- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 07 April 2017 18:22
- Hits: 14173
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today’s Report : CPF, IT, TISCO
Our Portfolio Apr 2017 : GLOBAL, KBANK, MINT, SYNEX, TACC
SET ยังผันผวนและมีจังหวะอ่อนตัว จึงยังลุ้นรอซื้อช่วงลบต่อไปได้
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เริ่มมีจังหวะอ่อนตัวแรงขึ้นเมื่อวันพุธ เพราะตลาดหุ้นไทยจะติดวันหยุดวานนี้(6 เม.ย.) เนื่องในวันจักรี ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศจะเปิดทำการปกติ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะทำกำไรก่อนเพื่อลดความเสี่ยงกับโอกาสผันผวนของตลาด
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เมื่อวานนี้(6 เม.ย.) ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลงกันพอควร หลังรายงานการประชุมของเฟดรอบล่าสุด พูดถึงการลด QE (ลดงบดุลของเฟดที่มีสูงถึง 4.5 ล้านล้านดอลลาร์) ทำให้นักลงทุนกังวลว่าเม็ดเงินอาจจะไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย กลับเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการชี้ชัดทั้งปริมาณและระยะเวลาที่จะปรับลด ทำให้เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่ยังพอมีจังหวะฟื้นตัว ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้บางแห่งก็มีจังหวะเปิดบวกได้ด้วย ทำให้ SET ยังมีสิทธิแกว่งทรงตัวได้อีกในช่วงเช้าวันนี้ แต่คาดกรอบบวกจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุน และกราฟดัชนีทางเทคนิคมีสัญญาณอ่อนแรง ทำให้ยังคาดว่าจะมีรอบปรับพักตัวลงให้เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นซื้อเพิ่มอีกครั้งตามคาดเดิมอยู่
กลยุทธ์ : ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อเพิ่มช่วงลบต่อไป ขณะที่ส่วนที่ซื้อแล้วยังสามารถเน้นถือต่อเนื่องเพื่อรอรอบบวกได้เช่นเดิม
แนวรับ 1580-1578 , 1576-1574 จุด
แนวต้าน 1585-1586 , 1588-1590 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : INET, SE, PTG(short)
Fund Flow เมื่อวันพุธและวานนี้ กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาครวม US$526ล้าน นำโดยไต้หวัน US$404ล้าน และอินโดนีเซีย US$44ล้าน ส่วนไทย US$11ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเงินทุนไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางชะลอการไหลเข้าหลังปธน.สหรัฐได้สั่งให้หาสาเหตุการขาดดุลการค้า และกังวลต่อ Fed minute ที่ระบุถึงการลดขนาด QE
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ค่าเงินบาทผันผวนจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก รายงาน Fed minutes เมื่อคืนวันพุธ ระบุถึงการเริ่มลดขนาด QE ประมาณปลายปีนี้ เราเชื่อว่าผลกระทบต่อกระแสเงินทุนในเอเชียและไทยมีจำกัด เพราะเฟดจะค่อยๆทยอยลดและมีการสื่อสารกับตลาดไม่ให้ตกใจ ระยะนี้ตลาดยังจับตาการเจรจาระหว่างทรัมป์และสีจิ้นผิง และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐคืนนี้ เช้านี้มีประเด็นกดดันเพิ่มจากสหรัฐเปิดฉากยิงขีปนาวุธไปยังซีเรีย ตอบโต้ที่ซีเรียใช้อาวุธเคมี
(+) TISCO เป็นหนึ่งใน Top pick ในกลุ่มธนาคารของเราในปีนี้ เราคาดว่ากำไรจะยกฐานขึ้นตั้งแต่ 1Q17 เป็นต้นไป โดยคาดกำไรทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,356 ล้านบาทใน 1Q17 +5% Q-Q, +8% Y-Y จากการตั้งสำรองลดลง Loan Yield ดีขึ้นและต้นทุนการเงินยังอยู่ในระดับต่ำ แนวโน้มกำไรจะดีขึ้นอีกใน 2H17 หลังรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจาก STNB เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 78 บาท (ปันผลหุ้นละ 3.50 บาท Yield 4.9% XD 26 เม.ย. จ่ายเงิน 12 พ.ค. 2017)
(+) IT เป็นหุ้น Turnaround ที่เราคาดกำไรกลับมาโตต่อเนื่องจากปีก่อน 15 ล้านบาทเป็น 55 ล้านบาทในปีนี้ (+258% Y-Y) และโตต่อ +21% Y-Y ในปีหน้า หลังปรับตัว (ลดขนาดสาขาและปิดสาขาที่ไม่กำไร) หันมาเปิดสาขาขนาดเล็กลง ปรับ product mix เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น เราคาด 1Q17 ฟื้นเป็นกำไร 5 ล้านบาทจากขาดทุน 9 ล้านบาทใน 4Q16 ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 4.70 บาท
(0) CPF แนวโน้มกำไร 1Q17 ยังไม่สดใสจากราคาหมูที่ปรับลงทั้งในไทยและเวียดนาม ธุรกิจกุ้งถูกกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ช่วงปลายปีก่อน สำหรับ Bellisio ที่รวมเข้ามาเต็มไตรมาส (4.5% ของรายได้ CPF) แต่จะถูกหักล้างด้วยค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการ (One Time) เราคาดกำไร 1Q17 เป็นจุดต่ำสุดของปีและฟื้นตั้งแต่ 2Q17 เป็นต้นไปจากการฟื้นตัวของธุรกิจไก่ กุ้ง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการอย่างมากเหมือนปีก่อน ยังคงราคาพื้นฐาน 38 บาท (SOTP) แนะนำซื้อ
(-) VGI เรายังคงแนะนำขายเพราะราคาหุ้นเกินมมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 5.05 บาทแล้ว ปัจจุบันมี PE 40 เท่าในปีนี้และ 35 เท่าปีหน้า สูงเกินกำไรที่เราคาดโต +30% ปีนี้และ +20% ปีหน้า แม้ปีนี้จะมีค่าสัมปทานสื่อ BTS เพิ่มขึ้น 5% ตั้งแต่ พ.ค. และภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากการกู้ยืมไปซื้อธุรกิจ Rabbit (เราคาดว่าจะยังขาดทุนเพราะเป็นช่วงแรกของการดำเนินงาน) แต่ชดเชยได้จากการฟื้นของรายได้จากธุรกิจหลักเดิม (BTS+Offices) และการรวมธุรกิจสื่อ outdoor เต็มปี แต่ยังจัดว่า PE แพง WORK (ราคาพื้นฐาน 62 บาท) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่ม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 เม.ย. - สหรัฐ:การจ้างงานนอกภาคเกษตร (มี.ค.)
- สิงคโปร์: 1Q17 GDP
10 เม.ย. - ไทย:WHAUPเข้าเทรด (ราคา IPO 26.25 บาท)
11 ม.ย. - ไทย:MMเข้าเทรด (ราคา IPO 5.25 บาท)
- ยูโรโซน:ZEW Survey Expectations (เม.ย.), Industrial Production (ก.พ.)
13 เม.ย. - จีน:ดุลการค้า (มี.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK)ประชุม
14-เม.ย. - สหรัฐ:อัตราเงินเฟ้อและยอดขายปลีก (มี.ค.)
17-เม.ย. - จีน: 1Q17 GDP
18 เม.ย. - สหรัฐ:Housing starts & Building permits (มี.ค.)
19 เม.ย. - สหรัฐ:Fed Beige Book
- ยูโรโซน:อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
20 เม.ย. - อินโดนีเซีย:ธนาคารกลางประชุม
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวกเล็กน้อย โดยแม้มีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมัน และ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการประชุมวันพฤหัสบดี-ศุกร์ระหว่างทรัมป์กับสี จิ้น ผิง ประกอบกับมีแรงกดดันหลังเฟดส่งสัญญาณที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงในปีนี้
(+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยโดยบรรยากาศการลงทุนเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังเฝ้าติดตามการประชุมระหว่างทรัมป์ และ สี จิ้น ผิง
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยตลาดเฝ้าติดตามการประชุมระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศ
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.58-34.62 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปิดบวก 0.55 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 51.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีแรงหนุนจากความคาดหวังที่กลุ่มผู้ผลิตจะสามารถขยายระยะเวลาการลดการผลิตไปช่วง 2H17
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปิดบวก 4.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,253.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยก่อนการประชุมกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และ จีน
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch