WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRAบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน



ทิศทางตลาด
  คาดยังมีความผันผวน? แม้ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ จากต่างประเทศ แต่คาดยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะที่มีต่อการดำเนินงานนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่คาดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งร่างงบประมาณ จะต้องผ่านสภาคองเกรสในเดือนเม.ย. นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐฯ “Shutdown”นอกจากนี้ยังมีประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน และสนับสนุนให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้ รวมถึงประเด็นการปรับลดวงเงิน QE ของ ECB จาก 80,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 60,000 ล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เมย. – ธ.ค.’60
  ขณะที่ยังแนะติดตามการเลือกตั้งในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส (รอบแรก 23/4/60 รอบสอง 7/5/60) ซึ่งคาด Sentiment เป็นบวก คาดช่วยลดความกังวลโดยเฉพาะการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง ที่อาจเป็นการจุดกระแสความนิยมต่อนโยบายขวาจัด
  ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยกดดันหลังสหรัฐฯ ระบุว่าไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศ ที่ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ล่าสูงสุดในรอบ 3 ปี มูลค่า 18,920 ล้านUSD หรือประมาณ 650,000 ล้านบาท และคาดสหรัฐฯ อาจมีมาตรการตอบโต้ออกมา (เช่น มาตรการด้านภาษี) ภายใน 90 วัน โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงประมง เป็นต้นและคาดได้รับปัจจับลบบ้างจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับมาขายสุทธิ แต่มูลค่าไม่มากนัก เพียง 287 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า คาดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Fund Flow ยังไหลกลับ นอกจากนี้คาดยังมีแรงซื้อหุ้น XD เช่น SCC (10.50 บาท 4/4/60) และ ADVANC (4.29 บาท 5/4/60) เป็นต้น
  ส่วนทางด้านปัจจัยกดดันจากความไม่แน่นอนในการเปิดประมูลของภาครัฐ ซึ่งส่งผลต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง ครม. เห็นชอบประเด็นการปรับร่างทีโออาร์ใหม่สำหรับรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง และแนะให้จัดทำร่าง TOR ใหม่ เสร็จภายใน 3 เดือน คาดมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดประมูลในช่วง 2H/60

SET SET50 SET100
1,575.11 -4.77 996.44 -5.08 2,244.58 -10.61

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
   (-/+) ตลาดต่างประเทศ DJIA -65.27, NASDAQ -2.61, S&P -5.34, FTSE -46.60, CAC +32.87 และ DAX +56.44 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดต่ำกว่าที่คาด (1) การใช้จ่ายของผู้บริโภค – ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับแต่ส.ค.’59 ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% (2) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ – มี.ค. อยู่ที่ 96.9 ดีขึ้นจาก 96.3 เมื่อก.พ. แต่ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 97.6 และ (3) ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) –ก.พ.เพิ่มขึ้น 0.1% ชะลอตัวหลังจากเพิ่มขึ้น 0.4%เมื่อม.ค.
  
  อย่างไรก็ตามการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวังหลังเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟด ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุ GDP สหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 2% ในปี’61 และอัตราเงินเฟ้อกลับสู่การขยายตัวที่ยั่งยืนในระดับ 2% พร้อมเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ และยังอยู่ระหว่างติดตามการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะร่างงบประมาณให้ผ่านสภาคองเกรสภายในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐ หรือ "ชัตดาวน์" รวมถึงข้อเสนองบประมาณของ ปธน.ทรัมป์ ประมาณ 33,000 ล้านUSD เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก - สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้แสดงความกังวลว่า ข้อเสนอของปธน.ทรัมป์อาจส่งผลให้เกิดการชัตดาวน์ เนื่องจากพรรคเดโมแครตปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอของรีพับลิกัน
  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป เริ่มสะท้อนประเด็น Brexit หลังอังกฤษเริ่มต้นกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
17.38 1.93 3.13

ที่มา : www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 38,033.69
สถาบัน -601.44
บัญชีหลักทรัพย์ 181.79
ต่างประเทศ -286.68
ในประเทศ 706.33

และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มอาหาร ได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เช่น BR และ TKN เป็นต้น
  (2) กลุ่มธนาคาร ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี ’60 เช่น KBANK และ SCBเป็นต้น
  (3) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL และ PTTGC เป็นต้น
  (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น และความต้องการในประเทศที่คาดดีขึ้น เช่น SCC
  (5) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยบวกจากการเปิดขายโครงการในปี’60 ที่โดดเด่น เช่น ANAN และ SPALI เป็นต้น            
  (6) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐและเอกชน ที่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น SQ และ UNIQเป็นต้น
  (7) กลุ่มพลังงาน เช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี ขณะที่ TOP และ SPRC แนวโน้มผลการดำเนินงานดี ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น และ BANPU ปรับตัวขึ้นตามราคาถ่านหิน
  (8) กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ โดยบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากค่าโฆษณาที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วง 1Q/60 และเรตติ้งที่อยู่ในอันดับต้นๆ เช่น WORK
  (9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจขนส่งทางเรือ เช่น PSL คาดได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการปรับตัวของอุตสาหกรรมเรือเทกอง

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.02 อยู่ที่ 2.40%
(ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.83 อยู่ที่ 12.37
หุ้นแนะนำ : หุ้นแนะนำเดือนเมษายน 2560
AJD, BANPU, BR, CPN, SQ, THANI และ VNG 

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร .02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!