- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 25 April 2017 17:45
- Hits: 1785
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อใหม่/ถือต่อด้วยค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PRIN (จากซื้อเป็นถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลง 5.36 จุดปิดที่ 1564.66 โดยยังคงมีแรงขายแบงค์รายตัว เช่น KBANK, SCB, KKP แต่ก็มีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการหุ้นรายบริษัทขนาดกลาง-เล็ก นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 413 ล้านบาท ซึ่งต้องดู Flow ต่อว่าจะซื้อต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนปัจจัยสำคัญ & หุ้นเด่น ได้แก่
+/• สหรัฐ : ตลาดคาดว่าทรัมป์จะประกาศแผนปฏิรูปภาษีวันพุธนี้ แต่สภาคองเกรสยังมีความเห็นต่าง ทำให้การปรับลดภาษีอาจไม่มาก
+ PTTGC : คาดกำไรสุทธิ 1Q60F โตกว่าเท่าตัว YoY เพราะช่วง 1Q59 มีการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ใน 1Q60 การผลิตเป็นปกติ ทำให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น สเปรดปิโตรเคมีดี ค่าการกลั่นเพิ่ม และมีกำไรจาก FX เพราะบาทแข็ง แนะนำซื้อ TP 79 บาท (ไม่รวมการซื้อ 6 บริษัทจาก PTT)
+ BEAUTY : SSSG งวด 1Q60F กลับมาโต 12-14%YoY และคาดกำไร +30%YoY โดยหลักมาจาก Outlet ในประเทศและการขยายสาขาสาขาแรกของฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ คาดจะไปได้ดี กำไรปี 60-61 จะโต 32% และ 28% ตามลำดับ แนะนำซื้อ ให้ TP 14 บาท
+ MINT : เชื่อว่าปีนี้ Core Profit จะโต 23% จากธุรกิจโรงแรมดีขึ้นตามการเพิ่มของนักท่องเที่ยวต่างชาติ การปรับขึ้น ADR หลัง Renovation ยอดขายอสังหาฯดีขึ้น การปรับโครงสร้างธุรกิจ Time-share และธุรกิจอาหารกระเตื้องขึ้นทั้งในไทยและจีน แนะนำซื้อ ให้ TP 46 บาท
- DCC : กำไร 1Q60 ลดลง 21%YoY เพราะต้นทุนค่าก๊าซและขนส่งเพิ่มตามราคาน้ำมัน ขณะที่อุปสงค์โตไม่มาก การแข่งขั้นในอุตสาหกรรมสูง ปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง 6% ปรับลด TP เป็น 4.5 บาท (เดิม 4.8 บาท) Yield ปันผลปีนี้ราว 3% กว่าๆ ไม่ได้จูงใจมากหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTTGC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค :ภาพตลาดยังเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นค่าบวก ค่าลบควร Wait & See ก่อน ต่ำกว่า 1564 ควรลดพอร์ตตาม
สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ ROJNA, BCH, UTP, AU ส่วนหุ้นที่อยู่ใน List คือ TCMC, SYNEX, ROBINS, KKP, JMT, S, EA หุ้นแนะนำไปและให้หาจังหวะ Take Profit คือ WICE, DIMET หุ้นหลุด List ได้แก่ MONO, STEC, ACAP, ERW, ECL, PL, SAMTEL
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ สหรัฐ : คาดทรัมป์เปิดเผยแผนปฏิรูปภาษีพุธนี้
ตลาดคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเปิดเผยข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การที่สภาคองเกรสยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษี อาจทำให้การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น
+ ฝรั่งเศส : ผลเลือกตั้งทางการของรอบแรก มาครองได้คะแนน 24.01% และเลอเปนได้ 21.3%
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ผลการนับคะแนนขั้นสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า นายมาครองได้รับคะแนนเสียง 8.66 ล้านเสียง หรือ 24.01% ขณะที่นางเลอเปนได้รับ 7.68 ล้านเสียง หรือ 21.30% ซึ่งชัยชนะของนายมาครองช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลที่ว่า ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ขณะที่ผลการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ในการเลือกตั้งรอบ 2 นายมาครอง จะชนะนางเลอเปนด้วยคะแนน 66% ต่อ 34% ส่วนโพลล์สำรวจของ Ipsos/Sopra Steria ระบุว่านายมาครองจะชนะนางเลอเปน ในการเลือกตั้งรอบที่ 2 ซึ่งเป็นรอบชี้ขาดในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ด้วยคะแนนเสียง 62% ต่อ 38%
+ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนี DJIA พุ่ง 216.13 จุด รับผลเลือกตั้งฝรั่งเศส & คาดทรัมป์เผยมาตรการภาษี
ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลเลือกตั้งฝรั่งเศส และคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเปิดเผยข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 20,763.89 จุด พุ่งขึ้น 216.13 จุด หรือ +1.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,374.15 จุด เพิ่มขึ้น 25.46 จุด หรือ +1.08% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,983.82 จุด เพิ่มขึ้น 73.30 จุด หรือ +1.24%
- สัญญาน้ำมันดิบ : ยังอ่อนต่อ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 49.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์ ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 51.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ ความกังวลอุปทานสูง โดยเฉพาะจากสหรัฐที่ Shale Oil กลับมาผลิตเพิ่ม 14 สัปดาห์ต่อเนื่องทังนี้สหรัฐผลิตน้ำมันดิบ 9.25 ล้านบาร์เรล/วัน ขึ้นมาใกล้เคียงระดับการผลิตน้ำมันของซาอุดิอาระเบียซึ่งผลิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากรัสเซีย
- สัญญาทองคำ : ร่วงแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 11.6 ดอลลาร์ หรือ 0.90% ปิดที่ระดับ 1,277.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากมาครองได้คะแนนเสียงสูงสุดในการเลือกตั้งฝรั่งเศส ความกังวลเรื่องฝรั่งเศสจะออกจาก EU ผ่อนคลายลง รวมทั้งนักลงทุนโยกเข้าซื้อหุ้นเพราะคาดว่าทรัมป์จะประกาศมาตรการปฎิรูปภาษีในวันพุธที่ 26 เม.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ :
• LHBANK (ราคาปิด 1.77 บาท) : CTBC พันธมิตรใหม่จากไต้หวันช่วยหนุนธุรกิจ
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร LHBANK กล่าวว่า การร่วมทุนกับธนาคาร CTBC จากไต้หวันมีความคืบหน้า โดยขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของไต้หวันอนุมัติดีลการลงทุนแล้ว และรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของไต้หวันอีกหน่วยงานหนึ่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างก.ล.ต.ของไทยพิจารณากระบวนการออกหุ้นให้ผู้ถือหุ้นรายเดียว จากนั้นจะเป็นการพิจารณาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าทั้งหมดจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.60 ตามที่กำหนดไว้
ซึ่งตามแผน LHBANK จะออกหุ้นสามัญขาย PP ให้กับ CTBC จำนวน 7,545 ล้านหุ้น ราคา 2.20 บาท/หุ้น โดยเมื่อดีลสำเร็จ CTBC จะถือหุ้น 35.6% และสัดส่วนการถือหุ้นของ LH และ QH จะลดลงเป็น 21.9% และ 13.7% ตามลำดับ ณ สิ้นมี.ค.60 ทาง LHBANK มีสินทรัพย์ 2.1 แสนล้านบาท หนี้สิน 1.9 แสนล้านบาท และมี BVS 1.49 บาท/หุ้น สำหรับกำไร 1Q60 อยู่ที่ 587 ล้านบาท เติบโต 3%YoY
+ PTTGC (ราคาปิด 74.25 บาท) : คาดกำไร 1Q60F เติบโตกว่าเท่าตัว
คาดกำไรสุทธิ 1Q60F โตกว่าเท่าตัว YoY เพราะช่วง 1Q59 มีการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่ใน 1Q60 การผลิตเป็นปกติ ทำให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น สเปรดปิโตรเคมีดี ค่าการกลั่นเพิ่ม และมีกำไรจาก FX เพราะบาทแข็ง สำหรับทั้งปี 60 ผลประกอบการเติบโตได้ดี การใช้กำลังการผลิตในปีนี้จะสูงขึ้นจากปี 59 ที่มีการปิดซ่อมบำรุงในแผนและนอกแผนหลายครั้งในช่วง 1H59 ยังผลให้ปริมาณขายและมาร์จิ้นในปี 60 จะดีขึ้น แต่กำไรจากสต็อกจะน้อยลงไปมากเพราะราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับขึ้นแรง อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรปี 60 ของ DBSV มี Upside Risk เมื่อเทียบกับ Consensus ความเสี่ยงหลัก คือ อุปทานอะโรเมติกส์ที่จะเข้ามาเพิ่มซึ่งอาจทำให้สเปรดอ่อนลง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 79 บาท
• ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เลื่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ
ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เผยอยู่ระหว่างเร่งเจรจาโครงการใหม่ คาดอาจมีสาระสำคัญและอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยไว้ในเอกสารประกอบการเสนอขายหลักทรัพย์ เตรียมเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้ขยับเข้าเทรดในตลาดฯเป็นช่วง 2H60
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]