- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 May 2017 18:26
- Hits: 10615
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1565”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมาอ่อนตัวในวันศุกร์ (-4.03 จุดปิดที่ 1569.02) โดยราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงกดดันหุ้นที่เกี่ยวกับก๊าซ น้ำมัน และปิโตรเคมี รวมทั้งมีการขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นแรงด้วย เช่น THAI, KCAR, PTL เป็นต้น ต่างชาติขายสุทธิสุง 2.1 พันล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1 พันล้านบาท
+ สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรเม.ย. +2.11 แสนตำแหน่ง ว่างงานลดสู่ 4.4% ดีเกินคาด...หนุนโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเดือนมิ.ย.
•/+ ฝรั่งเศส : ผลเลือกตั้งออกมาตามคาด เบื้องต้นนายมาครองมีคะแนนนำห่างนางเลอแปงและจะขึ้นเป็นปธน.ฝรั่งเศส ซึ่งเขามีแนวคิดสายกลางที่ยังคงให้ฝรั่งเศสอยู่ใน EU และจะใช้มาตรการลดภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ
+/- ราคาน้ำมันรีบาวด์/ราคาทองคำดิ่ง หลังตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง และผลเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศสไม่มี Surprise
+ TCAP : คาดสินเชื่อปี 60 พลิกเป็นเติบโตได้ (จาก -3% ปีก่อน) หนุนโดยสินเชื่อเช่าซื้อฯและรายใหญ่ ด้าน NPL คาดว่าจะทรงตัวที่ 2.2-2.3% ตั้งสำรองไม่ต้องสูงมากเพราะมี Coverage Ratio สูงที่ 150% แล้ว ด้าน P/E ยังต่ำที่ 8 เท่า P/BV 0.9 เท่า แนะซื้อ ให้ TP 53 บาท
+ ASIAN : ให้เป็นหุ้น Dark Horse เพิ่มเติมในเดือนพ.ค.60 เนื่องจากมีแนวโน้มว่าผลประกอบการปี 60 จะเติบโตก้าวกระโดดจากยอดส่งออกกุ้งและอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่ลดยอดขายทูน่าที่มาร์จิ้นต่ำลง ทำให้อัตรากำไรโดยรวมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 60 ไม่ถึง 8 เท่า และ P/BV 1 เท่า ทาง DBSV แนะนำซื้อ ให้ TP 9.40 บาท (อิง P/E ปีนี้ที่ 12 เท่า)
• PTTEP : ยืนยันผลการศึกษากรณีน้ำมันรั่วมอนทาราปี 52 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในน่านน้ำออสเตรเลียและและบริเวณใกล้เคียงน่านน้ำอินโดนีเซียแต่อย่างใด โดยคราบน้ำมันไม่ได้ลอยเข้าสู่แนวชายฝั่งทั้งออสเตรเลียและอินโดนีเซียหุ้นกลยุทธ์ (พื้นฐานดี) แนะนำวันนี้เป็น ASIAN
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดกลับมาเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นค่าบวก SET ที่ต่ำกว่า 1565 ดูไม่ค่อยดี ควร Wait & Seeสำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ TCAP, STEC, ASIAN, TLUXE, BH ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ในList คือ SYNTEC, ECL, SCCC, AAV หุ้นแนะนำไปและให้หาจังหวะ Take Profit คือ TCMC, TU, TOP, WICE, BDMS หุ้นหลุด List ได้แก่ROBINS, VNT, EPG, SMIT
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเม.ย.เพิ่มถึง 2.11 แสนตำแหน่ง
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 211,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะ
เพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานเดือนเม.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ
เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% สำหรับรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณ
บ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
• ฝรั่งเศส : ผลเลือกตั้งออกมาตามคาด
นายเอมมานูเอล มาครอง เตรียมก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ของฝรั่งเศสด้วยวัยเพียง 39 ปี หลังกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยผลการนับคะแนนเบื้องต้น ซึ่งระบุว่านายมาครอง มีคะแนน 66% นำนางมารีน เลอเปน ผู้สมัครจากพรรค National Front (FN) ที่ 34%ทั้งนี้ นายมาครอง มีจุดยืนนิยมสายกลาง (Center wing) โดยหวังที่จะสร้างความสมานฉันท์ขึ้นในฝรั่งเศส และมีนโยบายที่จะสานต่อความร่วมมือในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคงสภาพสมาชิกสหภาพยุโรป และเน้นขยายความร่วมมือกับเยอรมนีในการพิทักษ์สหภาพยุโรปให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวกหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเม.ย.แข็งแกร่ง ราคาน้ำมันฟื้นตัวดัชนี DJIA ปิดที่ 21,006.94 จุด เพิ่มขึ้น 55.47 จุด หรือ +0.26% ดัชนี S&P 500 ปิด 2,399.29 จุด เพิ่ม 9.77 จุดหรือ
+0.41% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,100.76 จุด เพิ่มขึ้น 25.42 จุด หรือ +0.42% ปัจจัยหนุน คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ที่เพิ่มมากกว่าคาด และราคาน้ำมันดิบรีบาวด์
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นรับตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่ง & แรงซื้อเก็งกำไร
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 46.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENTเพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 49.10 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงหนุนมาจากการช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาดิ่งลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินช่วยหนุน จับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันวันที่ 25 พ.ค.นี้ว่าจะขยายเวลาการลดปริมาณผลิตออกไปเป็นปลายปี 60 หรือไม่
- สัญญาทองคำ : ดิ่งแรงต่อ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 19.90 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ระดับ 1,228.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสลดลง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง และสภาทองคำโลก (WGC) รายงานว่าความต้องการทองคำทั่วโลกใน 1Q60 -18%YoY สู่ระดับ 1,034 ตันเพราะนักลงทุนชะลอการลงทุนในกองทุน ETF ขณะที่ธนาคารกลางซื้อทองคำน้อยลง
ปัจจัยในประเทศ :
+ TCAP (ราคาปิด 47.75 บาท) : คาดสินเชื่อปี 60 พลิกเป็นเติบโตได้ (จาก -3% ปีก่อน)
# ผู้บริหาร TCAP เปิดเผยว่าปีนี้สินเชื่อธนาคารจะเติบโตได้ 4-5% จากที่ติดลบ 3% ในปี 59 โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น สินเชื่อรายใหญ่ขยายตัวได้จากหดตัวในปีก่อน โดยเฉพาะสินเชื่อโครงการลงทุนภาครัฐ และสินเชื่อกลุ่มพลังงานทางเลือกที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้นใน 2H60 ด้าน NPL คาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.2-2.3% ของสินเชื่อรวม ใกล้เคียงกับสิ้นปี 59 การตั้งสำรองฯค่าเผื่อไม่ต้องสูงมาก (ตั้งเป้าสำรองไตรมาสละ 1 พันล้านบาท,Credit Cost 0.7%) หลังมี Coverage Ratio สิ้นมี.ค.60 สูงถึง 150% แล้ว
# เราชอบ TCAP ที่มีพัฒนาการเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อเริ่มขยายตัวได้และคาดว่าจะเริ่มเติบโตในปี 60 หลังหดตัวมาหลายปี ด้าน Valuation จูงใจ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปีนี้ 8 เท่าและ P/BV 0.9เท่า แนะนำซื้อ ทาง DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 53 บาท
• PTTEP (ราคาปิด 94.50 บาท) : ระบุผลศึกษาพบว่าเหตุน้ำมันรั่วปี 52 ไม่กระทบน่านน้ำอินโดนีเซีย
ทาง PTTEP ชี้แจงตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อว่า The Coordinating Ministry for Maritime Affairs อินโดนีเซีย ยื่นฟ้องPTTEP และ PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) หรือ PTTEP AA ต่อศาลในกรุงจาการ์ตา เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 ว่าทาง PTTEP AA ในฐานะผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินการโครงการมอนทารา ได้ประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียทำการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอิสระด้านสิ่งแวดล้อมทำการศึกษา วิจัย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของน้ำมัน ผลการศึกษาสรุปว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในน่านน้ำออสเตรเลียและและบริเวณใกล้เคียงน่านน้ำอินโดนีเซียแต่อย่างใด และยังได้ทำการศึกษาภาพถ่ายดาวเทียมภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการสร้างแบบจำลองการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน (Trajectory Modelling) พบว่าคราบน้ำมันส่วนใหญ่อยู่ในน่านน้ำออสเตรเลีย และที่สำคัญคือคราบน้ำมันไม่ได้ลอยเข้าสู่แนวชายฝั่งทั้งออสเตรเลียและอินโดนีเซีย ซึ่งทาง PTTEP AA ได้ส่งผลการศึกษาแล้ว แต่ทางรัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่ได้ส่งหลักฐานพิสูจน์ความเสียหายและไม่อนุญาตให้ PTTEP AA เข้าพื้นที่ด้วย
- ธุรกิจโซลาร์เซลล์ : ผู้ประกอบการสหรัฐขอให้ไต่สวนนำเข้าโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย.60บริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของสหรัฐได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ (ITC) ขอให้มีการเปิดไต่สวนในการใช้มาตรการเซฟการ์ด เช่น การขึ้นภาษีกับสินค้าโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมภายในของสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการนำเข้าสินค้าโซลาร์เซลล์จากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงไทยด้วย ทั้งนี้มูลค่าส่งออกโซลาร์จากไทยไปสหรัฐปี 59 เพิ่ม 700% และในช่วง YTD ปีนี้ก็เติบโต 300% เนื่องจากบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตแผงโซลาร์ในไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐโดยเฉพาะจีน
-/• กลุ่มประกันภัย : เลขาธิการคปภ.สั่งลดเบี้ยประกันอัคคีภัย 10-15% มีผล 1 ต.ค.60
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าจากสถิติตั้งแต่ปี 2532-2559 เกิดเหตุอัคคีภัยจำนวนกว่า 52,000 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 4,532 คน และมีผู้เสียชีวิต 1,740คน ก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันการเกิดอัคคีภัยมีแนวโน้มเพิ่มความถี่และความรุนแรงมากขึ้น ทางคปภ. จึงได้หารือร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยในการดำเนินการปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันอัคคีภัยเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการประกันให้มากขึ้น ซึ่งได้ข้อสรุปอัตราค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยอุตสาหกรรมจะลดลง 10%
สำหรับทุกลักษณะภัยที่มีจำนวนเงินเอาประกันภัยต่ำกว่า 50 ล้านบาท (จำนวนเงินเอาประกันภัยตั้งแต่50 ล้านบาทขึ้นไปไม่มีการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นต่ำ กำหนดเฉพาะอัตราเบี้ยประกันภัยขั้นสูงที่ 2.375%เท่านั้น) ส่วนอัตราประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย (ซึ่งขยายคุ้มครอง 4 ภัย คือ น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว และลูกเห็บ)ปรับลด 15% ในวงเงินจำกัดความรับผิดไม่เกิน 20,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค.60 เป็นต้นไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]