- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 May 2017 18:41
- Hits: 2964
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
Sideway? ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ยังมีความผันผวนตามตลาดต่างประเทศที่ไร้ทิศทาง มีทั้ง +/- หลังตลาดส่วนใหญ่ตอบรับผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7/5/60)
ขณะที่คาดมีประเด็นความกังวลว่าเฟดอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุม 13 –14/6/60 หลังล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดอย่างน้อย 2 ราย ออกมาส่งสัญญาณอีกครั้ง และคาดเป็นปัจจัยที่กลับมากดดันภาพรวมตลาดอีกครั้งจนถึงการประชุมในเดือนมิ.ย.
ทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ อย่างไรก็ตามคาดได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจาก (1) ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง ที่อาจทำให้มีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาในกลุ่มพลังงาน แม้ภาพรวมคาดราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลต่อปริมาณ Supply ในตลาดโลก แต่อาจถูกชดเชยจากประเด็นที่คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก อาจพิจารณาขยายระยะเวลาในการปรับลดปริมาณผลิตออกไปอีก 9 เดือน หรือมากกว่า จากเดิมจะครบในเดือนมิ.ย.’60 ส่วนประเด็น PTTEP ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อว่าทางอินโดนีเซียยื่นฟ้องคดีต่อศาลในอินโดนีเซีย เพื่อ เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี’52 ทั้ง PTTEP และ PTTEP AA ยังไม่ได้รับเอกสารฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ – ตาม จม.แจ้ง SET เมื่อ 8/5/60 และ (2) Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ อย่างไรก็ตามคาดยังมีความผันผวน แนะติดตามค่าเงิน ล่าสุดเช้านี้อ่อนค่าลงเล็กน้อย อยู่ที่ 34.65 –34.67 บาทและยังอยู่ในช่วงการทยอยประกาศผลการดำเนินงาน ที่คาดมีแรงเก็งกำไรจนถึงกลางเดือนพ.ค.
และยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไป ได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50 SET100
1,568.02 -1.00 996.56 -0.68 2,243.63 -0.85
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +5.34, NASDAQ +1.90, S&P +0.09, FTSE +3.43, CAC -49.45 และ DAX -22.34 หลังผลการเลือกตั้ง ปธน. ในฝรั่งเศส นายมาครอง ชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียง 66% ซึ่งเป็นไปตามคาด อย่างไรก็ตามยังติดตามว่าพรรค La Republique en march ของนายมาครอง จะสามารถกวาด ที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้หรือไม่? โดยฝรั่งเศสจะจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาในเดือนมิ.ย. เพื่อเลือกสมาชิกรัฐสภาจำนวน 577 คน
ขณะที่ได้รับปัจจัยกดดันหลังประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังเฟดบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความอ่อนแอ ทำให้เพิ่มน้ำหนักต่อกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่ง CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ พบว่า มีโอกาสสูงถึง 83.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13 –14/6/60
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.21 อยู่ที่US$46.43 ต่อบาร์เรล ภายใต้ประเด็นที่โอเปกกำลังพิจารณาที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน หรือมากกว่า จากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.’60 เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวลงในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า จากอุปสงค์ที่อ่อนแอ
โดยกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปก จะประชุมกันในวันที่ 25/5/60 เพื่อหารือต่อประเด็นดังกล่าว
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.17 1.93 3.13
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 35,388.21
สถาบัน 459.96
บัญชีหลักทรัพย์ -260.88
ต่างประเทศ 592.68
ในประเทศ -791.76
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.2 อยู่ที่ US$ 1,227.1 ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไร หลังราคาทองคำปรับลงในช่วงที่ผ่านมา แต่การปรับขึ้นยังอยู่ในกรอบจำกัด จากชัยชนะของนายมาครอง ช่วยลดความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป และส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +593 ล้านบาท สะสม YTD +5,556 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 9 - 12 พ.ค. 2560
9/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมี.ค.
10/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.สต็อกน้ำมันงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนเม.ย.
11/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
12/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ค.
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 2.38%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.80 อยู่ที่ 9.77
หุ้นแนะนำ : UNIQ
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788