WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  Sideway? แต่คาดยังมีความผันผวน ตามตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของสหรัฐฯ หลัง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าแทรกแซงการทำงานของหลายหน่วยงาน รวมถึง FBI และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้คาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งการปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียยต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐครั้งใหญ่ มูลค่ารวม 1.0 ล้านล้านUSD ตลอด 10 ข้างหน้า และล่าสุดอาจนำไปสู่การถอดถอน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง
  อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยบวก จากทิศทางราคาน้ำมัน ที่คาดยังมีแนวโน้มปรับขึ้น หลังรัสเซีย (ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่) และซาอุดิอาระเบีย (ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่) มีความเห็นตรงกันที่จะขยายระยะเวลาปรับการผลิตจากเดิมครบในเดือนมิ.ย.’60 เป็นมี.ค.’61 เพื่อให้ตลาดน้ำมันดิบเข้าสู่สมดุล ซึ่งคาดส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน Opec จะมีการประชุมในวันที่ 25/5/60
  พร้อมแนะติดตามการประชุมเฟด 13 – 14/6/60 (ขึ้น/ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย)คาดเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับภาพรวมตลาดจนถึงวันประชุม ล่าสุด คาดมีโอกาส 74% (ลดลงจาก 83% ก่อนหน้านี้) ที่เฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
  ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ ทางด้าน Fund Flow ยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิของต่างชาติ สลับกัน ขณะที่คาดกลุ่มธนาคารได้รับปัจจัยกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่ในช่วง 1 – 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ NIM โดยแนะติดตามการประชุม กนง. วันที่ 24/5/60 (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปัจจุบัน 1.50%)
  นอกจากนี้ยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน หรือประมาณต้น 3Q/60 โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
  ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไป ได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60

SET SET50 SET100
1,545.88     -2.41 980.83     -3.15 2,210.04     -6.41

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +56.09, NASDAQ +43.89, S&P +8.69, FTSE -67.05, CAC -28.16 และ DAX -41.55
ภายใต้ปัจจัยหนุนจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด ลดลง 4,000 ราย อยู่ที่ 232,000 ราย สวนทางที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 240,000 ราย โดยเป็นตัวเลขที่อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 115 ติดต่อกัน ซึ่งนานที่สุดนับแต่ปี’13 และการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี 
  อย่างไรก็ตามยังคงจับตาสถานการณ์การเมืองในสหรัฐฯ รวมทั้งความสามารถของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.28 อยู่ที่US$49.35 ต่อบาร์เรล โดยยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ ของสหรัฐฯ ที่ล่าสุด ลดลง1.8 ล้านบาร์เรล โดยลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
ขณะที่แนะติดตามการประชุมกลุ่มโอเปก ในวันที่ 25/5/60 ที่คาดจะมีการพิจารณาขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจนถึงมี.ค.’61 จากเดิมครบในเดือนมิ.ย.’60
  ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$5.9 อยู่ที่US$ 1,252.8 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับขึ้นในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น 

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
16.04 1.86 3.17
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,059.35
สถาบัน  +215.75
บัญชีหลักทรัพย์  +101.73
ต่างประเทศ  -2,053.06
ในประเทศ  +1,735.59

  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,053 ล้านบาท สะสม YTD +7,665 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 19 - 24 พ.ค. 2560 
  19/5/60   ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
  24/5/60 ไทย – ประชุม กนง.  (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุด 1.50%)

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชนที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
  (6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น 
  (7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
  (8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AAV, AOT

  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.23%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.93 อยู่ที่ 14.66

หุ้นแนะนำ : PTT
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์      โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!