- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 08 May 2017 18:06
- Hits: 4710
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
ผันผวน? แม้มีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจาก (1) ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาแข็งแกร่ง และ (2) ผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7/5/60) ซึ่งนายมาครอง ที่มีแนวคิดสายการกลาง ชนะ นางเลอเปน ที่มีแนวคิดขวาจัด ช่วยลดความกังวลต่อประเด็นการออกจาก EU
แต่คาดการปรับขึ้นของตลาดฯ บ้านเราอาจเป็นไปอย่างจำกัด และมีโอกาสสวนทางกับตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นในประเทศ (1) PTTEP ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อว่าทางอินโดนีเซียยื่นฟ้องคดีต่อศาลในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อ เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี’52 ต่อ PTTEP และบริษัท PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) หรือ PTTEP AA อย่างไรก็ตามทั้ง PTTEP และ PTTEP AA ยังไม่ได้รับเอกสารฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ – ตาม จม.แจ้ง SET เมื่อ 8/5/60 และ (2) Fund Flow ล่าสุดต่างชาติขายสุทธิ ประมาณ 2,100 ล้านบาท
รวมถึงทางด้านราคาน้ำมัน ที่คาดภาพรวมยังถูกดดันจากการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดส่งผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP
อย่างไรก็ตามยังอยู่ในช่วงการทยอยประกาศผลการดำเนินงาน ที่คาดมีแรงเก็งกำไรจนถึงกลางเดือนพ.ค.และยังแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น
ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไป ได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60
SET SET50 SET100
1,569.02 -4.03 997.24 -1.77 2,244.48 -4.37
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +55.47, NASDAQ +25.42, S&P +9.77, FTSE +49.33, CAC +59.98 และ DAX +69.11 S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภายใต้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ - เม.ย. เพิ่มขึ้น 211,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงาน - เม.ย. อยู่ที่ 4.4% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว ซึ่งส่งผลดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด หลังนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีพันล้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ประกาศขายหุ้น IBM จำนวน 33% ที่เขาถือครองอยู่ หรือจำนวน 81 ล้านหุ้น และส่งผลให้ราคาหุ้น IBM ปรับลง
ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ (7/5/60)
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.70 อยู่ที่US$46.22 ต่อบาร์เรล ตอบรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ข้างต้น นอกจากนี้ยังเป็นการเข้าเก็งกำไรหลังราคาปรับลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้ความกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันในระดับสูง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานว่า โอเปกและกลุ่มประเทศนอกโอเปก มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยจะมีการประชุมในวันที่ 25/5/60
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.18 1.9 3.12
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,778.54
สถาบัน 1,062.38
บัญชีหลักทรัพย์ 440.13
ต่างประเทศ -2,123.03
ในประเทศ 620.51
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.7 อยู่ที่ US$ 1,226.9 ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานข้างตัน ส่งผลให้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตามการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ (7/5/60)
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -2,123 ล้านบาท สะสม YTD +4,963 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาทและ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 8 - 12 พ.ค. 2560
8/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีแนวโน้มการจ้างงาน (ETI) เดือนเม.ย.
9/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนมี.ค.
10/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.
สต็อกน้ำมันงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนเม.ย.
11/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
12/5/60 สหรัฐฯ เปิดเผย–ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนพ.ค.และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ CBG เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาคเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ เป็นต้น
(6) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ IRPC, TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น
(7) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
(8) กลุ่มขนส่ง ยังได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วง 2Q/60 เช่น AAV, AOT
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.35%(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.11 อยู่ที่ 10.57
หุ้นแนะนำ : SPA
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788