- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 27 April 2017 18:10
- Hits: 3765
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
Selective buy
วันนี้คาด ดัชนีฯพยุงตัวได้ต่อ กรอบวันนี้คาด 1,560-1,573 จุด เล่นหุ้นมีข่าวหนุนรายตัว เมื่อวานสหรัฐฯเสนอแผนปฏิรูปภาษี ลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 35% เหลือ 15% คาดหุ้นไทยที่ได้ประโยชน์ IVL (รายได้ 30% จากสหรัฐฯ คาด Upside ต่อประมาณการณ์กาไรของเราประมาณ 8%) และ EPG (รายได้ 10% จากสหรัฐฯ คาด Upside ราว 2%), SCC รายงานกาไรหลัก 1.4 หมื่นลบ. ดีกว่าคาด จากธุรกิจปิโตรฯเป็นรายได้หลักที่หนุนกาไร คาดเป็น Sentiment บวกต่อคาดการณ์กาไรของหุ้นปิโตร คาดงบออกวันนี้ มีโอกาสดีกว่าคาด PTTEP และพรุ่งนี้ SPRC
สัปดาห์นี้ ดัชนีฯผันผวน เกินคาด ลงหลุดแนวรับ 1,560 จุด ในระหว่างสัปดาห์ข่าวดีจากปัจจัยต่างประเทศ ตามดัชนีฯยังสามารถดีดกลับได้ แต่รอบนี้คงคาด Upside ระยะสัปดาห์จะยังจากัด กลยุทธ์แนะเลือกลงทุนรายตัว คงแนะนาเน้นไปที่ หุ้นบูลชิพในกลุ่ม Hard Commodity พลังงาน น้ามัน โรงกลั่น ปิโตรเคมี และหุ้นรายตัวที่จะทยอยประกาศงบออกมาเด่นนสัปดาห์นี้
หุ้นแนะนำวันนี้ PTTEP แนวรับ 96.5 บ. ต้าน 98 บ. Stop loss 95 เก็งงบวันนี้ คาดกาไร 1Q17 โตดีกว่าตลาดคาดที่ 7-8 พันล้านบาท TRC แนวรับ 1.52 บ. ต้าน 1.58/1.6 Stop loss 1.5 ประชุม ผถห. อาเซียนโปแตซชัยภูมิ วันนี้ ด้าน สคร.เผยนายกกาชับให้มีการดาเนินการเรื่องนี้ฯอย่างมีประสิทธิภาพ (เป็นครั้งแรกที่ฝากรัฐฯออกมาพูดให้ความชัดเจนเรื่องนี้)
รายงานวันนี้
(+) SCC รายงานกาไร 1Q17 ที่ 17.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% YoY และ 39% QoQ มากกว่าเราและตลาดคาด 29% จากกาไรกลุ่มเคมีคอลดีกว่าคาด และมีรายการพิเศษราว 1.9 พันล้านบาท จากการ PTTGC และ สินทรัพย์ TUP โดยกาไรหลักจากการดาเนินงานอยู่ที่ 14.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY และ 25% QoQ เราคาดกลุ่มเคมีคอล จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในปีนี้ จากส่วนต่างกาไร PP ที่คาดจะดีขึ้นเพราะไมมีคาวมกังวลด้าน supply และสาหรับปูนซีเมนต์ คาดจะกลับมาดีขึ้นในช่วง 2H17 จากการเริ่มก่อสร้างโครงการภาครัฐต่างๆ นอกจากนี้บริษัทมีการปรับ useful life ของสินทรัพย์ ส่งผลให้ค่าเสื่อมลดลงปีละ 1.88 พันล้านบาท เราจึงปรับกาไรปี 2017 ขึ้น 7% เป็น 60.6 พันล้านบาท และคงคาแนะนา ซื้อ ราคาเป้าหมาย 620 บาท ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 10.9 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีจที่ 12.7 เท่า
(-) AAV คาดกาไรหลัก 1Q17 ที่ 733 ล้านบาท ลดลง 28% YoY แต่เพิ่มขึ้น 294% QoQ ปัจจัยที่ส่งผลให้คาดกาไรลดลง YoY เป็นเพราะ ค่าโดยสารเฉลี่ยลดลง ราคาน้ามันปรับตัวขึ้น และค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีเราเห็นภาพการฟื้นตัวใน 2Q17 ตั้งแต่เดือน เม.ย. ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.1%YoY ดังนั้นเราคาดจะเห็นกาไรของบริษัทฟื้นตัวขึ้น YoY ใน 2Q17 เราคงคาแนะนา ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.4 บาท ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 11.9 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีจที่ 26.2 เท่า
(+) KKP เราเชื่อว่าเทรนด์ของการตั้งสารองมีโอกาสที่จะปรับลงในอนาคต หนุนโดยข้อมูล Loan-loss coverage ratio ณ สิ้นเดือน มี.ค. ที่อยู่ที่ 110% เรามีการปรับประมาณการการตั้งสารอง LLP ลง 15% ในปี 2017-2018 มาที่ 2.2 และ 2.3 พันล้านบาท ตามลาดับ แม้ว่า สัดส่วน NPLs/loan จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจาก 5.25% YE17 มาที่ 5.6% ณ สิ้นเดือน มี.ค. แต่เรายังเชื่อว่าภาพรวมน่าจะกลับมาตามเป้า ณ ระดับที่ต่ากว่า 5.2% เรามีการปรับประมาณการกาไร ปี 2017 ขึ้น 5% มาที่ 6 พันล้านบาท และปี 2018 ขึ้น 6% มาที่ 6.5 พันล้านบาท สะท้อนการตั้งสารองที่ลดลง ในด้านการเติบโตของสินเชื่อเรายังคาดปีนี้จะเติบโตได้ 5-6% ตามเป้า เรายังคงคาแนะนา ซื้อ จากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงที่ 8.5% ราคาเป้าหมายใหม่ 78 บาท (จาก 73 บาท)
(-) KTB เราเชื่อว่าเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อยังมีความเสี่ยงที่จะพลาดเป้า 4-6% จากการเติบโตของสินเชื่อจากภาครัฐที่มีโอกาสขยายตัวน้อยกว่าคาด เราประเมินการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ที่ 4% ในด้านของการตั้งสารองเราเชื่อว่ามีโอกาสที่จะยังตั้งสารองเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จาก NPLs ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค.สัดส่วน NPLs/loan อยู่ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นจาก 3.97% ณ สิ้นปี 2016 อีกทั้ง Loan loss coverage ratio อยู่ที่ 112% ยังต่ากว่าเป้าหมายที่ 130% จากภาพข้างต้นเรามีการปรับประมาณการการตั้งสารอง LLP เพิ่มขึ้น 10% ในปี 2017 มาที่ 3.3 หมื่นล้านบาท (ใกล้เคียงกับปี 2016) และปรับ 7% ในปี 2018 มาที่ 3 หมื่นล้านบาท โดยรวมเราปรับประมาณการกาไรปี 2017 -18 ลง 9% และ 6% มาที่ 3.2 หมื่นล้านบาท และ 3.6 หมื่นล้านบาท ตามสาดับ เราปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 18.90 บาท (จาก 21.50 บาท) ปรับคาแนะนาลงจาก ถือ เป็น ขาย
(+) RJH เรามองว่า Valuations ตอนนี้ถือว่าถูกมาก ทั้งที่กาไรโตดีกว่ากลุ่มมาก ซึ่งตอนนี้ เทรดที่ 2017 PER 34x (กลุ่มเทรดที่ 36x) อย่างไรก็ตาม กาไรปี 2017 คาดโตแรง 21% (กลุ่มโตแค่ 7%) ซึ่งเรามองว่าเป็น รพ. เดียวที่คาดจะมี margin expansion เราประเมินกาไรใน 1Q17 ที่ 46 ลบ. เพิ่มขึ้น 11% YoY (กลุ่มโตแค่ 2%) จากทั้งในส่วนของรายได้ (Intensity case เพิ่มขึ้น) และ อัตราการทากาไร (จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง) RJH Rojana คาดกลับมาทากาไรจากขาดทุนปีที่แล้ว เรายังคงคาแนะนาซื้อ ราคาเป้าหมาย 33 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(0) AOT ค่าใช้จ่าย 1,264 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายให้กรมพื้นที่ราชพัสดุย้อนหลังจะหักจากกาไรสะสม ไม่กระทบต่อผลการดาเนินงาน และในส่วนที่ต้องรอข้อสรุปในการจ่ายค่าเช่าเพิ่มขึ้น คาดกระทบค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นราว 3-400 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 1% ของกาไร คาดไม่กระทบต่อพื้นฐานอย่างมีนัยะ (ที่มา BLS Research)
(+) TRC นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อานวยการสานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ (APOT) ในวันพรุ่งนี้ (27 เม.ย.) โดยวาระการประชุมเบื้องต้นจะมีการพิจารณาให้มีรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกากับของรัฐบาลเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้กาชับให้มีการดาเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด “เรื่องการพิจารณาให้รัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเข้ามาร่วมถือหุ้นในบริษัทนั้น สืบเนื่องมาจากบริษัทดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนกับกลุ่มประเทศอาเซียน ดังนั้นหลักเกณฑ์ในการร่วมลงทุนจึงได้กาหนดว่ารัฐบาลที่จัดตั้งบริษัทจะต้องถือหุ้นไม่ต่ากว่า 20% ซึ่งในส่วนนี้เราก็ดูว่าหมายถึงกระทรวงการคลังได้ และหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กาชับให้เรากลับไปพิจารณาดูว่าในส่วนนี้จะให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาร่วมด้วยได้ไหม เพราะรัฐวิสาหกิจก็ถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ก็เหมือนรัฐบาลถือหุ้นเช่นกัน จึงต้องมาดูมติของผู้ถือหุ้นพรุ่งนี้ ว่าจะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร"นายเอกนิติ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจจะมีการพิจารณาต่อไปว่า การถือหุ้นของบริษัทโดยรัฐบาลนั้นจะดาเนินการโดยกระทรวงการคลังอย่างเดียว รัฐวิสาหกิจอย่างเดียว หรือถือร่วมกันทั้ง 2 หน่วยงาน ซึ่งตามหลักเกณฑ์แล้ว มองว่าการถือร่วมกันทั้ง 2 หน่วยงานก็สามารถทาได้ โดยขณะนี้ยอมรับว่าจากการหารือร่วมกับรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ให้ความสนใจเข้าร่วมถือหุ้นใน บมจ.อาเซียนโปแตซชัยภูมิ ยังไม่มากนัก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ คงต้องรอให้ได้ข้อสรุปจากการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งนี้ก่อน
อย่างไรก็ดี การใส่เงินลงทุนเพิ่มในบริษัทดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิมนั้น ได้ดาเนินการเรียบร้อยแล้วผ่านงบกลาง โดยเป็นค่าหุ้นเรียกชาระในส่วนที่ยังค้างอยู่ วงเงิน 80 ล้านบาท ส่วนการพิจารณาเพิ่มทุนครั้งใหม่ในการประชุมครั้งนี้ คงต้องรอดูความเห็นของผู้ถือหุ้นทั้งหมดด้วยว่าควรเพิ่มทุนเท่าไรเพื่อความเหมาะสม (ที่มา อินโฟเควส)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(0/+) ไทย ส่งออกเดือน มีค. ขยายตัว 9.2% Vs.คาด 9.22% นาเข้า +19.3% และยังเกินดุลการค้า 1.617 US$bn Vs. คาด 1.7 US$bn จาก 1.6 US$bn (ที่มา กระทรวงพาณิชย์)
(0/+) เมื่อวาน เยอรมัน ifo ความเชื่อมั่นภาวะทางธุรกิจปัจจุบัน (เมย.) 121.1 ดีกว่าคาดที่ 119.5 จาก 119.3 และความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ 112.9 Vs. คาด 112.5 แต่ ifo ภาคบริการร่วงลงเหลือ 107.8 จาก 108.3 แย่กว่าคาด (ที่มา Bloomberg)
(+) พฤหัส US Durable goods order +1.5% จาก 1.8% m-m. ECB Deposit rate -0.4% และ คง QE 8 หมื่นล้านยูโร, ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ GDP 1Q17 คาด +2.6% จาก 2.4% y-y. (ที่มา Bloomberg)
(+) ศุกร์ US GDP 1Q17 คาด +1.2% จาก +2.1% q-q. US Chicago PMI เมย. คาด 56.9 จาก 57.7, Euro area CPI core คาด +0.9% จาก 0.7% y-y. HICP คาด 1.7% จาก 1.5%, ญี่ปุ่น Core CPI คาด +0.2% และ Industrial production มีค.คาด -1% จาก +3.2% m-m. เกาหลีใต้ Industrial production มีค. คาด +3.8% จาก +6.6% y-y. ไต้หวัน GDP 1Q17 คาด +2.4% จาก +2.9% y-y. ไทย Current account balance มีค. คาด 4.2US$bn จาก 5.7US$bn (ที่มา Bloomberg)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค