WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
Sideway? คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง หลังเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะทิศทางของ Fund Flow ที่คาดยังไหลเข้า Emerging Market รวมถึงบ้านเรา ซึ่งต่างชาติยังซื้อสุทธิสะสมต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้คาดยังมีแรงซื้อหุ้นก่อนขึ้น XD

ส่วนทางด้านประเด็นต่างประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ หลักๆ คาดอยู่ระหว่างติดตามการประชุมระหว่างผู้นำของสหรัฐฯ และจีน ในวันที่ 6 – 7/4/60 ขณะที่คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงการดำเนินงานนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในเดือนนี้ร่างงบประมาณฯ จะต้องผ่านสภาคองเกรส เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ “Shutdown” รวมถึงนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความคาดหวังในเชิงบวกว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น การปฏิรูปภาษี การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงการใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภค ที่มีมูลค่าสูงถึง 1.0 ล้านล้านUSD ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า

ส่วนทางด้านยุโรป แนะติดตามการปรับลดวงเงิน QE ของ ECB จาก 80,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 60,000 ล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เมย. – ธ.ค.’60 รวมถึงการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (รอบแรก 23/4/60 รอบสอง 7/5/60) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
อย่างไรก็ตามแนะติดตามประเด็นที่สหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้น

ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60

SET SET50 SET100
1,582.12 -1.70 1,000.13 -0.85 2,254.40 -1.27

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดต่างประเทศ DJIA +14.80, NASDAQ +14.47, S&P +4.54, FTSE -28.48, CAC +29.59 และ DAX +13.35

หลังสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด ลดลง 25,000 ราย อยู่ที่ 234,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 250,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่ง
และยังได้สะท้อนหลังเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ต้องการให้เฟดเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชีลงจากระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ หากเศรษฐกิจเป็นไปตามการคาด
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นอยู่ในกรอบจำกัด และการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง อยู่ระหว่างติดตามการประชุมระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในวันที่ 6 – 7/4/60 คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า และเกาหลีเหนือ รวมถึงการเร่งหาสาเหตุที่ทำให้สหรัฐฯขาดดุลการค้ามูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านUSD จาก 16 ประเทศ (รวมจีน)
และอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - มี.ค. ในวันนี้ (7/4/60) โดยคาดเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง

ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.55 อยู่ที่US$51.70 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน จะขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตไปถึงธ.ค.’60 
ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก จะประชุมร่วมกันในช่วงปลายเดือนพ.ค. เพื่อทำการทบทวนข้อตกลงว่า ควรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปหรือไม่? ซึ่งข้อตกลงเดิมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1/1/60 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะสิ้นสุดกลางปีนี้

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.49 1.95 3.11

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,456.54
สถาบัน -279.53
บัญชีหลักทรัพย์ 1,101.89
ต่างประเทศ 370.28
ในประเทศ -1,192.64

และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCB เป็นต้น
(3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
(5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60
ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น
(6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน
ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQ เป็นต้น
(7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
(8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK  
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี  -0.01 อยู่ที่ 2.34%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.50 อยู่ที่ 12.39

หุ้นแนะนำ : CPN

ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$4.8 อยู่ที่US$1,253.3 ต่อออนซ์ จากการเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ก่อนการประชุมระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และปธน.สี 
จิ้นผิง ในวันที่ 6 – 7/4/60 คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า และเกาหลีเหนือ รวมถึงรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร วันนี้ (7/4/60)

(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +370 ล้านบาท สะสม YTD +8,034 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาท)

ประเด็นที่ต้องติดตาม 7 เม.ย. 2560       
7/4/60  สหรัฐฯ เปิดเผย

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.
ตัวเลขสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนก.พ. 

หุ้นแนะนำ
CPN : ราคาเป้าหมาย (ปี 2560)  69.00 บาท

แม้ CPN จะมีแผนการปรับปรุง 5 ศูนย์การค้า ในปี’60 แบ่งเป็น (1) การปรับปรุงครั้งใหญ่ 2 ศูนย์ฯ ได้แก่ เซ็นทรัล เวิลด์ และ พระราม 3  (2) ปรับปรุงบางส่วน 3 ศูนย์ ได้แก่ เซ็นทรัล พระราม 2 เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และ ภูเก็ต ซึ่งคาดทำให้อัตราการเช่าอยู่ที่ 93% ลดลงจาก 94% เมื่อปี’59 และคาดส่งผลกระทบต่อกำไรประมาณ 1.7% แต่อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยจาก 3 ศูนย์ฯ ใหม่ ที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ รวมถึงการรับรู้รายได้เต็มปีของ เซ็นทรัล พลาซ่า นครศรีธรรมราช ที่ทำให้พื้นที่เช่าโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น 9% หรืออยู่ที่ที่ 1.53 ล้านตร.ม. และคาดผลการดำเนินงานในปี’60 ยังสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่อง โดยคาดรายได้และกำไรสุทธิ 29,643 ล้านบาท และ 10,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และ 9% ตามลำดับ
คาดการเข้าร่วมพัฒนาโครงการร่วมทุน Mixed-Use (โรงแรม เรสซิเดนซ์ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน) ระหว่าง CPN และ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (DTC) บนพื้นที่ 23 ไร่ เป็นบวกต่อ CPN ในระยาว จากทำเลกลางใจเมือง CBD หัวมุมถนนสีลมตัดถนนพระราม 4 และติดรถไฟฟ้า คาดช่วยขยายพอร์ทโครงการในเขตกรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันเริ่มมีพื้นที่ที่จำกัด อย่างไรก็ตามยังไม่รวมไว้ในประมาณการจากแผนโครงการที่ยังไม่ชัดเจน เบื้องต้นคาดจะใช้เงินลงทุนราว 17,393 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปี’67 
ประเมินราคาเป้าหมายปี’60 ที่ 69.00 บาท

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์   โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!