WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CSGบล.คันทรี่ กรุ๊ป : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

แนวโน้มตลาดวันนี้ (4/05/60)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้'เคลื่อนไหวในกรอบแคบและปิดไม่เปลี่ยนแปลง'
  ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดตลาดและเคลื่อนไหวกรอบแคบ หลังไร้ปัจจัยใหม่ มีเพียงการซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวอ้างอิงงบช่วง 1Q60 ที่กำลังจะออกเร็วๆ นี้ บวกกับนักลงทุนยังรอติดตามผลประชุมเฟดที่จะทราบผลคืนนี้ แม้ตลาดคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยก็ตาม โดยช่วงระหว่างวันดัชนี SET Index มีการขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1,569.51 จุด และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,563.20 จุด ก่อนที่จะปิดตลาดที่ระดับ 1,564.12 จุด (-0.0%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 32,533 ล้านบาท กลุ่มที่ปรับลงได้แก่กลุ่มค้าปลีก(-0.77%DoD) และกลุ่มลีสซิ่ง(-0.74%DoD)

ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกับตลาดหุ้นวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ DJIA +8.01 จุด (+0.04%) โดยผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ออกมามีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75-1.00%เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้อยู่แล้ว ขณะที่แถลงการระบุว่าการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาส 1 ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปีเป็นการเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและคาดว่าหลังจากนี้จะขยายตัวได้ในระดับปานหลาง ขณะที่ในการขึ้นดอกเบี้ยนั้นคาดว่าจะขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้
  (+) การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 175,000 ตำแหน่ง ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมเดือนเม.ย. อยู่ที่ 53.2 จุด สูงกว่าเดือนมี.ค.ที่อยู่ที่ 53.0 จุดและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 52.7 จุด
  (+) ราคาทองคำที่ตลาด COMEX -0.68% อยู่ที่ 1,248.50 ดอลลาร์/ออนซ์
   (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI +0.3% มาอยู่ที่ 47.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต๊อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ลดลง 930,000   บาร์เรล
  (-) ราคาถ่านหิน -1.3% มาอยู่ที่ 78 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
  (-) ราคาน้ำตาลดิบเบอร์ 11 ลดลง 0.98% มาอยู่ที่ 16.02 Cents/Pound
  (-) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 311 ล้านบาท
  (-) BDI ลดลง 39 จุด (-3.63%) มาอยู่ที่ 1,034 จุด
  (+/-) หุ้นยุโรป CAC40 -0.06% FTSE100 -0.21% ส่วน DAX +0.16%
  (+/-) ผลการสำรวจคะแนนผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศษหลังการดีเบตวานนี้โดยนายมาคอนมีคะแนนนำ 63:34
  (+/-) ก.ล.ต. อนุมัติให้บลจ.ตั้งกองทุน “เฮดจ์ฟันด์” ได้ โดยให้ขายได้เฉพาะนักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่พิเศษเท่านั้น
  (+/-) GDP กลุ่มยูโรไตรมาส 1 ขยายตัว 0.5%QoQ และ 1.7%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. ลดลง 0.3%MoM แต่เพิ่มขึ้น 3.9%YoY

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
  หุ้นเข้า/ออก SET 50 รอบ 1H60 (คาดหุ้นเข้า ได้แก่ GL, THAI, GLOBAL, SPRC, JAS, PTG, SCCC, RATCH และหุ้นออก ได้แก่ TASCO, SAWAD, TTW, WHA, BEC, TPIPL, BCP, MTLS)
  การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค.
  ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ได้แก่ US ดุลการค้าเดือนมี.ค. (4 พ.ค.) อัตราว่างงานเดือนเม.ย. (5 พ.ค.) EU ตัวเลขค้าปลีกเดือนมี.ค. (4 พ.ค.)

 

กลยุทธ์การลงทุน “ได้โมเมนตัมบวกจากต่างประเทศ”
  ประเมินดัชนีวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวกรอบแคบ แต่ภาพรวมมี Sentiment เป็นบวกมากขึ้นหลังจากสต๊อคน้ำมันดิบในสหรัฐเริ่มลดลง ลดความกังวลในราคาน้ำมันดิบ อีกทั้งมีความคาดหวังในการปรับขึ้นดอกเบี้ยจาก FED ในกลางเดือนหน้ามากขึ้น หนุนการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร เราคงแนะนำเก็งกำไรกลุ่มที่มี Catalyst เด่น และ laggard ตลาด เพื่อลดความเสี่ยงจาก Fund Flow ต่างชาติหลังจากค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่า

 

หุ้นเด่นประเด็นร้อน
MAJOR เก็งกำไร
  มองบวกต่อหน้าหนังที่โดดเด่นในช่วง 2Q60 ( Fast & Furius 8, Gurauans of Galaxy,Pirate of the Caribbean ,Transformers)
คาดผลประกอบการ 1Q60 ฟื้นตัว QoQ และทรงตัวYoY
  ราคาเหมาะสมปี 60 ที่ 38 บาท (อิง PER 25 เท่า)

 

ASAP เก็งกำไร
  ตลาดมองผลดำเนินงาน 1Q60 เติบโตเด่นได้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีและราคารถมือ 2 ที่ฟื้นตัว
  ราคาหุ้น Laggard กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้า KCAR , PL
  มีโอกาสเติบโตจากการเติบโตของรถเช่าจากลูกค้า Corporate ที่มีอัตราส่วนเช่า/ซื้อ ต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว

ทีมวิเคราะห์

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!