WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'แนวต้าน 1590,1600...ถ้าไม่ผ่านขายก่อน'

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BTS (จากถือเป็นซื้อ)
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET ขยับขึ้นต่อ 4.91 จุดปิดที่ 1579.88 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10.6 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มขายสุทธิ โดยมี Big lot หุ้น BJC มูลค่า 5.2 พันล้านบาท @ 47.25 บาท/หุ้น ใกล้กับราคาในกระดาน ปัจจัยสำคัญช่วงนี้ ได้แก่
  • สหรัฐ : ทรัมป์จะนำร่างงบประมาณ (รวมการเพิ่มค่าใช้จ่าย 3.3 หมื่นล้านUS$ เพื่องานด้านกลาโหม & สร้างกำแพงสหรัฐ/เม็กซิโก) เข้าพิจารณาในสภาคองเครสเดือนเม.ย.นี้...มีความท้าทายว่าจะผ่านหรือไม่ ถ้าไม่ผ่านก็เสี่ยงต่อการ Shutdown หน่วยงานรัฐ
  + สหรัฐ : GDP Growth งวด 4Q59 เติบโต 2.1% ดีกว่าคาดการณ์ที่ 1.9-2.0% ส่วนทั้งปี 59 เศรษฐกิจโต 1.6%...ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งค่าขึ้นเป็น 100.5 (ต่ำสุดรอบนี้ 98.8)
  • ญี่ปุ่น : ดัชนีราคาผู้บริโภค +0.3%YoY อัตราว่างงาน 2.8% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี แต่การบริโภคภาคครัวเรือนยังซบเซา (ก.พ. -3.8%YoY)
  • จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตมี.ค.อยู่ที่ 51.8 เพิ่มจาก 51.6 ในเดือนก.พ. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มเป็น 55.1 จาก 54.2 ในเดือนก.พ.
  + TCAP : เป็น Value Play ที่น่าสนใจในกลุ่มแบงค์เล็ก คาดปีนี้กำไรโตดี 17% จากเช่าซื้อเริ่มฟื้นตัว สินเชื่อ SME ส่งออกดีขึ้น อัตราภาษีจ่ายต่ำ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปีนี้ 8 เท่าและ P/BV 0.9 เท่า และให้ Dividend Yield กว่า 4% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 53 บาท
  + PTTGC : ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันรีบาวด์ คาดกำไร 1H60 เติบโตสูง YoY เพราะงวด 1H59 มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในแผนและนอกแผนทำให้ฐานกำไรต่ำ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 79 บาท (Note : ราคาน้ำมันยังผันผวน จึงเน้นเล่นรอบเป็นหลัก)
  • จัดพอร์ตบนความสมดุลของ Risk & Return (แบ่งเป็น 3 หมวด : หุ้นปันผล, หุ้นมั่นคง และหุ้นเติบโต) และทำ Re-balancing เป็นระยะหุ้นกลยุทธ์ (ที่มีพื้นฐานดี) แนะนำวันนี้เป็น TCAP
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดรวมเป็นบวก แนวต้าน 1590, 1600 ค่าลบหรือต่ำกว่า 1570 ควร Wait & See หรือลดพอร์ตตาม
  สำหรับการ SCAN หุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ ECL, TCAP, DELTA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ KKP, HANA, EPG, ESSO, TSR, AMA, CPN, GFPT, SCP, SRICHA, BANPU, STA หุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take Profit คือ AMATA, BEM, ORI หุ้นหลุด List ได้แก่ IRPC

 

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ :
+ จีน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการมี.ค.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
  สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.เพิ่มเป็น 51.8 จากก.พ.ที่ 51.6 ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเพิ่มเป็น 55.1 จากเดือนก.พ.ที่ 54.2 โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
• ญี่ปุ่น : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.เพิ่มขึ้นและ CPI +0.3%YoY
  ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. +2%MoM ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป +0.3%YoY ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน +0.2%YoY ซึ่งป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.พ.อ่อนลงที่ -3.8%YoY
+ สหรัฐ : GDP Growth งวด 4Q59 เติบโต 2.1% ดีกว่าคาดการณ์ที่ 1.9-2.0%
  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับจีดีพีประจำไตรมาส 4/2559 โดยระบุว่า จีดีพีมีการขยายตัว 2.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ขยายตัวเพียง 1.9% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2% โดยการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของระบบเศรษฐกิจโดยรวม +3.5% ในไตรมาส 4/59 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อนที่ +3% สำหรับทั้งปี 59 เศรษฐกิจสหรัฐ +1.6% ลดลงจากปี 58 ที่ +2.6% และเป็นอัตราการโตที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2554
• สหรัฐ : เฟดคลิฟแลนด์ส่งสัญญาณว่าเฟดจะขยับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 60-61
  เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเดอโปล เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์เมื่อวานนี้ว่า จีดีพีสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวมากกว่า 2% ในปี 2561 และอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่การขยายตัวที่ยั่งยืนในระดับ 2% ในปีหน้า พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ซึ่งการหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของเฟดซานฟรานซิสโก, เฟดชิคาโก และเฟดบอสตัน
• สหรัฐ : ทรัมป์จะนำร่างงบประมาณเข้าพิจารณาในสภาคองเครสเม.ย.นี้...มีความท้าทายว่าจะผ่านหรือไม่
  นักลงทุนจับตาการผลักดันร่างกฎหมายต่างๆของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันร่างงบประมาณให้ผ่านสภาคองเกรสภายในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐ โดยปธน.ทรัมป์ได้เสนองบประมาณมูลค่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐ โดยส่วนหนึ่งเป็นเงินงบประมาณที่จะช่วยให้หน่วยงานราชการของสหรัฐสามารถดำเนินการต่อไปได้ภายหลังเดือนเม.ย.60 ยังผลให้พรรคเดโมแครตปฏิเสธที่จะยอมรับข้อเสนอของรีพับลิกัน
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA รีบาวด์ รับ GDP งวด 4Q59 สหรัฐดีกว่าคาด และราคาน้ำมันบวกต่อ
  ดัชนี DJIA ปิดที่ 20,728.49 จุด เพิ่มขึ้น 69.17 จุด หรือ +0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,368.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.93 จุด หรือ +0.29% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,914.34 จุด เพิ่มขึ้น 16.80 จุด หรือ +0.28% ปัจจัยหนุนหลัก คือ GDP งวดไตรมาส 4/59 ของสหรัฐที่ +2.1% ดีกว่าคาด และราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อ
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นต่อ โดย WTI กลับมายืนเหนือ 50 US$/bbl
  สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ +1.7% ปิดที่ 50.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ +1% ปิดที่ 52.96 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากมีข่าวว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงคูเวต ได้ออกมาสนับสนุนให้มีการขยายเวลาการลดกำลังการผลิตจากกำหนดการปัจจุบันที่จะต้องบรรลุภายในมิ.ย.60 ซึ่งกลุ่มฯจะมีการประชุมร่วมกันปลายเดือนพ.ค.นี้
- สัญญาทองคำ : อ่อนลงมาปิดต่ำกว่า 1250 US$/ออนซ์
  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,248.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน US$ แข็งค่าขึ้นหลังตัวเลขจีดีพีงวดไตรมาส 4/60 ของสหรัฐเติบโตได้แข็งแกร่ง และหนุนให้เฟดขยับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้และปี 2561

 

ปัจจัยในประเทศ :
•/- สนช.ผ่าน 2 ร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียม...ถอนตั้ง"บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ"แต่เขียนข้อสังเกตให้ศึกษาใน 1 ปี
  สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับในวาระ 2 และวาระ 3 แล้วเมื่อดึกวานนี้ (30 มี.ค.60) หลังใช้เวลาในการอภิปรายกว่า 6 ชั่วโมง โดยได้ถอนเรื่องการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติในร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมออก แต่ได้เขียนข้อสังเกตในร่างฯดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาภายใน 60 วัน เพื่อศึกษารายละเอียดของการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ โดยใช้ระยะเวลาศึกษาภายใน 1 ปี
+ TCAP (ราคาปิด 48.50 บาท) : เป็น Value Paly ที่น่าสนใจในกลุ่มแบงค์เล็ก
  เราคาดการณ์ว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นในช่วง 2H60 ซึ่งทำให้สินเชื่อทั้งปีนี้ขยายตัวได้ แม้ว่าจะมีหนี้เช่าซื้อที่ครบกำหนดชำระก็ตาม ส่วนสินเชื่อรายใหญ่และ SME ก็ดูมีแนวโน้มดีขึ้นจากการที่ภาคธุรกิจมีการกู้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้นหลังภาคส่งออกฟื้นตัวได้ดี ธนาคารยังได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีจากการนำผลขาดทุนสะสมจากการชำระบัญชี SCIB มาใช้ในปีนี้ ทำให้อัตราภาษีจ่ายต่ำต่อจากปีก่อน
  Valuation จูงใจมาก ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปีนี้เพียง 8 เท่า และมี P/BV ที่ 0.9 เท่า ขณะเดียวกัน จ่ายปันผลในเกณฑ์ดีด้วย คาดการณ์ Dividend Yield ปี 60 ไว้ประมาณ 4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยที่ 3% แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 53 บาท

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!