- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 26 April 2017 17:30
- Hits: 1924
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงแรง หลุดแนว 1,560 จุด ลงไปทดสอบด่าน 1,555 จุด โดยไม่มีปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศเข้ามากระทบการลงทุน ก่อนเกิด Technical rebound ปิด ณ สิ้นวันลบเพียง 2.39 จุด มาอยู่ที่ 1,562.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 46,297 ล้านบาท
ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,142 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,190 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเพียง 378 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามการประกาศงบ 1Q60 ของ SCC หลังปิดตลาดรอบเช้า
ติดตามรายละเอียดแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษีของ Trump คืนนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 14)
เราเชื่อว่า SET INDEX จะเริ่มทรงตัวดีขึ้น หลังปรับฐานสู่ 1,555 จุด +/- และเกิด Technical Rebound ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น โดยเป็นการปรับพอร์ตของสถาบันภายในประเทศเป็นสำคัญ ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศทรงตัว
วันนี้จับตาผลการดำเนินงาน SCC ใน 1Q60 อาจสูงที่เราคาดการณ์ 1.58 หมื่นล้านบาทได้ เพราะตัวแปรสำคัญคือ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีเป็นสำคัญ หากธุรกิจปิโตรเคมีออกมาดีกว่าคาด ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ PTTGC มีโอกาสรายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาด และเอื้อต่อ PTT ในท้ายที่สุด หากเป็นไปตามที่คาด SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวทดสอบด่าน 1,570 จุด +/- อีกครั้ง ด้วยแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ติดตามการเปิดแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษีของ Trump คืนนี้ คาดว่าจะเห็นเพียงกรอบกว้างๆ ของการลดภาษีนิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่รายละเอียด และกรอบเวลาเชื่อว่าจะยังไม่ชัดเจน ช่วย Sentiment เชิงบวกได้เล็กน้อย
กลยุทธ์หลัก เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือกสะสมหุ้นเป้าหมายที่ผลการดำเนินงานใน 1Q60 เติบโตเด่น yoy และ/หรือ qoq เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นช่วงนี้
Daily Pick
1. เก็งกำไร SCC : ราคาปิด 542.00 บาท ราคาเหมาะสม 600.00 บาท
a) SCC จะรายงานผลประกอบการในวันนี้ หากงบออกมาดีตามคาด เชื่อว่าจะเป็น Catalyst ช่วยหนุนให้ SET INDEX ฟื้นตัวได้ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q60 ที่ 15,750 ล้านบาท +16% yoy และ +28% qoq
b) จุดแข็งของ SCC คือ ความครบวงจรของธุรกิจทั้งปูนซีเมนต์ และปิโตรเคมี และมีนโยบายเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ในเวียดนาม กำลังการผลิต 3.1 ล้านตัน ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตปูนซีเมนต์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านตัน แบ่งเป็นในประเทศ 23 ล้านตัน และนอกประเทศ 10 ล้านตัน
c) Valuation น่าสนใจ ระดับ PER2560 ที่ 12.6 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 3.3%
2. สะสม CPF : ราคาปิด 26.50 บาท ราคาเหมาะสม 38.00 บาท
a) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -5% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าได้สะท้อนผลประกอบการ 1Q60 ที่จะชะลอตัวไปมากแล้ว โดยคาดการณ์กำไรปกติ 1Q60 ที่ 2,106 ล้านบาท -8% yoy และ -20% qoq
b) อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าคาดการณ์หลังกระทระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค. +9.2% yoy ดีกว่าคาดการณ์ตลาด และยอดส่งออกอาหารเติบโตเด่น ได้แก่ ไก่ +15% yoy และกุ้ง +7.5% yoy
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว และการเข้าซื้อ Westbridge Food Group จะช่วยขยายธุรกิจจำหน่ายเนื้อสัตว์และอาหารสำเร็จรูปใน UK และ EU และราคาหุ้นมี Upside ถึง 44.7% จากราคาเป้าหมาย
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงแรง หลุดแนว 1,560 จุด ลงไปทดสอบด่าน 1,555 จุด โดยไม่มีปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศเข้ามากระทบการลงทุน ก่อนเกิด Technical rebound ปิด ณ สิ้นวันลบเพียง 2.39 จุด มาอยู่ที่ 1,562.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 46,297 ล้านบาท
ทั้งนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,142 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน Set50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,190 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเพียง 378 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ติดตามการประกาศงบ 1Q60 ของ SCC หลังปิดตลาดรอบเช้า
- ติดตามรายละเอียดแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษีของ Trump คืนนี้
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 14)
เราเชื่อว่า SET INDEX จะเริ่มทรงตัวดีขึ้น หลังปรับฐานสู่ 1,555 จุด +/- และเกิด Technical Rebound ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นขึ้น โดยเป็นการปรับพอร์ตของสถาบันภายในประเทศเป็นสำคัญ ภายใต้ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศทรงตัว
วันนี้จับตาผลการดำเนินงาน SCC ใน 1Q60 อาจสูงที่เราคาดการณ์ 1.58 หมื่นล้านบาทได้ เพราะตัวแปรสำคัญคือ ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีเป็นสำคัญ หากธุรกิจปิโตรเคมีออกมาดีกว่าคาด ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อ PTTGC มีโอกาสรายงานกำไรสุทธิดีกว่าคาด และเอื้อต่อ PTT ในท้ายที่สุด หากเป็นไปตามที่คาด SET INDEX มีโอกาสฟื้นตัวทดสอบด่าน 1,570 จุด +/- อีกครั้ง ด้วยแรงผลักดันของเงินทุนต่างชาติเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ติดตามการเปิดแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษีของ Trump คืนนี้ คาดว่าจะเห็นเพียงกรอบกว้างๆ ของการลดภาษีนิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่รายละเอียด และกรอบเวลาเชื่อว่าจะยังไม่ชัดเจน ช่วย Sentiment เชิงบวกได้เล็กน้อย
กลยุทธ์หลัก เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือกสะสมหุ้นเป้าหมายที่ผลการดำเนินงานใน 1Q60 เติบโตเด่น yoy และ/หรือ qoq เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นช่วงนี้
Daily Pick
1. เก็งกำไร SCC : ราคาปิด 542.00 บาท ราคาเหมาะสม 600.00 บาท
a) SCC จะรายงานผลประกอบการในวันนี้ หากงบออกมาดีตามคาด เชื่อว่าจะเป็น Catalyst ช่วยหนุนให้ SET INDEX ฟื้นตัวได้ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q60 ที่ 15,750 ล้านบาท +16% yoy และ +28% qoq
b) จุดแข็งของ SCC คือ ความครบวงจรของธุรกิจทั้งปูนซีเมนต์ และปิโตรเคมี และมีนโยบายเชิงรุกเพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าซื้อธุรกิจปูนซีเมนต์ในเวียดนาม กำลังการผลิต 3.1 ล้านตัน ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้การผลิตปูนซีเมนต์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านตัน แบ่งเป็นในประเทศ 23 ล้านตัน และนอกประเทศ 10 ล้านตัน
c) Valuation น่าสนใจ ระดับ PER2560 ที่ 12.6 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 3.3%
2. สะสม CPF : ราคาปิด 26.50 บาท ราคาเหมาะสม 38.00 บาท
a) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -5% ใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าได้สะท้อนผลประกอบการ 1Q60 ที่จะชะลอตัวไปมากแล้ว โดยคาดการณ์กำไรปกติ 1Q60 ที่ 2,106 ล้านบาท -8% yoy และ -20% qoq
b) อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าคาดการณ์หลังกระทระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค. +9.2% yoy ดีกว่าคาดการณ์ตลาด และยอดส่งออกอาหารเติบโตเด่น ได้แก่ ไก่ +15% yoy และกุ้ง +7.5% yoy
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตในระยะยาว และการเข้าซื้อ Westbridge Food Group จะช่วยขยายธุรกิจจำหน่ายเนื้อสัตว์และอาหารสำเร็จรูปใน UK และ EU และราคาหุ้นมี Upside ถึง 44.7% จากราคาเป้าหมาย
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก US$1,235 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$381 ล้าน
และเป็นการซื้อสุทธิทุกตลาดวันที่ 2
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง และหนาแน่นขึ้น เมื่อ SET INDEX ปรับฐานลงแรง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,142 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,551 ล้านบาท เทียบกับ 5 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 4,201 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับเป็น 6,084 ล้านบาท
SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 1,190 สัญญา มากกว่า 2 วันทำการก่อนหน้าที่ Long สุทธิ 729 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long ส่งผลให้ S50M17 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 1.39 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.61 จุด ส่งผลให้ 2Q60 มีสถานะ Long สุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 22,504 สัญญา
และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 378 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าขายสุทธิ 9,479 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นอีก 1.09bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 4.73bps ปิดที่ 2.756%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 948 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 789 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 59 หลักทรัพย์ เท่ากับวันก่อนหน้า
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นกลุ่ม Global Play เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 1,316 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 313 ล้านบาท โดยสะสมกลุ่มปิโตรเคมีหนาแน่น 518 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน 246 ล้านบาท และกลุ่มธนาคาร 228 ล้านบาท แต่ลดน้ำหนักกลุ่ม ICT สูงสุดเพียง 62 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
Trump อาจเก็บภาษีกำไรจากต่างประเทศ 10%: ประธานาธิบดี Trump กำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีผลการดำเนินงานของบริษัทสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ราว 10% เพื่อเป็นแหล่งรายได้ในการลงทุนภายในประเทศของรัฐบาล ซึ่งเอกชนสหรัฐฯ มีกำไรจากต่างประเทศราว US$2.6 ล้านล้าน แต่จะลดภาษีนิติบุคคลบนธุรกิจ Pass-through เช่น hedge fund ลงจาก 39.6% เป็น 15%
ยุโรป
นาง Le Pen ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่ออิสระในการชูนโยบาย: นาง Le Pen ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค National Front เพื่อให้นางมีอิสระในการกำหนดนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงรอบที่ 2
แบงก์ในอียูเร่งลด NPE: รายงาน ECB พบว่าระดับหนี้เสีย Non-Performing Exposures ณ สิ้นปี 2559 เท่ากับ 9.31 แสนล้านยูโร ลดลงจาก ณ สิ้นเดือนก.ย. 2559 เท่ากับ 9.72 แสนล้านยูโร โดยธนาคารพาณิชย์ในอิตาลีเร่งการลดระดับหนี้เสียลงมากที่สุดถึง 50% ของระดับ NPE ที่ลดลง ส่วนธนาคารในไอร์แลนด์ลด NPLs ลดลงเหลือ 3.35 หมื่นล้านยูโร จาก ณ สิ้นเดือนก.ย. 2559 เท่ากับ 3.85 หมื่นล้านยูโร
EU วางกรอบการเจรจา Brexit เน้นเรื่องผู้อาศัยและกลุ่มการเงิน: ร่างการเจรจา Brexit ของอียู จะยืนยันให้อังกฤษให้ใบพำนักถาวรแก่ชาวอียูในอังกฤษที่ได้ใบอนุญาตดังกล่าวก่อน Brexit ปี 2562 และสามารถอาศัยได้มากกว่า 5 ปี สำหรับภาคการบริการทางการเงิน ไม่สามารถยืนยันถึงการบริการเสรีหลัง Brexit
จีน
รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีนมองหนี้เสียและเงินทุนไหลออกเริ่มทรงตัว: รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ให้ความเห็นว่า NPL ในระบบสถาบันการเงินเริ่มทรงตัว ทั้งนี้ NPLs Ratio ปรับตัวลงใน 4Q59 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 รวมถึงแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกคลายตัวลง เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว อย่างไรก็ตามธนาคารกลางจีนจะยังติดตามประเด็นเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
อัตราการว่างงานในจีนต่ำกว่า 4% ณ สิ้น 1Q60: อัตราการว่างงานใน 1Q60 เท่ากับ 3.97% เป็นระดับต่ำกว่า 4% ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 โดยมีการจ้างงานใหม่ 3.34 ล้านตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวดีกว่าเป้าหมายทั้งปีของทางการที่ 4.5%
เอเชียแปซิฟิก
อินโดนีเซียยืนยันไม่จำเป็นต้องลดการใช้จ่ายงบประมาณ: รมว.คลัง อินโดนีเซีย ยืนยันที่จะไม่ต้องลดการใช้จ่ายงบประมาณในปีนี้ เหมือนที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว หลังประมาณการรายได้ของรัฐบาลเป็นไปตามที่ประเมิน จากภาพรวมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น โดยรัฐบาลจะยังเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้ประมาณการเศรษฐกิจปีนี้เติบโต 5.1% ดีกว่าปี 2559 ที่ 5.0%
ไทย
ไม่มี
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul Assistant Analyst
Strategist Team
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Krittapol Itthithumsakul
Assistant Analyst
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong