- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 August 2014 17:03
- Hits: 2535
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Cool Down
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวแรง 24.24 จุด มาอยู่ที่ 1,544.55 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 56,151 ล้านบาท และเงินทุนต่างชาติกลับเข้าไทยหนาแน่น ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,685 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,310 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 8,983 ล้านบาท กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าแตะระดับ 31.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ +/- ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,535 จุด ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของ MBKET เพื่อเป็นการยืนยันภาพตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ โดยคาดว่าระดับสูงสุดก่อนหน้า 1,550-1,560 จุด มีความเป็นไปได้สูงที่ SET INDEX ขึ้นทดสอบและทะลุด่านดังกล่าวในที่สุด ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่เชื่อว่าปัจจัยการลงทุนภายในประเทศ ยังคงเอื้อต่อทิศทางดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินใหม่จาก Trigger Funds ราว 5-8 พันล้านบาท, พัฒนาการทางการเมืองรวมถึงแผนเศรษฐกิจที่จะชัดเจนในช่วงที่เหลือของเดือนส.ค. และ การทยอยประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ของหุ้นหลักกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้จับตาการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่า ส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมเงินเพื่อชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ TRUE ในวันที่ 22-28 ส.ค. รวมถึงความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจจากนี้ไป
สำหรับการปรับดัชนี MSCI Thailand รอบไตรมาสพบว่า ไม่มีการเพิ่มหุ้นไทยในการคำนวณครั้งนี้ แต่คัด GJS และ GSTEL ออกจากการคำนวณ มีผล ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตหุ้น เพื่อรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,550 จุดขึ้นไป แต่หาก SET INDEX มีการย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นโอกาสของการเข้าเก็งกำไรรอบสั้นได้เช่นกัน” ยังคงเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกของการลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” SAMART และ “ซื้อ” MFEC
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: SAMART
Buy: MFEC
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดเหนือ 1,540 จุด สัญญาณบวก
SET INDEX วันนี้ คาดลดความร้อนแรง แกว่งในกรอบ 1,540 – 1,550 จุด
จับตาการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง
ดังนั้นกลยุทธ์ อาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,550 จุดหรือสูงกว่า แต่หาก SET INDEX ย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย อาจเป็นโอกาสเข้าเก็งกำไรรอบสั้น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เม็ดเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าเอเชียเกิดใหม่อย่างหนาแน่น
สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดทะลุแนว 1,530 จุด ขึ้นไปแกว่งทดสอบแนวต้านย่อยบริเวณ 1,535-1,540 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลัก อย่าง SCC / PTT / KBANK / BBL เป็นต้น บวกกับหุ้นขนาดกลางๆ ที่ขยับขึ้นตามประเด็นบวกเฉพาะ อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างโดดเด่น แตะระดับ 31.95-31.98 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 24.24 จุด มาอยู่ที่ 1,544.55 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 56,151 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Professional +3.80%, กลุ่มโรงพยาบาล +3.53% และกลุ่ม Pacakging +3.11% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +2.65%, กลุ่มพลังงาน +2.59% และ กลุ่มอสังหาฯ +1.78%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.45 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเฉลี่ย 0.5% ต่อตลาด สอดคล้องกับภาพรวมของ DJIA คืนวานนี้
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 2 หลัง SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,535 จุด ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสิ้นสุดภาวะการพักฐานของ SET INDEX ที่ MBKET ประเมินไว้ตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. อีกทั้งเงินทุนต่างชาติ และเม็ดเงินใหม่จากกองทุนภายในประเทศ ที่เข้าซื้อสุทธิอย่างหนาแน่น เป็นการยืนยันทิศทางตลาดหุ้นไทยในรอบนี้เช่นกัน
MBKET ประเมินภาพ SET INDEX รอบนี้ จะขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,550-1,560 จุด และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทะลุผ่านไต่ระดับขึ้นสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,580-1,600 จุด ด้วยปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•เม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds
oกองทุน Trigger Funds ที่ปิดการขายระหว่างวันที่ 6-7 ส.ค.ที่ผ่านมา เงินทุนใหม่ 2,270 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเห็นการซื้อสุทธิของสถาบันภายในประเทศวานนี้มากถึง 2,614 ล้านบาท
oกองทุน Trigger Funds ของ UOBAM จะปิดการขายในสัปดาห์นี้ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดเริ่มทยอยลงทุนในสัปดาห์หน้า
•การทยอยประกาศเงินปันผลงวด 1H57 ของหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร
•เม็ดเงินทุนต่างชาติ เริ่มส่งสัญญาณบวก หลังซื้อสุทธิอย่างหนาแน่นทั้ง 3 ตลาดในไทยวานนี้ ทั้งตลาดหุ้น / SET50 Index Futures / ตลาดตราสารหนี้ ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้เม็ดเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยระลอกใหม่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเมืองดังต่อไปนี้
oผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ล่าสุด ประธาน สนช. ยืนยันกรอบการสรรหานายกฯ ยังคงเป็นกรอบเวลาเดิม 21-22 ส.ค. แต่หากล่าช้า จะต้องได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อพัฒนาการทางการเมืองไทย
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
หากตัวแปร 2 ประเด็นข้างต้นออกมาในเชิงบวกและเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนต่างชาติ MBKET ประเมินว่า เงินทุนต่างชาติอาจไหลออกจากตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ (PSE) ที่แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่า 7.0% ขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นฟิลิปปินส์แพงที่สุดในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ จากนี้ไป MBKET ให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่อประเด็นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่
•ประธาน สนช. ยืนยันกรอบเวลาการสรรหานายกฯ ในวันที่ 21-22 ส.ค. หรืออย่างช้าไม่ต้องได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้
•การพิจารณาร่างงบประมาณปี 2558 ในวันที่ 15 ส.ค. ถือเป็นปัจจัยที่ชี้นำทิศทางด้านเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตแตะระดับ 4.0% ได้ตามที่สศค. ประเมินไว้หรือไม่
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คณะทำงานด้านเศรษฐกิจต้องสรุปรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แหล่งที่มาของเงินทุนในการลงทุนโครงการต่างๆ ภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้ เพื่อนำเสนอต่อ คสช.ในลำดับต่อไป
ภาพการฟื้นตัวของ SET INDEX วานนี้ เป็นการยืนยัน การสิ้นสุดภาวะการพักฐานของ SET INDEX ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะเป็นจุดสำคัญ รวมถึงหุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช.: หลัง สนช. พิจารณาเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเด็นถัดไปที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากนี้ไป
•การพิจารณางบประมาณปี 2558 สนช.เตรียมพิจารณาในวันที่ 15 ส.ค.
•การพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี ประธานสนช.ยืนยันกรอบเวลาเดิม 21-22 ส.ค. หรืออย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนส.ค.
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.การปรับดัชนี MSCI รายไตรมาสรอบนี้: สำหรับ MSCI Thailand พบว่า
•เพิ่ม: ไม่มี
•ออก: GJS, GSTEL
ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดวันที่ 29 ส.ค.
3.แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ: เนื่องด้วย
•เงินทุนต่างชาติที่ต้องเตรียมเงินสำหรับการจ่ายเงินเพิ่มทุนของหุ้น TRUE ในวันที่ 22-28 ส.ค. ส่วน China Mobile จ่ายเงินในวันที่ 28-30 ส.ค.
•มุมมองต่อพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ / การทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD ของหุ้นหลัก อาจดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย
4.เม็ดเงิน Trigger Funds ทยอยเข้าลงทุน: MBKET คาดว่าเม็ดเงินทุนใหม่ของกองทุน Trigger Funds ที่ปิดการขายในวันที่ 6-7 ส.ค. เริ่มทยอยเข้าลงทุนนับตั้งแต่วานนี้ และมีแนวโน้มที่จะเข้าลงทุนต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันทำการจากนี้
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.52 13.51 15.25 13.27
PSE 19.69 17.04 19.67 17.04
JSE 16.85 14.39 16.69 14.26
KOSPI 10.53 9.17 10.42 9.07
TAIEX 14.83 13.75 14.74 13.63
Straits Time 14.53 13.36 14.54 13.38
SHCOMP 8.80 7.79 8.79 7.79
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อ” ได้แก่
1.MFEC: ราคาปิด 7.55 บาท ราคาเหมาะสม 9.10 บาท
a)MFEC รายงานกำไรใน 2Q57 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ 111 ล้านบาท เติบโต 217% qoq และ 51% yoy จากการส่งมอบงานที่ค้างอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวข้องกับราชการ ส่งผลให้รายได้ใน 2Q57 เพิ่มขึ้นถึง 111% qoq และ 6% yoy เป็น 1,795 ล้านบาท เป็นการยืนยันผลการดำเนินงานที่ผ่านจุดต่ำสุดไปใน 1Q57
b)MBKET ปรับประมาณการปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 55% และปี 2558 อีก 41% กำไรในปีนี้คาดว่าจะทำได้ทั้งสิ้น 265 ล้านบาท เติบโต 14% yoy และ 306 ล้านบาทในปี 2558 เติบโต 16% yoy หลัง 1H57 ผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าที่เราคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ หรือคิดเป็น 86% ของประมาณการเดิม ขณะที่ผลการดำเนินงานใน 2H57 จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ
c)หลังปรับประมาณการปี 2557-2558 ขึ้น ทำให้เรามีการปรับราคาเหมาะสมของ MFEC ขึ้นเป็น 9.10 บาท เทียบกับราคาปิด ณ ปัจจุบันมี Upside gain ถึง 20%
d)ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ซื้อขาย PER15 ต่ำเพียง 10.88x บวกกับผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2557 สูงถึง 6.37%
และ “เก็งกำไร”
2.SAMART: ปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 26.00 บาท
a)ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2H57 ของ SAMART ที่จะทำกำไรในระดับสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากแรงผลักดันของยอดขาย Smartphone ผ่าน SIM และการฟื้นตัวของธุรกิจ SI ผ่าน SAMTEL บวกกับ ยอดขาย Set-top-Box ในกล่องทีวีดิจิตอลที่จะเริ่มทยอยแจกคูปองในเดือนก.ย. จะเป็นตัวแปรสำคัญ
b)ภาพรวมทั้งปี 2557 เราคาดกำไรสุทธิของ SAMART ไว้ที่ 1,860 ล้านบาท เติบโต 26.7% yoy และขยับขึ้นเป็น 2,076 ล้านบาทในปีหน้า เพิ่มขึ้น 11.6%
c)นอกจากนี้ SAMART ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H57 ที่ 0.42 บาท คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.8% ขึ้น XD วันที่ 19 ส.ค. ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับเงินปันผลฟรี (ผลกระทบจาก XD น้อยกว่าเงินปันผลที่ได้ หรือ ไม่กระทบเลย)
d)แม้ว่าราคา ณ ปัจจุบัน จะเหลือ Upside gain จากราคาเหมาะสมเพียง 12% แต่ด้วย Momentum ของภาพรวมตลาดหุ้นไทย บวกกับ แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่ม SAMART ส่งสัญญาณเชิงบวก เปิดโอกาสของการเก็งกำไรในตัวหุ้นแม่
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดขอสวัสดิการว่างงาน และ ราคาสินค้านำเข้า – ส่งออก
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิ US$370 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$74ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 235.1 -123.3 11,044.0 9,188.0
KOSPI n.a 19.8 7,509.8 4,875.1
JSE 34.4 36.5 4,989.1 -1,806.4
PSE -5.0 -0.7 1,028.6 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -9.5 -6.6 228.1 263.2
SET INDEX 114.8 Closed -749.3 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในไทยหนาแน่นทั้ง 3 ตลาด
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +3,685 -1,181
SET50 Index Futures (สัญญา) +3,310 -824
SSF (สัญญา) +1,715 -3,816
Metal Futures (สัญญา) -449 +189
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +8,983 -6,404
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการมากถึง 3,685 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 2,206 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเป็น 24,993 ล้านบาท
และนักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 3,310 สัญญา เทียบกับ ช่วงก่อนหน้าที่มีทั้ง Short / Long สุทธิ น่าจะเป็นรายการที่หักกลบสถานะกันไปในก่อนหน้า ดังนั้นสถานะวานนี้ นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มถือสถานะ Long สุทธิอีกครั้ง และกดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือเพียง 4.53 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 8.87 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 449 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 2,443 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิ หลังราคาทองคำในตลาดโลกยังไม่ผ่าน US$1,310/ounce ได้ตลอด 3 วันทำการที่ผ่านมา
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ 8,983 ล้านบาท จากตลอด 6 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 30,076 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 2.21bps ปิดที่ 3.534%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ เหลือ 348 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,004 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 106.27 6.04% 224.21
PTTEP 65.14 7.09% 170.70
JAS 40.75 1.69% 6.46
IVL 26.37 11.08% 26.23
TRUE 17.23 1.07% 10.44
NVDR กลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ซื้อกระจุกตัวใน CK สอดคล้องกับ Big Lot วานี้
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้กลับมาซื้อสุทธิมากถึง 2,719 ล้านบาท เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 837 ล้านบาท และเป็นที่น่าสนใจต่อการซื้อสุทธิหนาแน่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างโดดเด่น สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ถูกซื้อสุทธิสูงสุด 952 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 630 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 401 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีกซื้อสุทธิ 267 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 192 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 185 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสูงสุด 102 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 84 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
CK 1,060.50 14.80 INTUCH -196.63 17.80
ADVANC 369.94 24.05 JAS -189.91 7.54
CPALL 252.08 19.09 CPF -185.01 14.63
KBANK 249.72 21.21 PTT -122.11 28.61
KTB 203.82 13.54 AOT -117.56 19.59
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong