- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 11 May 2017 18:05
- Hits: 3132
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : BCP, EKH, GLOBAL, PDG, TPCH
Our Portfolio May 17 : CPF, GLOBAL, SYNEX, TACC, THANI
ระยะสั้นซื้ออ่อนตัวเล่นรอบรีบาวด์ ระยะกลาง-ยาวทะยอยสะสมเพิ่มบริเวณแนวรับ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งทรงตัวในกรอบแคบช่วงเช้าก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายออกมาหนาแน่นในหุ้นขนาดกลางเนื่องจากส่วนใหญ่มีผลประกอบการออกมาค่อนไปทางทรงและต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยลบจากเหตุระเบิดที่ปัตตานี กดดันให้ดัชนีปรับตัวลงมาและเริ่มเห็นการหลุดต่ำกว่า 1560 จุดและทำให้ภาพระยะสั้นดูเป็นลบมากขึ้น แรงขายส่วนใหญ่มาจากฝั่งสถาบันในประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังมียอดซื้อสุทธิบางๆในตลาดหุ้นและฟิวเจอร์ส และยังซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรกว่า 2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index วันนี้ยังมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าตลาดคาด อย่างไรก็ตามกรอบการลบคาดว่าจะไม่กว้างนักเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแรงเพราะน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐลดลงมากกว่าคาด น่าจะยังทำให้กลุ่มพลังงานพอที่จะพยุงตลาดได้บ้าง ขณะที่ด้านเทคนิคดัชนียังมีแนวรับบริเวณ 1557-1555 จุดคอยพยุงเป็นด่านแรกและเห็นแรงซื้อกลับช่วงท้ายตลาดเมื่อวันก่อน ทำให้คาดว่ามีโอกาสเกิด Technical Rebound บริเวณดังกล่าวเช่นกัน
กลยุทธ์ : ระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรช่วงตลาดอ่อนตัวเพื่อเล่นรอบรีบาวด์ ระยะกลาง-ยาว ทะยอยสะสมเพิ่มตามแนวรับ
แนวรับ 1557-1555 , 1550 จุด
แนวต้าน 1564-1566 , 1570-1573 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : HFT, AH, SAWAD (buyback)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$404ล้าน นำโดยไต้หวัน US$193ล้าน เกาหลีใต้ US$140ล้าน (ไทยปิดทำการ แต่วันก่อนหน้ามีเม็ดเงินไหลเข้า US$11ล้าน) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจมีแรงกดดันเพิ่มจากข่าวการปลดผอ. FBI และการแสดงความเห็นของประธาน Fed สาขาต่างๆซึ่งน่าจะออกมาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ล่าสุดประธานเฟดสาขาบอสตันหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ซึ่งยังเป็นแรงหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) TPCH กำไรต่ำกว่าคาดเล็กน้อย เพราะมีค่าปรับของโรงไฟฟ้าขยะของบ.ย่อย 5 ล้านบาท และโรงไฟฟ้ามหาชัยมี Shutdown 7 วัน ทำให้กำไร 1Q17 เป็น 64 ล้านบาท -8.9% Q-Q, +104.3% Y-Y สำหรับโรงไฟฟ้าพัทลุงกรีนพาวเวอร์และโรงไฟฟ้าสตูลกรีนพาวเวอร์ที่เลื่อน COD ออกไป 2-3 เดือน ปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าแล้วประมาณ 90% และ 65% ตามลำดับ ไม่กระทบประมาณการอย่างมีนัยสำคัญ จึงคงราคาพื้นฐาน 23 บาทและแนะนำซื้อ
(0) EKH กำไรต่ำกว่าคาด -18.7% Q-Q, -22.5% Y-Y เหลือเพียง 14 ล้านบาท จากรายได้ที่หดตัว และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 35.1% ใน 4Q16 เหลือ 31.2% ต้นทุนบุคลากรที่สูงขึ้น เรามอง EKH เป็นบวกน้อยลงกว่าเดิมเพราะปีนี้เป็นปีแห่งการลงทุนทำให้กำไรโตต่ำกว่าคาดการณ์เดิม เราปรับกำไรปีนี้ลง 17% เหลือ +7% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 6.40 บาทจาก 8 บาท แต่ราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนไปมากแล้ว จึงยังคงคำแนะนำซื้อ
(-) KCE กำไรต่ำกว่าเราและ Consensus คาด กำไรปกติทำได้ 623 ล้านบาท -5.7% Q-Q, -14.4% Y-Y อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 30.7% ต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาสเพราะปรับลดราคาขายให้ลูกค้าเฉลี่ย 2% ทั้งที่ราคาวัตถุดิบปรับขึ้นทั้งทองแดง ทองแดงแผ่น ลามิเนต และ Fiberglass สะท้อนถึงอำนาจในการต่อรองหรือการผลักภาระต้นทุนได้ค่อนข้างต่ำ เราอยู่ระหว่างปรับลดกำไรและราคาพื้นฐาน (105 บาท) หลังประชุมบ่ายนี้
(0) SPALI กำไรต่ำกว่าตลาดคาดประมาณ 20% มีกำไรเพียง 686 ล้านบาท -43.1% Q-Q, -50.8% Y-Y แม้เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่ากำไรจะไม่ดีนักและเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ เพราะโครงการส่วนใหญ่เร่งโอนไปใน 4Q16 แล้วและแทบไม่มีโครงการใหม่โอนเลย แต่รายได้ก็ยังต่ำกว่าคาดมาก ลดลงกว่า 40% ทั้ง Q-Q, Y-Y แม้กำไร 1Q17 จะคิดเป็น 13% ของประมาณการทั้งปี แต่เรายังเห็นภาพการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี ด้วยจุดแข็งคือมี Backlog ที่แข็งแกร่ง 4 หมื่นล้านบาท จึงคงราคาพื้นฐาน 30 บาทแนะนำซื้อ
(-) TU ข้อมูลที่เราได้รับจากการประชุมวันก่อนค่อนไปทางลบ การแข่งขันในตลาดยุโรปรุนแรงขึ้น ทำให้ไม่สามารถปรับราคาขายได้แม้ราคาวัตถุดิบทูน่าจะแพงขึ้น ธุรกิจทูน่ากระป๋องที่สหรัฐ Chicken of the Sea ยังไม่ได้สร้างกำไรได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ถูกฟ้องร้องในสหรัฐกรณีการฮั้วราคา เป็นความเสี่ยงที่บริษัทอาจโดนค่าปรับซึ่งเป็น downside ต่อประมาณการกำไร แม้ว่าราคาหุ้นวันก่อนจะปรับลงแรงแล้วแต่ยังแนะนำเพียงถือ ราคาพื้นฐาน 24 บาท
(-) SAWAD กำไรสุทธิ +14% Q-Q, +64% Y-Y ดีกว่าตลาดคาดเพราะมีการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน BFIT ทำให้มีกำไรพิเศษ 102 ล้านบาท หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติทรงตัว Q-Q, +45% Y-Y ต่ำกว่าคาดจาก Interest spread ลดลงแรงเหลือเพียง 21% เรายังคงแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 44 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 พ.ค. - อังกฤษ: BOEประชุม
- ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลางประชุม
12 พ.ค. - ฮ่องกง: 1Q17 GDP
15 พ.ค. - ไทย: 1Q17 GDP,บจ.ส่งงบการเงินวันสุดท้าย
- จีน:ยอดค้าปลีก,Industrial Production, Fixed asset (เม.ย.)
16 พ.ค. - MSCI Semi-annual index review
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (พ.ค.), 1Q17 GDP
- สหรัฐ: Housing starts & Building permits (เม.ย.)
17 พ.ค. - ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
18 พ.ค. - ญี่ปุ่น:1Q17 GDP (ตลาดคาด +1.8% annualized)
- ฟิลิปปินส์: 1Q17 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI)ประชุม
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบ เนื่องจากตลาดกังวลว่าการปลดผอ. FBI จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง และ นโยบายเศรษฐกิจ อีกทั้ง ประธานเฟดสาขาบอสตันยังออกมาสนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ และ ปรับลดงบดุลของเฟด
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังประธาน ECB มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งยังจะไม่ถอนมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า และ มีแรงหนุนจากราคาน้ำมัน
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แกว่งตัว Sideway โดยล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.76-34.79 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 1.45 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.33 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากรายงานว่าบริษัทน้ำมันซาอุฯ จะลดการส่งมอบน้ำมันแก่ลูกค้าในเอเชีย
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 2.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,218.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดมีความกังวลต่อปัจจัยการเมืองการสหรัฐฯ รวมทั้งเกาหลีเหนือที่ระบุว่าจะเดินหน้าทดลองนิวเคลียร์ต่อไป อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นถูกสกัดจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า
Contact person : Jitra Amorntham
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: fss_research