- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 21 April 2017 16:48
- Hits: 1692
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : BBL, DTAC, GFPT, IRPC, KBANK, MINT, RS, SCB, TACC
Our Portfolio Apr 2017 : GLOBAL, KBANK, MINT, SYNEX, TACC
ระยะสั้นยังเน้น Trading ส่วนระยะกลาง-ยาวรอซื้อบริเวณแนวรับ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งบวกได้เกือบตลอดทั้งวันนำจากการรีบาวด์ของ KBANK และแรงเก็งกำไรของกลุ่มสื่อสาร (มีข่าว TOT อาจเลือกพันธมิตรมากกว่า 1 ราย) แต่ไม่สามารถชดเชยการปรับลงของแบงค์ตัวอื่นๆและกลุ่มพลังงานได้ ทำให้มีแรงขายออกมาในช่วงบ่ายและดัชนีปิดในแดนลบในที่สุด ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังมียอดขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้น ฟิวเจอร์สและตราสารหนี้ ส่วนสถาบันในประเทศมียอดซื้อเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการแต่ยังค่อนข้างเบาบาง
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET index ในวันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกหลังเมื่อคืน Dow Jones ปิดบวกได้เกือบ 200 จุด โดยได้แรงหนุนจากรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าวว่าจะมีการเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารไทยส่วนใหญ่ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและยังต้องจับตาการเลือกตั้งรอบแรกในฝรั่งเศสสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ค่าเงินบาทยังค่อยๆอ่อนค่าอยู่ เชื่อว่ากระแสเงินทุนยังชะลอการไหลเข้าและทำให้กรอบการบวกคาดว่าจะไม่กว้างนัก ส่วนด้านเทคนิคหากดัชนียังไม่สามารถทะลุผ่านและยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1570-1572 จุดขึ้นไปได้ เรายังเชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะปรับย้อนลงมาทดสอบแนวรับบริเวณ 1560 จุดก่อนเช่นกัน
กลยุทธ์ : ระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 1560-1572 จุด โดยเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดว่ากำไร 1Q17 จะออกมาดี ระยะกลาง-ยาว แนะนำทยอยสะสมเพิ่มบริเวณ 1560 จุด
แนวรับ 1563-1560, 1555 จุด
แนวต้าน 1570-1572, 1576-1580 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : PDI, SYNEX, CENTEL(short)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาค US$107 ล้าน โดยซื้อเพียง 2 ตลาดคืออินโดนีเซีย US$102 ล้าน และเกาหลีใต้ US$59 ล้านหลังความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลง แต่ยังคงไหลออกจากไต้หวัน ไทย และฟิลิปปินส์ แนวโน้มเงินทุนในวันนี้มีทิศทางชะลอการไหลเข้าเพราะระวังการเลือกตั้งของฝรั่งเศสอาทิตย์นี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ผลประกอบการแบงก์ไม่ได้สร้างความประทับใจ กำไรของ 7 ธนาคารที่เราศึกษา (ยังไม่รวม BAY และ KKP) +0.7% Q-Q และ +8.3% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพียง 3% และคิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี แต่ภาพของ NPL ที่เพิ่มสูงขึ้นใน KTB, BBL ทำให้ตลาดกลับไปกังวลกับคุณภาพหนี้อีกครั้ง ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาเฉลี่ย 8% YTD เทียบ SET ที่ +1.5% YTD น่าจะทำให้กลุ่มแบงก์พักฐานอีกระยะ อย่างไรก็ตาม TISCO และ KBANK ยังคงเป็น Top pick ของเรา
(-) BBL กำไรน่าผิดหวัง แม้ว่าจะใกล้เคียงคาดคือ 8.3 พันล้านบาท ทรงตัว Q-Q และ Y-Y แต่ NPL เพิ่มขึ้นราว 1 หมื่นล้านบาท +13% Q-Q ทำให้ NPL ratio เพิ่มขึ้นเป็น 3.5% จากความล่าช้าในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ และการตั้งสำรองก็เพิ่มเกินคาด เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรปีนี้ลง แนะนำ switch ไป KBANK
(-) DTAC ไม่ได้ขาดทุนตามที่คาดแต่มีกำไรปกติ 213 ล้านบาท +26% Q-Q, -82% Y-Y แต่ไม่ยั่งยืนเพราะเกิดจากค่าการตลาดที่ลดลงมาก เรายังคาดกำไรทั้งปี -17.8% Y-Y หดตัวเป็นปีที่ 4 การได้คลื่น 2300MHz ไม่เพียงพอที่จะทำให้กำไรกลับมาขยายตัว ต้นทุนที่เพิ่มยิ่งกดดันกำไร ยังแนะนำขาย ราคาพื้นฐาน 30 บาท
(+) MINT เราคาดกำไร 1Q17 กลับมาโตแข็งแกร่ง +39.4% Q-Q, +14.3% Y-Y จากอานิสงส์ของ High season ของธุรกิจโรงแรม ส่วนธุรกิจ Timeshare ฟื้นอย่างมีนัยยะหลังปรับแพคเกจการขาย ธุรกิจอาหารเติบโตดีในตลาดไทยและจีน MINT ยังเป็น Top pick ของกลุ่ม แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 43 บาท
(+) IRPC แนวโน้มกำไร 1Q17 ไม่แย่แม้มีปิดโรงงานซ่อมใหญ่ 30 วัน เราคาดกำไรสุทธิ -22% Q-Q, -56% Y-Y โดยได้ Spread ที่แข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีโดยเฉพาะ Propylene Styrenics และ Butadiene ช่วยหนุน หลังจากนี้ผลประกอบการจะฟื้นอย่างมีนัยสำคัญ ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 5.80 บาท
(+) RS แนวโน้มผลประกอบการ 1Q17 ฟื้นจากขาดทุนในไตรมาสก่อนเป็นกำไรสุทธิ 29 ล้านบาท -78% Y-Y จากธุรกิจความงามที่โดดเด่นหลังปรับกลยุทธ์การขาย ส่วนธุรกิจทีวีเริ่มปรับค่าโฆษณาได้บ้าง ราคาหุ้น upside กว้างขึ้น ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากถือ ราคาพื้นฐานยังคงไว้ที่ 10 บาท
(0) TACC แนวโน้มกำไร 1Q17 ไม่น่าตื่นเต้น คาด -7% Q-Q, +12.5% Y-Y ธุรกิจชาเขียว Zenya ในกัมพูชาเผชิญการแข่งขันสูงขึ้น รายได้จากกาแฟ VSlim ลดลงราวครึ่งหนึ่งเพราะหยุดขายกาแฟผงและกระป๋องรสลาเต้ (รสเอสเพรสโซยังขายอยู่) แต่เชื่อว่าจะกลับมาโดดเด่นใน 2Q17 ตามฤดูกาล ส่วน Zenya กลับมาใกล้เคียงปกติแล้ว และเพิ่มสินค้าใหม่ ยังคงราคาพื้นฐาน 11.50 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 เม.ย. - ไทย:ยอดขายรถ (มี.ค.), GLANDRT เริ่มเทรด (ราคา IPO 10 บาท)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Composite PMI (เม.ย.)
24 เม.ย. - ไทย:ดุลการค้า (มี.ค.)
25 เม.ย. - ไทย:TOTเปิดเผยรายชื่อคู่ค้ารอบแรกในการบริหาร 2300MHz
- สหรัฐ:ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
27 เม.ย. - ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มี.ค.)
- เกาหลีใต้:1Q17 GDP
- ญี่ปุ่น: BOJประชุม
- ยูโรโซน:ECBประชุม, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
28 เม.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มี.ค.
- สหรัฐ:1Q17 GDP (คาดการณ์ครั้งแรก)
30 เม.ย. - จีน:Manufacturing PMI (เม.ย.)
1 พ.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
- จีน:Caixin China PMI Mfg (เม.ย.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวก หลังนายมนูชิน รมต.คลังสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าจะมีการผลักดันมาตราการปฏิรูปภาษีของทรัมป์เร็วๆนี้ อีกทั้ง ผลประกอบการของบมจ.หลายแห่งที่ออกมาดีกว่าคาด
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากบมจ.ประกาศงบที่แข็งแกร่ง และ ผลสำรวจล่าสุดที่ระบุว่าการเลือกตั้งรอบแรกในวันอาทิตย์นี้พรรคของนายเอมมานูเอล มีคะแนนนำพรรคคู่แข่งซึ่งชูนโยบาย Frexit
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนไปทางบวก โดยได้แรงหนุนจากความหวังในนโยบายภาษีของทรัมป์
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัว Sideway ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.40-34.41 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดลบ 0.17 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 50.27 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักกับความกังวลต่อแนวโน้มอุปทานน้ำมันจาก Shale ในสหรัฐฯ แม้ว่าซาอุฯ และ คูเวตจะออกมาส่งสัญญาณขยายระยะเวลาลดการผลิตไปช่วง 2H17
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,283.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยมีปัจจัยหนุนจากการเลือกตั้งที่ฝรั่งเศสในวันอาทิตย์นี้ แต่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายังกดดันราคาทองไม่ให้ปรับขึ้นไปมากนัก
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch