- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 August 2014 17:46
- Hits: 3198
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดยืนเหนือ 1,540 จุด ลบเพียงเล็กน้อย 2.58 จุด มาอยู่ที่ 1,541.97 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 56,334 ล้านบาท
ขณะที่เงินทุนต่างชาติกลับมาขายทำกำไรใน 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยขายสุทธิ 575 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures มากถึง 6,795 สัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 1,122 ล้านบาท การเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังทิศทางการลงทุนไม่ชัดเจน
ภาวะการลงทุนในวันสุดท้ายของสัปดาห์ MBKET คาด SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,535-1,550 จุด เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจน ขณะที่ประเด็น UOBAM Trigger Funds มูลค่า 3.2 พันล้านบาท แตะระดับเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. คาดว่ากองทุนดังกล่าวได้ขายหุ้นในพอร์ตเสร็จสิ้นไปแล้ว เพื่อให้ทันกับการเปิดขายกองทุน Trigger fund รอบใหม่ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท ซึ่งปิดการขายในวันนี้ และคาดว่าเงินทุนใหม่จะเริ่มทยอยเข้าลงทุนในสัปดาห์หน้า ทำให้ประเด็นกังวลดังกล่าวมีน้ำหนักที่จำกัดต่อ SET INDEX ในวันนี้
จับตาหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกวันนี้ กพช.มีประชุมเพื่อพิจารณานโยบายพลังงาน ซึ่งรวมถึงนโยบายพลังงานทางเลือกที่อาจเพิ่มเป้าหมายจากปัจจุบันที่มีใบอนุญาตพลังงานแสงอาทิตย์ 2,000 เมกกะวัตต์ ขณะที่นโยบายของคสช.ต้องการลดการพึ่งพิงพลังงานจากต่างประเทศ
ขณะที่ประเด็นสำคัญของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่สัปดาห์หน้า ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 และตัวเลข GDP ใน 2Q57 ในวันจันทร์ที่ 18 ส.ค. รวมถึงการเก็งกำไรต่อว่าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่ง สนช.จะพิจารณาในวันจันทร์ที่ 25 ส.ค.ต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตหุ้น หลังแนะนำให้ขายทำกำไรบริเวณ 1,550 จุดวานนี้ พร้อมเข้าทยอยสะสมหุ้นหลัก หากราคาเกิดการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” ยังคงเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกของการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” SIM
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: SIM
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดเหนือ 1,540 จุด สัญญาณบวก
SET INDEX วันนี้ คาดแกว่ง 1,535-1,550 จุด มูลค่าการซื้อขายชะลอ หลังเงินทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
กองทุน Trigger funds ของ UOBAM มูลค่า 3.4 พันล้านบาท แตะระดับเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. คาดว่าขายเงินลงทุนเสร็จสิ้นไปแล้ว
ดังนั้นกลยุทธ์ ทยอยสะสมหุ้นหลัก / หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวก หาก SET INDEX ย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดปรับฐานลงเป็นส่วนใหญ่ เพราะขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน อย่างไรก็ตาม PSE ปิดบวกเด่น 1.07%
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ แกว่งในกรอบระหว่าง 1,540-1,550 จุด แรงขายทำกำไรบริเวณ 1,550 จุดค่อนข้างหนาแน่น อย่างไรก็ตาม หุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร KBANK / BBL / KTB รวมถึง PTT และ INTUCH ช่วยประคองภาพ SET INDEX ตลอดทั้งวัน แม้ว่าบรรยากาศรอบเอเชียจะไม่เอื้อต่อการเก็งกำไรก็ตาม SET INDEX ยืนเหนือ 1,540 จุดได้อย่างต่อเนื่อง ปิดที่ 1,541.97 จุด ลบเล็กน้อย 2.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,334 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Home +1.81%, กลุ่มปิโตรเคมี +1.05% และกลุ่มยานยนต์ +0.67% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.54%, กลุ่มพลังงาน +0.13% และ กลุ่มอสังหาฯ -1.11%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.40 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้วันนี้ปิดทำการ
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 3 แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะปิดลบ แต่ยังคงยืนเหนือ 1,540 จุดได้เป็นวันที่ 2 และแม้ว่าวันนี้จะเป็นการซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ บวกกับ กระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น และ SET50 Index Futures วานนี้ก็ตาม MBKET ประเมินว่าเป็นเพียงการปรับพอร์ตเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแต่ต้องติดตามการเคลื่อนไหวกระแสเงินทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด
วันนี้ MBKET ประเมิน SET INDEX แกว่งกรอบแคบระหว่าง 1,535-1,550 จุด พร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่ชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนต่างชะลอการลงทุน เพื่อประเมินการลงทุนใหม่ในต้นสัปดาห์หน้า อีกทั้งประเด็นกองทุน Trigger funds ของ UOBAM แตะระดับเป้าหมายมูลค่า 3.4 พันล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. เริ่มทยอยขายตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา น่าจะครบทั้งจำนวนไปแล้ว ดังนั้นผลกระทบดังกล่าวจะเป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งมีเม็ดเงินทุนใหม่จากการขายกองทุน Trigger funds ทั้งในสัปดาห์ก่อน และสัปดาห์นี้ เม็ดเงินรวม น่าจะแตะระดับ 5.0 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินภาพ SET INDEX รอบนี้ จะขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550-1,560 จุด และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทะลุผ่านไต่ระดับขึ้นสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,580-1,600 จุด ด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•เม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds
oกองทุน Trigger Funds ที่ปิดการขายระหว่างวันที่ 6-7 ส.ค.ที่ผ่านมา เงินทุนใหม่ 2,270 ล้านบาท
oกองทุน Trigger Funds ของ UOBAM จะปิดการขายในสัปดาห์นี้ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดเริ่มทยอยลงทุนในสัปดาห์หน้า
•การทยอยประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร
•เม็ดเงินทุนต่างชาติ คาดว่าจะส่งสัญญาณชัดเจน ภายหลังพัฒนาการทางการเมืองเกิดความชัดเจนในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ไป เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานทั้งด้านเศรษฐกิจ และด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเมืองดังต่อไปนี้
oการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 วันที่ 18 ส.ค.
oการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุม สนช. วันที่ 25 ส.ค. หรือหากเสนอไม่ทัน ประธานสภาฯ ยืนยัน ประเด็นนี้จะสรุปภายในสิ้นเดือนส.ค.
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
oแผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้สนับสนุนแผนการลงทุนดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อ คสช. เพื่อพิจารณาในรายละเอียด ภายในสิ้นเดือนส.ค. หลัง คสช.อนุมัติในหลักการไปตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
การแกว่งตัวออกด้านข้างของ SET INDEX วานนี้ และแนวโน้มต่อเนื่องในวันนี้ เป็นเพียงการพักฐานช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่กลายเป็นการเปิดโอกาสของการเข้าทยอยสะสม เน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะเป็นจุดสำคัญ รวมถึงหุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช: หลัง สนช. พิจารณาเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเด็นถัดไปที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากนี้ไป
•วันที่ 18 ส.ค. สนช. จะพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558
•วันที่ 25 ส.ค. สนช. พิจารณานายกรัฐมนตรี หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนส.ค.
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
3.ความเสี่ยงของประเทศไทยต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี: หากพิจารณาจาก CDS Spread ของพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 5 ปี ณ ระดับปิดวานนี้ 97.340bps ต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. 2556 ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมือง และ ภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งใน 2H57 นี้
4.สถานการณ์การเมืองในต่างประเทศคลายตัวขึ้น
•อิรัก: นายกรัฐมนตรี Maliki ได้ประกาศลงจากตำแหน่ง และเปิดทางให้นาย al-Abadi ขึ้นรับตำแหน่งแทน น่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสม เพื่อลดแรงกดดันของชนกลุ่มน้อย
•ยูเครน: รัฐบาลยูเครน รับความช่วยเหลือ จากรัสเซีย โดยมีเงื่อนไขของการแจกจ่ายอาหาร ต้องทำโดยสภากาชาด ทำให้แรงกดดันระหว่างรัสเซีย และ ยูเครน คลายตัวลง
5.ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้า ให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก
•พัฒนาการทางการเมือง ทั้งการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 และการเก็งกำไรต่อชื่อนายกรัฐมนตรี และ ครม.
•การประกาศตัวเลข GDP ใน 2Q57 ของ สศค. เช้าวันที่ 18 ส.ค.
•เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน Trigger funds ที่ปิดการขายในสัปดาห์นี้ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท
•ผู้ถือหุ้น TRUE เริ่มทยอยจ่ายเงินเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 22-28 ส.ค. ส่วน China Mobile จะจ่ายเงินระหว่างวันที่ 28-30 ส.ค.
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.51 13.49 15.52 13.51
PSE 19.88 17.23 19.69 17.04
JSE 16.73 14.30 16.85 14.39
KOSPI 10.51 9.15 10.53 9.17
TAIEX 14.82 13.78 14.83 13.75
Straits Time 14.49 13.35 14.53 13.36
SHCOMP 8.74 7.74 8.80 7.79
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.SIM : ราคาปิด 3.62 บาท ราคาเหมาะสม 4.60 บาท
a)SIM จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) หุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.6%
b)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 เติบโตทั้ง yoy และ qoq และทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากยอดขายมือถือ Smartphone ที่เร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแรงหนุนของยอดขาย Digital TV Phone ที่ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปลี่ยนถ่ายระบบถ่ายทอดสัญญาณจากระบบ Analog เข้าสู่ระบบ Digital
c)ประมาณการกำไรปี 2557 ที่ 1,046 ล้านบาท หรือ +24.8% yoy มี Upside Risk ที่อาจถูกปรับขึ้นได้ เนื่องจากมีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อมือถือล็อตใหญ่จาก Mobile Operator รายหนึ่ง เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้ระบบ 3G มากขึ้น และเป็น Catalyst ที่รออยู่
d)ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 13.9 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อสารที่ 15-16 เท่า และแผนนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาด จะเป็นการปลดล็อก Asset Value ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และดัชนี Consumer sentiment
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิอีก US$216 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$370 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -9.6 235.1 11,034.6 9,188.0
KOSPI 218.5 n.a 7,727.7 4,875.1
JSE 21.2 34.4 5,010.2 -1,806.4
PSE 8.9 -5.0 1,037.5 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -5.2 -9.5 223.0 263.2
SET INDEX -18.0 114.8 -766.7 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาลดน้ำหนักการลงทุนในไทยทั้ง 3 ตลาด แต่เป็นไปอย่างจำกัด
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -575 +3,685
SET50 Index Futures (สัญญา) -6,795 +3,310
SSF (สัญญา) +1,456 +1,715
Metal Futures (สัญญา) -72 -449
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -1,122 +8,983
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แต่ก็เพียง 575 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ ยังคงขายสุทธิ 25,568 ล้านบาท
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง และมากถึง 6,795 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้วานนี้ และกลับมามีสถานะ Short สุทธิ เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือเพียง 3.64 จุดเท่านั้น จากวันก่อนหน้า Discount 4.53 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมีสถานะที่เบาบางต่อเนื่อง แม้ว่าจะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 แต่ก็เพียง 72 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 521 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 2,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิ หลังราคาทองคำในตลาดโลกแกว่งในกรอบแคบ ไร้ทิศทาง
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาขายสุทธิอีกครั้ง แต่ก็เพียง 1,122 ล้านบาท เท่านั้น โดยเป็นการขายทำกำไรในพันธบัตรระยะยาว อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 0.63bps ปิดที่ 3.540% โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ ได้กำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างโดดเด่นในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling เท่ากับ 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 348 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 107.61 8.33% 226.89
PTT 56.55 4.41% 331.84
JAS 32.90 0.73% 6.36
TRUE 26.63 1.51% 10.27
AAV 23.42 13.42% 4.59
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นกลุ่ม ICT และพลังงานเป็นสำคัญ
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีกเล็กน้อย 207 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 2,926 ล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มขนส่งและอาหาร ยังคงเป็นเป้าหมายของการลดน้ำหนักต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่ม ICT ถูกซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 360 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 185 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 132 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 401 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มอาหาร ถูกขายสุทธิสูงสุด 253 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 84 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิ 185 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 102 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 225.50 22.73 CPF -307.45 18.09
BBL 224.25 40.98 KTB -208.16 8.74
BANPU 194.26 22.90 AOT -139.93 19.12
JAS 125.85 3.51 SCC -87.57 21.67
CPALL 64.04 8.07 PTTGC -59.21 6.24
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong