- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 August 2014 15:35
- Hits: 2313
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Test 1530
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดลบเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อย 1.96 จุด มาอยู่ที่ 1,520.31 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 39,183 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,181 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 824 สัญญา และคงขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 อีก 6,404 ล้านบาท คาดว่านักลงทุนต่างชาติลดการลงทุนในไทย เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
MBKET ประเมิน SET INDEX วันนี้มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบและปิดยืนเหนือ 1,530 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่อยู่อาศัย เมื่อนักลงทุนทั่วโลกต่างผ่อนคลายความกังวลในอิรัก และ ยูเครน แม้ว่าพัฒนาการทางการเมืองใน 2 ประเทศดังกล่าวยังไม่มีความคืบหน้าในเชิงบวกก็ตาม แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นทั่วโลก ทำให้เงินทุนที่ขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงไปแล้วบางส่วน ก็ต้องกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชียที่ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงสั้น อาจกลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อย เพื่อรักษาระดับสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ แต่ MBKET ให้น้ำหนักกับโฉมหน้านายกรัฐมนตรี และครม. คาดว่าจะเริ่มเห็นภาพชัดในปลายสัปดาห์หน้า จะเป็นตัวแปรดึงเม็ดเงินทุนต่างชาติที่อาจขายทำกำไรในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เข้าสู่ไทย เพราะภาพเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำกว่าคาด และ Valuation ของ PSE ที่แพงสุดในเอเชียเกิดใหม่
สำหรับ ปัจจัยเฉพาะของตลาดหุ้นไทยคงหนีไม่พ้น เม็ดเงินใหม่จากกองทุน Trigger Funds ที่ปิดการขายไป 5 กองทุนสัปดาห์ที่แล้ว คาดว่าเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 5.0 พันล้านบาท เริ่มทยอยเข้าลงทุนในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “เลือกเก็งกำไรเป็นรายหลักทรัพย์ เน้นหุ้นขนาดกลาง” แนวโน้ม SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบ 1,550 จุดในรอบนี้
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” AAV/ SAMTEL
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Accumulative Buy: AAV/ SAMTEL
Action and Stock of the Day
SET INDEX ยังยืนเหนือ 1,520 จุด
SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบและปิดเหนือ 1,530 จุดในวันนี้ ด้วยบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่เปิดบวกตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา
กระแสเงินทุนต่างชาติอาจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยบางส่วน แต่ยังไม่ชัด
ดังนั้นกลยุทธ์ เน้นสะสมหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเด่น
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ต่อเนื่องจากวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์ในยูเครน – อิรัก – ซีเรีย ทรงตัว
ด้านตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา เปิดแตะระดับ 1,510 จุด ก่อนเกิดการฟื้นตัวมาแกว่งแคบระหว่าง 1,515-1,520 จุด เมื่อสหรัฐฯ ประกาศส่งเครื่องบินเข้าอิรักในช่วงเช้าก่อนเปิดตลาดหุ้นไทย ทำให้เกิดจิตวิทยาการลงทุนเชิงลบ แต่การปฎิบัติการสหรัฐฯ เป็นเพียงการส่งอาหารเข้าช่วยพลเรือนเท่านั้น บวกกับจีนรายงานตัวเลขการส่งออกออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ ปิดตลาด SET INDEX อยู่ที่ 1,520.31 จุด ลบเป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 1.96 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 39,183 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกแรงสุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่มกระดาษ +3.57%, กลุ่ม Person +0.98% และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ +0.89% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร -0.29%, กลุ่มพลังงาน -0.13% และ กลุ่มอสังหาฯ +0.10%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.56 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิดบวกเล็กน้อยถึงทรงตัว แม้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นใน 2Q57 จะหดตัวลงแรงก็ตาม
MBKET ขยับมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลางถึงบวก” ครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ จากเดิม “กลาง” หลังตลาดหุ้นทั่วโลกขยับขึ้นเด่นนับตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก บวกกับสถานการณ์ในอิรัก / ซีเรีย / ยูเครน ทรงตัว ไม่มีพัฒนาการในเชิงลบมากกว่าปัจจุบัน ดังนั้น ตลาดหุ้นไทยที่ปิดทำการไป 2 วันที่ผ่านมา ย่อมได้รับอานิสงค์ดังกล่าวในวันนี้ พร้อมกับแนวโน้มที่ SET INDEX อาจเสร็จสิ้นการพักฐานตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ หาก SET INDEX ปิดยืนเหนือ 1,530-1,535 จุดได้ ถือเป็นการยืนยันสัญญาณดังกล่าว
ปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการผลักดัน SET INDEX ในระลอกใหม่นี้ได้แก่
•เม็ดเงินทุนใหม่จากกองทุน Trigger Funds
oกองทุน Trigger Funds ที่ปิดการขายระหว่างวันที่ 6-7 ส.ค.ที่ผ่านมา คาดเงินทุนใหม่ราว 5.0 พันล้านบาท จะเริ่มทยอยลงทุนภายในสัปดาห์นี้
oกองทุน Trigger Funds ของ UOBAM จะปิดการขายในสัปดาห์นี้ วงเงิน 3.5 พันล้านบาท คาดเริ่มทยอยลงทุนในสัปดาห์หน้า
•เม็ดเงินทุนต่างชาติ ในวันนี้ อาจเห็นการปรับน้ำหนักเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย หลังตลาดหุ้นในเอเชียขยับขึ้นเด่นตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา เพื่อรักษาสัดส่วนของพอร์ตการลงทุน อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะทำให้เงินทุนต่างชาติ กลับมาให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะสำคัญได้แก่
oผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีในตำแหน่งสำคัญด้านเศรษฐกิจ คาดว่าในปลายสัปดาห์หน้า มีแนวโน้มที่จะได้ข้อสรุป
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งกองทุนบางประเภทถูกจำกัดการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นๆ
หากตัวแปร 2 ประเด็นข้างต้นออกมาในเชิงบวกและเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนต่างชาติ MBKET ประเมินว่า เงินทุนต่างชาติอาจไหลออกจากตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ (PSE) ที่แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตต่ำกว่า 7.0% ขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นฟิลิปปินส์แพงที่สุดในตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่
ดังนั้นพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศในช่วง 2 สัปดาห์จากนี้ไป ถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อการกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทย รวมถึงความสามารถในการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ จากนี้ไป MBKET ให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่อประเด็นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่
•วันที่ 15 ส.ค. การประชุม สนช. นัดที่ 2 จะเป็นการพิจารณางบประมาณปี 2558 ขณะที่ ตลาดคาดการณ์ การประชุมนัดถัดไปในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. อาจมีการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี
•กำหนดให้เตรียมคำแถลงนโยบายรัฐบาล และงบประมาณต่อ สนช.ให้เสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเริ่มเข้าสู่ Roadmap ระยะที่ 2 ของคสช.แบบเต็มตัว คาดว่า นายกฯ จะแถลงต่อสนช.ได้ภายในปลายเดือนส.ค.หรือ ต้นเดือนก.ย.เป็นอย่างช้า
•รายละเอียด Roadmap ในด้านต่างๆ ที่คณะทำงานได้รับมอบนโยบายจากทาง คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผนด้านเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะเห็นกรอบการทำงานภายในเดือนส.ค. พร้อมสรุปผลงานทุกๆ ไตรมาส
•แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาท คสช.อนุมัติในหลักการวานนี้ ลำดับถัดไป สนข ต้องเร่งจัดทำรายละเอียดของแผนการลงทุนทั้ง 5 ส่วนที่นำเสนอ
ด้วยทิศทางการลงทุนที่อาจประเมินว่า SET INDEX สิ้นสุดการพักฐานตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หาก SET INDEX วันนี้ปิดยืนเหนือ / ภายในรอบ 1,530-1,535 จุด อาจเป็นจุดตัดของการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัดส่วนที่มากขึ้นอีกครั้ง โดยเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะเป็นจุดสำคัญ รวมถึงหุ้นหลักที่จะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคาร (KTB/BBL), กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (TPIPL), กลุ่มงานวางระบบไอที (SAMTEL / AIT) รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก (AAV/ AOT)
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.พัฒนาการทางการเมืองที่เดินหน้า เข้าสู่ระยะที่ 2 ของ คสช.: หลัง สนช. พิจารณาเลือกประธาน และรองประธานสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเด็นถัดไปที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจากนี้ไป
•การพิจารณางบประมาณปี 2558 เพื่อให้ทันต่อการใช้ในวันที่ 1 ต.ค. นี้
•การพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาบริหารประเทศ เพื่อเป็นการเปลี่ยนถ่ายสู่ระยะที่ 2 ของ คสช.
•การพิจารณายกเลิก กฎอัยการศึก เพื่อการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
MBKET เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติ ต่างรอดูพัฒนาการเหล่านี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
2.สถานการณ์ในอิรัก / ซีเรีย / ยูเครน ทรงตัว แต่ไม่แย่ไปกว่าเดิม
•อิรัก: สหรัฐฯ ได้ส่งทหารอากาศเข้าโจมตีนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ประธานาธิบดีโอบามา ยืนยันจะไม่มีการส่งทหารภาคพื้นดินเข้าสู้รบในครั้งนี้
•ซีเรีย: ทรงตัว
•ยูเครน: ยังเป็นความตึงเครียดระหว่าง ประเทศพันธมิตร และรัสเซีย โดยใช้แรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่มีพัฒนาการเพิ่มเติม
3.คาดหุ้นขนาดกลางเด่นในช่วงนี้: MBKET คาดว่ากองทุน Trigger Funds จะเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัว เช่น ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q57, ได้ประโยชน์จากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของทางการ, Valuation ของหุ้นยังต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่ม เป็นต้น
4.วันนี้ ADVANC ขึ้นเครื่องหมาย XD: มูลค่า 6.04 บาท หรือคิดเป็นผลกระทบต่อ SET INDEX เท่ากับ 2.00 จุด
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.25 13.27 15.23 13.27
PSE 19.67 17.04 19.54 16.95
JSE 16.69 14.26 16.39 13.98
KOSPI 10.42 9.07 10.43 9.08
TAIEX 14.74 13.63 14.75 13.61
Straits Time 14.54 13.38 14.55 13.40
SHCOMP 8.79 7.79 8.68 7.68
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.AAV : ราคาปิด 4.60 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a)ผลการดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q57 ที่ รายงานขาดทุนสุทิ 176 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดขาดทุนสุทธิ 64 ล้านบาท เนื่องจาก Load Factor และค่าเฉลี่ยราคาตั๋ว ต่ำกว่าคาดไป 1% และ 2% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ ในช่วงเวลาดังกล่าว
b)อย่างไรก็ตาม MBKET คาดว่าผลการดำเนินงานใน 3Q57 จะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว หลัง Load Factor เดือนก.ค. เริ่มกลับมาอยู่ที่ 81% บวกกับความคาดหวังเชิงบวกต่อการยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและไต้หวันเป็นเวลา 3 เดือนนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ได้
c)อีกทั้งปัจจัยบวกที่รออยู่อีกประการหนึ่งคือ การประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก คาดว่าหลังจากที่สนช.แต่งตั้งนายกฯ ภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งจะเป็นบวกต่อการท่องเที่ยวอย่างมีนัยยะสำคัญ
d)ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของ AAV ได้ผ่านจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มเห็นภาพการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญใน 2H57 และต่อเนื่องถึงปี 2558 คาดกำไรสุทธิจะทำได้ถึง 1.67 พันล้านบาท เติบโต 231% yoy จากปี 2557
2.SAMTEL: ปิด 17.10 บาท ราคาเหมาะสม 20.20 บาท
a)SAMTEL รายงานกำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 186 ล้านบาท เติบโต +6.1% yoy ดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 179 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผล 1H57 หุ้นละ 0.25 บาท ขึ้น XD 18 ส.ค. คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.5%
b)MBKET ประเมินว่าหุ้น SAMTEL จะ Outperform ตลาดใน 2H57 เนื่องจากมี Catalyst รออยู่ คือโอกาสของการชนะงานประมูลขนาดใหญ่ เช่น Smart Classroom มูลค่า 2,900 ล้านบาท, งานตรวจผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มูลค่า 3,400 ล้านบาท และโครงการ CUTE มูลค่า 2,500 ล้านบาท
c)และเชื่อว่า 2Q57 เป็นไตรมาสที่มีกำไรต่ำสุดของปี 2557 แล้ว และจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H57 เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ Backlog เป็นจำนวนมากในครึ่งปีหลัง
d)กำไร 1H57 คิดเป็น 44.2% ของประมาณการกำไรปี 2557 ที่ 893 ล้านบาท (+4.3% yoy) และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2558 จะเติบโต +12.4% yoy เป็น 1,004 ล้านบาท
e)Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.49 เท่า และมี Upside Risk ต่อประมาณการกำไรปี 2558 หากชนะงานประมูลขนาดใหญ่เพิ่มเติมใน 2H57
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดค้าปลีก และ ยอดสต็อกสินค้าธุรกิจ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิ US$74ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -123.3 n.a 10,808.9 9,188.0
KOSPI 19.8 n.a 7,119.7 4,875.1
JSE 36.5 n.a 4,954.8 -1,806.4
PSE -0.7 n.a 1,033.6 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -6.6 n.a 237.7 263.2
SET INDEX Closed n.a -864.1 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทย เพื่อปิดความเสี่ยงช่วงวันหยุดยาว
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,181 -1,025
SET50 Index Futures (สัญญา) -824 -10,971
SSF (สัญญา) -3,816 +340
Metal Futures (สัญญา) +189 +2,254
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -6,404 -8,774
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,181 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 2,206 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 28,678 ล้านบาท
และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีกเล็กน้อย 824 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 11,795 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 13,049 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long สุทธิที่เปิดไว้ก่อนหน้า เพื่อปิดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย ทำให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index ทรงตัวที่ 8.87 จุด จากวันก่อนหน้า Discount 8.81 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 189 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 2,443 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 415 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้ และเปิดสถานะ Long สุทธิเพิ่มเติม หลังราคาทองคำในตลาดโลกยืนเหนือ US$1,300 /ounce ได้อย่างแข็งแกร่ง
ด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 6 อีก 6,404 ล้านบาท รวม 6 วันทำการขายสุทธิ 30,076 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงอีก 4.35bps ปิดที่ 3.512%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ขยับขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 1,004 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 912 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 223.88 14.32% 217.87
JAS 79.76 4.09% 6.56
BBL 70.90 6.07% 195.71
PTT 52.07 8.57% 324.00
TRUE 49.59 3.36% 10.46
NVDR คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นการลดน้ำหนักใน SCC และกลุ่ม ICT
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิอีก 595 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 837 ล้านบาท เพื่อเป็นการปิดความเสี่ยงช่วงวันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย มากกว่าการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย สรุปภาพการลงทุนได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 429 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 333 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 256 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 239 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ขายสุทธิ 50 ล้านบาท
2.ส่วนกลุ่มพลังงานถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 66 ล้านบาทเท่านั้น ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ซื้อสุทธิ 47 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 717.59 54.57 BBL -500.09 33.74
IVL 110.19 20.75 SCC -379.32 38.18
PTTEP 60.35 18.14 SCB -113.25 10.66
BANPU 55.46 15.44 ADVANC -100.84 4.41
QH 53.76 14.83 CPN -77.21 28.10
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong