการสำรวจ PMl เดือน พ.ค. เผยข้อมูลอุตสาหกรรมในยูโรโซนมีการเติบโตที่น่าประทับใจในเดือน เม.ย. (Reuters)
เหตุการณ์ระเบิดในแมนเชสเตอร์ อารีนาเมื่อวันจันทร์ที่คร่าชีวิตไปแล้ว 22 ราย เป็นเหตุการณ์ระเบิดพลีชีพ ตำรวจรายงานว่า ชาวอังกฤษ Salman Abedi อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ระเบิดที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 12 ปีหลังจากเหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายในระบบขนส่งลอนดอนที่มีผู้เสียชีวิต 52 ราย เมื่อปี 48 รัฐบาลอังกฤษเตรียมยกระดับรับมือภัยก่อการร้ายเป็นระดับสูงสุด นั่นหมายความว่าอาจมีเหตุการณ์โจมตีเกิดขึ้นอีก โดยกลุ่มก่อการร้ายไอเอสกล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้วและระบุว่าเป็นการโจมตีแห่งสงครามศาสนา (Reuters)
โดยรวมไม่มีการเติบโต ดัชนี Flash Eurozone PMl Composite Output เดือน พ.ค. อยู่ที่ 56.8 จุด ระดับเดียวกับเดือน เม.ย. (lHS Markit)
ภาคบริการชะลอตัวในเดือน พ.ค. ดัชนี Flash Eurozone Services PMl Activity อยู่ที่ 56.2 จุด ลดลงจาก 56.4 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน (lHS Markit)
ภาคการผลิตแข็งแกร่งในเดือน พ.ค. ดัชนี Flash Eurozone Manufacturing PMl Output เดือน พ.ค. อยู่ที่ 58.4 เพิ่มขึ้นจาก 57.9 จุดในเดือน เม.ย. นับเป็นจุดสูงสุดในรอบ 73 เดือน ขณะที่ ดัชนี Flash Eurozone Manufacturing PMl อยู่ที่ 57.0 เพิ่มขึ้นจาก 56.7 ในเดือน เม.ย. (lHS Markit)
เอเชีย :
ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตญี่ปุ่นกลับแย่ลงในเดือนพฤษภาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน หลังจากที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา การสำรวจของรอยเตอร์พบว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีการส่งออกเป็นตัวกระตุ้น ดัชนี -24 ในเดือนพฤษภาคมจาก +24 ในเดือนเมษายน (Reuters)
Moodys Investors Services ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในระยะยาวของจีน และลดอันดับสกุลเงินตราต่างประเทศและเงินท้องถิ่นลงในนพุธ และยังเปลี่ยนมุมมองของจีนให้มีเสถียรภาพจากที่ติดลบ โดยการปรับลดอันดับสู่ A1 จาก AA3 เนื่องจากรัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายในการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจและหนี้ที่ทะยานขึ้น การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของมูดี้ส์ทำให้อันดับเครดิตของประเทศจีนใกล้เคียงกับฟิทช์เรทติ้ง (A + ตั้งแต่ พ.ย. 50) S & P ให้ระดับ 1 จุดเหนือ AA- แต่ให้แนวโน้มเป็นลบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 S&P คาดการณ์ในเดือน ม.ค. มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันบวกต่อเล็กน้อยวันอังคาร เพราะความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่า OPEC และประเทศผู้ผลิตหลักระบุว่าน่าจะขยายเวลาลดกำลังการผลิต และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงอีกกลับมีผลเหนือแผนการเร่งขายปิโตรเลียมของสหรัฐในช่วงสิบปี น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 0.84% ปิด 51.56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 0.72% ปิด 54.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
ทองคำลบวันอังคาร เพราะดอลลาร์ดีดกลับจากจุดต่ำสุดรอบหกเดือนครึ่งและนักลงทุนกลัวปัญหาการเมืองมากขึ้นจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในอังกฤษ ทำให้คนหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำตลาดจรลบ 0.7% ปิด 1,250.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้านับแต่ 9 พ.ค. ก็บวกรวม 3% ทองคำสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ มิ.ย. ปิดลบ 0.5% ที่ 1,255.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์(Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 0-2680-5056
MISS. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042