WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASPบล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



กลยุทธ์การลงทุน
  ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ-ซีเรีย และ ขยายมายังคาบสมุทรเกาหลี ได้หนุนราคาน้ำมัน และ ทองคำ ซึ่งสองคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนในเดือนเม.ย. ซึ่งส่วนใหญ่หุ้นที่ชนะตลาดจะเป็นหุ้น Domestic Play และหุ้นน้ำมัน เลือก BDMS([email protected]) และ PTTEP(FV@B116) เป็น Top picks

(0) ธนาคารกลางอินเดียขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed ยืนยันดอกเบี้ยขาขึ้น
  วันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางอินเดีย(RBI) ได้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นแห่งที่ 3 ในเอเซีย หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC)และฮ่องกงนำร่องขึ้นดอกเบี้ยตาม Fed โดย RBI ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารพาณิชย์กับธนาคารกลาง(Reverse repo rate) 0.25% อยู่ที่ 6% ผิดจากที่ตลาดคาด โดยยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 6.25% ตามเดิม เนื่องจากต้องการปกป้องเงินทุนไหลออก และต้องการควบคุมเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ล่าสุด เดือน ก.พ. อยู่ที่ 3.65%yoy จาก 3.17%yoy ในเดือน ม.ค. โดย RBI ยังคาดเงินเฟ้ออินเดียในงวด 2H60 จะพุ่งขึ้นไปที่ 5% จาก 4.5% ใน 1H60 โดยรวมน่าจะกดดันให้ธนาคารกลางในภูมิภาคหลายปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในปีนี้
  ขณะที่สหรัฐรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง โดยยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร(Nonfarm payrolls) เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 9.8 หมื่นราย เทียบ 2.19 แสนรายในเดือน ก.พ. หลัก ๆ เพราะกลางเดือน มี.ค. สหรัฐประสบภัยพิบัติพายุหิมะถล่ม ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ จึงกดดันต่อการจ้างงานในพื้นที่ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานยังคงลดมาที่ 4.5% จาก 4.7% ในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ตามยังให้น้ำหนักต่อการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน มี.ค. ในวันที่ 14 เม.ย. นี้ ซึ่งตลาดคาด 2.6%yoy ชะลอตัวเล็กน้อยจาก 2.7%yoy ใน ก.พ. ซึ่งตราบที่เงินเฟ้อยังสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ Fed ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ฯ อย่างน้อย 2 ครั้ง ในการประชุมที่เหลือ 6 ครั้ง ในปีนี้ ทั้งนี้ล่าสุดผลสำรวจ Fed Fund Future ใน Bloomberg คาดโอกาสขึ้นดอกเบี้ยรอบ 2-3 พ.ค. ราว 13.3% แต่ไปให้น้ำหนักรอบ มิ.ย. 63.2%

(+) CCI ฟื้นตัว 4 เดือนติดต่อกัน หนุน SSSG ในงวด 2Q60 เป็นต้นไป
  มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(CCI) เดือน มี.ค. 60 เพิ่มขึ้น 1.3%mom อยู่ที่ 76.8 จุด (เพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 2 ปี) เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศที่ดีขึ้น จากภาวะท่องเที่ยว และ การส่งออก (X) ที่ดีขึ้น รวมถึงราคาผลิตผลทางการเกษตรโลกที่ดีขึ้นใน (โดยเฉพาะ ยางพารา, ปาล์มน้ำมันและอ้อย) ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก เพราะ คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) หลังจากนี้ราว 3-6 เดือน หรือ ตั้งแต่ 2Q60 เป็นต้นไป ทำให้ SSSG และ ประมาณการกำไรทั้งปี 2560 ที่ ASPS คาดไว้ราว 1-2% และ 24% ตามลำดับ มีความเป็นไปได้สูง โดยบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้ คือ CPALL, MAKRO และ BJC ขณะที่ COM7 (FV@B14) จะโดดเด่นสุดในเรื่องของกำไรปี 2560 มี EPS Growth 23% รองลงมาคือ BJC (FV@B57) EPS Growth 11% ผลบวกจากการควบรวมกับ BIGC
  ขณะที่ ROBINS([email protected]) อาจจะได้รับผลกระทบในช่วงสั้น ๆ หลังจากที่บริษัท Payless ShoeSource Ince ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้ารองเท้าแฟชั่นรายใหญ่ของโลก ยื่นต่อศาลล้มละลายกลางรัฐมิสซูรี เพื่อคุ้มครองจากเจ้าหนี้ (Chapter 11) เพราะประสบปัญหาการแข่งขันจากธุรกิจ e-commerce จึงต้องปิดสาขาที่สหรัฐ และ เปอร์โตริโก้ รวม 400 แห่ง (จากทั้งหมด 4400 แห่งทั่วโลก) อาจจะมีผลกระทบต่อ ROBINS ซึ่งได้ซื้อแฟรนไซส์เข้ามาบริหารห้างภายใต้ธุรกิจ Exclusive Brand เพื่อสร้างความแตกต่าง แต่ปัจจุบันธุรกิจ Exclusive Brand มีสัดส่วน 4% ของยอดขายรวม (Payless เป็น 1 ใน 3 ของสินค้า Exclusive Brand) แม้ยอดขายไม่สูงแต่เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงกว่าสินค้าทั่วไป 2 เท่าตัว ซึ่งอาจจะต้องประเมินผลกระทบต่อประมาณการกำไร และ Fair Value ลดลง ติดตามอ่านบทวิเคราะห์ธุรกิจค้าปลีกใน Equity Talk เช้านี้

(0) จีน-สหรัฐ กลับมาเจรจาการค้า เพื่อลดผลกระทบต่อเงินเฟ้อในสหรัฐ
  การพบกันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ใจความสำคัญคือ ทั้ง 2 ประเทศยินดีจะเจรจาการค้า แบบทวิภาคี(Bilateral trade) ระหว่างสหรัฐและจีนภายใน 100 วันนับจากนี้ โดยจีนยินดีจะลดการเกินดุลกับสหรัฐในอนาคต แม้สหรัฐจะได้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าจากจีนในราคาที่ต่ำก็ตาม ทั้งนี้หากพิจารณาสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนหลักๆ คือหมวดคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนเครื่องมือสื่อสาร สูงสุดราว 48.26%ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากจีน รองลงมาคือ หมวดสินค้าเบ็ดเตล็ด 15.59% เสื้อผ้าและสิ่งทอ 8.8% เหล็ก 5.28% รองเท้า 4.35% พลาสติกและยาง 4.03% อื่นๆ 13.61% ตามลำดับ หากสหรัฐลดการนำเข้าสินค้ากับจีนดังกล่าวข้างต้นเชื่อว่าจะมีผลกระทบทางอ้อมป็นลูกโซ่ต่อประเทศคู่ค้าในแถบเอเซียของจีน ซึ่งมีการค้าขายรวมถึงเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบ(Supply Chain) ให้กับจีน
  ทั้งนี้หากพิจารณาประเทศในเอเซียที่เป็นคู่ค้ากับจีน มากที่สุดคือ ฮ่องกง 24% ของการค้าของจีนทั้งหมด รองลงมาคือ ญี่ปุ่น 19% เกาหลีใต้ 18.8% มาเลเซีย 7% เวียดนาม 6% สิงคโปร์ ,อินเดีย, ไทยราว 5% อินโดนีเซีย 4% และอื่นๆ 6% ตามลำดับ

(0) แม้ภาพรวมต่างชาติขายหุ้นในภูมิภาค แต่ยังซื้อหุ้นกลุ่ม TIP
  วันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ต่างชาติสลับมาขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคราว 77 ล้านเหรียญ (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 4 วัน) แต่แรงขายในเอเชียตะวันออกเป็นหลัก คือ ไต้หวันขายสุทธิราว 156 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) และเกาหลีใต้ 68 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิเป็นวันที่ 2) ส่วนตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ยังคงซื้อสุทธิทุกแห่ง คือ อินโดนิเซียถูกซื้อสุทธิกว่า 102 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5) ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 31 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6) และไทย 14 ล้านเหรียญ หรือ 475 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4) เช่นเดียวกับสถาบันฯในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 1.53 พันล้านบาท
  ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิกว่า 2.83 หมื่นล้านบาท ต่างกับต่างชาติที่สลับมาขายสุทธิราว 1.30 พันล้านบาท (หลังจากซื้อสุทธิ 4 วัน)

(+) ปัญหาการเมืองโลกหนุนน้ำมันและทองคำช่วงสั้น PTTEP
 ปัญหาความขัดแย้งสหรัฐและซีเรีย ดูท่าจะจบลงยากในช่วงนี้ เพราะหลังจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งให้กองทัพสหรัฐยิงขีปนาวุธถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลซีเรียที่ใช้ก๊าซพิษโจมตีกลุ่มกบฏเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว เป็นผลให้ทหารและพลเรือนซีเรียเสียชีวิตเป็นจำนวนมากกว่า 100 ราย ปฏิกิริยาภายหลังการตัดสินใจของสหรัฐก่อให้เกิดความเห็นที่แบ่งเป็น 2 ฝั่งชัดเจน กล่าวคือ กลุ่มที่สนับสนุน อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี อิสราเอล รวมทั้งฟิลิปปินส์ (ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของทรัมป์) กับ กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่าเป็นการจัดฉาก เช่น รัสเซีย อิหร่าน เวเนซูเอลา โบลิเวีย และ เกาหลีเหนือ ทำให้ฝั่งรัสเซียได้ส่งเรือรบเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พร้อมเผชิญหน้ากับเรือพิฆาตสหรัฐ สร้างความตึงเครียดให้กับภูมิภาคตะวันออกกลาง


  ขณะที่จีน แม้จะยังไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา เพราะยังอยู่ในระหว่างเยือนสหรัฐดังกล่าวข้างต้น แต่ก็มีท่าที่ไม่พอใจสหรัฐเช่นกัน เพราะสหรัฐเองต้องการให้จีนเข้าไปเป็นมีส่วนร่วมในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ แต่จีนยังต้องการใช้เกาหลีเหนือเป็นดินแดนกันชนระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น (เนื่องจากยังมีข้อพิพาทเรื่องดินแดนกันอยู่) และล่าสุด สหรัฐ ได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน และฝูงเรือรบจู่โจม ที่มีฐานทัพอยู่ในสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ มุ่งหน้าคาบสมุทรเกาหลีแล้ว ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดแผ่ขยายเข้าสู่ภูมิภาคเอเซียเหนือด้วยเช่นกัน


  สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนย้ายเม็ดเงินจากเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ดังจะเห็นได้จากการปรับขึ้นแรงและแกว่งผันผวนของราคาทองคำ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบโลกยังคงทะยานขึ้นต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. ถึงปัจจุบัน ราคาพุ่งขึ้นเกือบ 10% ประกอบกับปัจจัยหนุนจากกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ร่วมกันตัดลดกำลังการผลิต น่าจะยังหนุนราคาน้ำมันดิบโลกทรงตัวได้ในระดับสูง ซึ่งน่าจะดีต่อผู้ประกอบการน้ำมันที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย และน่าจะยังช่วยหนุน SET Index ได้ เนื่องจากกลุ่มพลังงานมีสัดส่วนกำไรกว่า 24% ของกำไรสุทธิทั้งตลาดฯ จึงยังแนะนำสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ทั้ง PTTEP (FV@B116) และ PTT (FV@B460)

ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!